มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1485
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1485
ถึงแม้เขาก็ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดในระดับเจ้านภาเช่นกัน แต่ทว่าจำนวนผู้แข็งแกร่งที่มีศักยภาพระดับนี้ในเมืองฟ้าเยือกก็มีไม่น้อย โดยเฉพาะครั้นเมื่อสำนักปีศาจดำและสมาคมจรัสนภาอยากจะดึงเขาเข้าพวก เพื่ออยู่กับน้องชายทั้งแปดของตนเขาจึงเลือกที่จะปฏิเสธ ต่อมาเขาจึงถูกกองกำลังทั้งหลายบีบคั้น
ยู่หวูฉิวมองหน้าหลัวซิว มุมปากมีรอยยิ้มขมขื่นปรากฎเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรู้ตั้งนานแล้วว่าศักยภาพของหลังซิวนั้นยิ่งใหญ่มาก ๆ ขอเพียงไม่ดับสลายสูญสิ้น ผลสำเร็จในอนาคตของเขาต้องสูงมากแน่นอน
แต่เขากลับนึกไม่ถึงเลยว่าหลัวซิวจะเติบโตได้รวดเร็วเช่นนี้ นี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสิบปี ศักยภาพของเขาก็สูงถึงขั้นที่สามารถสังหารกึ่งราชาเทพได้แล้วอย่างนั้นหรือ
ยิ่งกว่านั้นคือมีคำเล่าลือกล่าวว่าเขายังสังหารเจ้าเมืองน้อยของเมืองฟ้าเยือกด้วย จนทำให้เจ้าเมืองต้องออกไล่ล่าหลัวซิวด้วยตัวเอง นั่นมันผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพเชียวนะ!
มุมปากปีศาจสามกุ่ยเชียนโฉกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ครั้นนั้นเขาเคยมีจิตใจที่จะสังหารคนดังกล่าวเชียวนะ ปัจจุบันหากฝ่ายตรงข้ามจะฆ่าตัวเอง เกรงว่าแม้แต่ท่านพี่ใหญ่ก็คงต้านทานไม่อยู่
“หากทุกท่านอยากออกจากสถานที่แห่งนี้ ก็เข้ามาพร้อมกันเถอะ มิเช่นนั้นหากจี้เฟิงกลับมาเมื่อไหร่ เราจะหนีไม่รอดสักคน”หลัวซิวพลางกระตุ้นค่ายกลพลางค่อย ๆ เอ่ยปากพูด
“ขอบคุณผู้เพื่อนยุทธ์หลัวมากนะ”ยู่หวูฉิวเอามือทั้งสองประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอก ก่อนจะส่งซิกทางสายตาให้เหล่าน้องชายที่อยู่ด้านหลัง แล้วรีบย่างเท้าเดินเข้าไปในค่ายกล
ปีศาจทั้งเก้าต่างมีสภาพจิตใจที่ซับซ้อนต่อหลัวซิว เมื่อไม่กี่ปีก่อน หลัวซิวยังเรียกน้องชายทุกคนของตนว่าผู้อาวุโสอยู่เลย แต่ทว่าปัจจุบันศักยภาพของชายหนุ่มผู้นี้กลับอยู่สูงกว่าพวกเขามาก ๆ แล้ว
หากผ่านไปอีกไม่กี่ปี เกรงว่าพวกเขาพี่น้องทั้งเก้า คงตามไม่ทันเงาหลังของเขาด้วยซ้ำ……
“ตู้มม!”
เมื่อพลังในแก้วเทวค่อย ๆ แห้งเหือดไปหมด ภายใต้เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ค่ายวาร์ฟล่องหนระเบิดรังสีที่แวววาวถึงขั้นสุดออกมา ลำแสงขนาดใหญ่ทลายห้องโถงใหญ่ พุ่งทะยานขึ้นฟ้า พุ่งสู่ท้องฟ้าแห่งห้วงดาราโดยตรง!
เงาร่างของหลัวซิวและปีศาจทั้งเก้าที่อยู่ในลำแสงอันกว้างใหญ่นี้ค่อย ๆ เลือนลาง จนกระทั่งหายไปโดยสิ้นเชิง
ปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่มีพลังมหาศาลเกิดขึ้นต่อเนื่องนานมาก สีหน้าของผู้คนที่หลบหนีออกไปจากตำหนักหลักเมืองต่างดูเขียวช้ำ เนื่องจากพวกเขาล้วนเข้าใจดีมาก ๆ ว่าเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าหลัวซิวได้อาศัยค่ายวาร์ฟล่องหนหลบหนีไปจากที่นี่แล้ว
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของจี้เฟิงไม่ด้อยไปกว่าเรือรบดาราเลย มากกว่านั้นคือความเร็วของเขารวดเร็วกว่าเรือรบดาราเสียอีก
แต่ทว่าเมื่อเขาเร่งเดินทางกลับมาจากสถานผนึกดารามรณะ เขาก็ใช้เวลาไปสามวันกว่าอยู่ เมื่อเขากลับมาถึงเมืองฟ้าเยือก หลัวซิวก็จากไปนานแล้ว
“เจ้าคือผู้ใด?”
เงาร่างของจี้เฟิงลอยอยู่บนห้วงดารานอกเมืองฟ้าเยือก ตัวสำนึกของเขาได้กวาดสำรวจคูเมืองที่อยู่ด้านล่างแล้ว และทราบว่าหลัวซิวได้จากไปแล้ว
นี่จึงทำให้มีไฟโกรธที่สูงเทียนฟ้าอัดอั้นอยู่ในใจเขา แต่ทว่าในเวลานี้เอง เขาหันหน้ากลับไปมองด้านหลัง มีชายวัยกลางคนในชุดคลุมยาวสีดำคนหนึ่งกำลังหกระเหินเดินฟ้าตรงมาทางเมืองฟ้าเยือก
เห็นได้เลยว่าสีหน้าอารมณ์ของจี้เฟิงดูเคร่งขรึมเล็กน้อย เนื่องจากเขาสามารถสัมผัสออร่ากฎดั้งเดิมที่มากมายมหาศาลจากตัวชายวัยกลางคนชุดคลุมยาวดำนี่ ไม่ด้อยไปกว่าตนเลย
“เหอะ ๆ ข้ามีนามว่ามู่หมิง เดินทางผ่านสถานที่แห่งนี้ อยากสอบถามเกี่ยวกับคนคนหนึ่ง”
ชายวัยกลางคนชุดคลุมยาวดำอมยิ้มพลางโยนม้วนหยกออกมาหนึ่งชิ้น
จี้เฟิงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ยื่นมือออกไปรับม้วนหยก แผ่ห้วงจิตเข้าไปสำรวจภายในม้วนหยก ก่อนที่จะมีรูปวาดของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัว
“เจ้าหมอนั่นนี่! ……”
เสี้ยววินาทีที่เห็นภาพวาดของชายหนุ่มดังกล่าว ก็มีจิตที่จะฆ่าอันดุดันปะทุออกมาในแววตาจี้เฟิง
เพราะเขาคือ……หลัวซิว!