มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 143 กักขังวิญญาณ
บทที่ 143 กักขังวิญญาณ
ทันทีที่มีการกล่าวถึงลูกแก้วโลหิต สายตาของบางคนก็แอบมองไปยังหลัวซิว ก่อนหน้านี้ในพื้นที่เขต 1 เขาและหวงหยวนซานได้รวบรวมลูกแก้วโลหิตมากที่สุด หวงหยวนซานไม่ใช่จอมยุทธ์ที่ฝึกวิชากลั่นร่าง ดังนั้นลูกแก้วโลหิตถูกเก็บไว้ในแหวนเก็บของ ตอนนี้ตกไปอยู่ในมือของหลัวซิวทั้งหมด
หญ้าคืนวิญญาณที่เหยียนเยว่เอ๋อร์ต้องการอยู่ในพื้นที่เขต 3 นางคุ้นเคยกับเส้นทางที่นี้เป็นอย่างดี ภายใต้การนำของนาง ทุกคนค่อยๆ เข้าไปข้างในพื้นที่เขต 2
หลัวซิวกระจายการรับรู้ของเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน รู้สึกว่ามีเหงื่อเย็นซึมออกมาด้านหลังของเขา ภายในขอบเขตการรับรู้ของเขา มีอสูรระดับ 3 อย่างน้อยหนึ่งพันตัวที่กำลังซ่อนตัวอยู่ และมีอสูรหลายสิบตัวนั้นเทียบได้กับจอมยุทธ์ใหญ่ ทำให้เขารู้สึกได้ถึงอันตราย
อสูรระดับ 3 ขั้นสูง! ภายในขอบเขตที่เขาสามารถรับรู้ได้ ก็มีอสูรระดับ 3 ขั้นสูง จำนวนหลายสิบตัว และพื้นที่เขต 2 จะมีอสูรระดับ 3 ขั้นสูง จำนวนเท่าไหร่?
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเพียงพอที่จะไม่กลัวผู้ที่อยู่ภายใต้ปรมาจารย์ฝึกจิต แต่หากถูกล้อมโดยอสูรระดับสามระดับ 3 ขั้นสูงหลายตัว อันตรายอย่างยิ่ง
เขาสามารถฆ่าจอมยุทธ์ใหญ่แดนพรสวรรค์ขั้น 9 ได้อย่างง่ายดาย เพราะสิ่งที่เขาฝึกฝนคือวิชาดาบเร็ว และได้บรรลุถึงแดนบริบูรณ์แบบแล้ว!
ดาบเร็ว เกี่ยวกับการฆ่าในครั้งเดียว และฐานการฝึกฝนของเขาไม่สูง ซึ่งทำให้คู่ต่อสู้รู้สึกดูหมิ่นได้ง่าย
นอกจากนี้ยังมี ชพลังแปรเสวียนเทียนวิชายิ่งเลิศนี้ ก่อนหน้านี้ที่เขาฆ่าหวงหยวนซานในครั้งเดียว เพราะเขาได้แอบใช้นี้!
หากเขาเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ฝึกจิต แม้ว่าจะเป็นฝึกจิตระดับ 1 ที่ ธรรมดาที่สุด การรับรู้จิตวิญญาณก็จะเปลี่ยนเป็นการสำนึก แม้ว่าดาบของเขาจะเร็วมาก แต่ก็ยากที่จะเป็นภัยคุกคามต่อปรมาจารย์ฝึกจิต
เดินอยู่ในป่าที่มีกิ่งก้านสีแดงเลือด อสูรสามตัวพุ่งออกมาอย่างดุเดือด
อสูรทั้งสามตัวนี้เทียบเท่ากับพรสวรรค์ขั้นปฐมภูมิ และไม่เป็นภัยคุกคามต่อผู้คนด้วย
หลัวซิวก้าวออกไปหนึ่งก้าว แเปลวไฟแห่งความตายผุดขึ้นมาบนฝ่ามือหลายเป็นพลังดาบและเจาะหัวของอสูรหนึ่งในนั้นให้ตายในครั้งเดียว
อสูรอีก 2 ตัวถูกฆ่าด้วยจอมยุทธ์พรสวรรค์ขั้น 7 สองคน สำหรับจอมยุทธ์คนอื่นๆ ที่มีฐานการฝึกฝนต่ำกว่า ไม่กล้าแย่งกับคนทั้งสามคน
ในแดนนานาอสูร ทุกคนรู้ดีว่าต้องไม่ไปรุกรานพวกที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง
ในอสูรสามตัว มีศพอสูรสองตัวค่อยๆ เบลอ แต่ละตัวกลั่นลูกแก้วโลหิตสีแดงออกมา
หนึ่งในลูกแก้วโลหิต มาจากอสูรที่หลัวซิวฆ่า และพรสวรรค์ขั้น 7 ผู้ที่ไม่ได้ลูกแก้วโลหิต มีสีหน้าผิดหวัง
หลัวซิวยื่นมือเก็บลูกแก้วโลหิต เขาดีใจมาก ลูกแก้วโลหิตพรสวรรค์ลูกนี้ มีเลือดปราณเทียบเท่ากับลูกแก้วโลหิตชี่ไห่ถึงสิบเท่า!
“ลูกแก้วโลหิตน่าจะเพียงพอสำหรับการกลั่นร่างของข้าให้บรรลุผลขั้น 1 และอาจถึงขั้นบริบูรณ์อีกด้วย! หากลูกแก้วโลหิตฝึกจิต อาจจะสามารถฝึกฝนวิชาวัชรยักษ์ครองร่างถึงขั้น 2 ได้!”
ถ้ามีใครรู้ถึงความคิดของหลัวซิว ก็ตกใจมากแน่ เพราะเขาต้องการพึ่งการกลืนลูกแก้วโลหิตในการฝูกฝนวิชากลั้นร่างถึงนักยุทธ์ระดับชั้นล่าง หากประสบความสำเร็จ แค่พลังของเนื้อหนังของเขา แทบจะสู้กับปรมาจารย์โลกยุทธ์แดนฝึกจิตขั้น9ได้!
ในเวลานี้ เสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ก็ดังก้องอยู่ในป่าทึบ
“ไม่ รีบไปจากที่นี่เร็ว!”
ใบหน้าสวยงามของเหยียนเย่วเอ๋อร์เปลี่ยนไป กล่าวว่า “อสูรตัวนั้นที่ไม่มีลูกแก้วโลหิต กลิ่นเลือดจะดึงดูดอสูรตัวอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงมา และทันทีที่ถูกฝุงอสูรล้อมรอบก็จะมีอันตราย!”
ขณะที่พูดเหยียนเย่วเอ๋อร์ขยับร่างกายก่อน บินไปยังส่วนลึกของป่าด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก
ชายร่างกำยำและชายเสื้อขาวตามไปเปรียบเสมือนเงา เหมือนผู้พิทักษ์ที่จงรักภักดีที่สุด
สีหน้าคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไป ไม่มีใครกล้าที่จะอยู่กับที่ ต่างก็บินตามไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าหลัวซิวก็เปลี่ยนไปในทันที ภายใต้การรับรู้ของเขา อสูรพรสวรรค์หลายร้อยตัวพุ่งมายังสถานที่แห่งนี้
ทุกคนใช้การเคลื่อนไหวด้วยความเร็วจนสุดขีด แต่บางคนก็เร็ว บางคนก็ช้า และเมื่อมีอสูรมากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มคนก็แตกแยกจากกันอย่างรวดเร็ว
“บูม! บูม! บูม!…”
เสียงสั่นสะเทือน ต้นไม้ล้มลง หินแตก รวมกับเสียงคำรามด้วยโทสะของมนุษย์จอมยุทธ์ เสียงคำรามของอสูร เกิดความโกลาหลในป่าสีแดงสด
ในสายตาของหลัวซิว เหยียนเย่วเอ๋อร์ได้หายตัวไปแล้ว มีอสูรอยู่ทุกหนทุกแห่ง และเขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
…
เหยียนเยว่เอ๋อร์ยืนเงียบ ๆ บนลำต้นหนาของต้นไม้สีแดงสด ผมยาวสีแดงเพลิงปลิวไสวอยู่ข้างหลังศีรษะของนาง ริมฝีปากสีแดงยิ้มน้อยๆอย่างเย็นชา
ด้านหลังนาง ชายร่างกำยำและชายชุดขาว สีหน้าเคารพและไม่พูดอะไร
คนสองคนนี้เป็นข้ารับใช้ที่เธอรับไว้หลังจากหลบหนีจากตระกูลเหยียน และถูกกักขังวิญญาณด้วยมือของนางเอง พวกเขาจะไม่ละเมิดคำสั่งใดๆ ของนาง
กักขังวิญญาณ เป็นวิธีการควบคุมอย่างหนึ่ง เป็นการฝังวิชาอย่างหนึ่งลงไปในวิญญาณของอีกฝ่ายหนึ่ง ความคิดเดียวก็สามารถทำให้ผู้ที่ถูกกักขังวิญญาณไม่สามารถควบคุมความเป็นหรือตายของตัวเองได้
แต่วิธีการกักขังวิญญาณนี้ต้องเป็นผู้ที่มีการสำนึกแข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ถึงจะใช้ได้เท่านั้น
เหยียนเย่วเอ๋อร์เป็นผู้มีการสำนึก ในขณะนี้ จิตสำนึกของนางได้ปกคลุมไปทั่วป่าสีเลือดนี้ ภาพจอมยุทธ์พรสวรรค์ทั้งหลายที่ดิ้นรนสุดชีวิตภายใต้การล้อมของอสูรอยู่ในสายตานางหมด
“พวกเจ้าทั้งสองรอข้าอยู่ที่นี่”
เหยียนเยว่เอ๋อร์พูดเสียงเรียบ จากนั้นร่างกายบอบบางของนางก็หายเข้าไปในป่า
เมื่อเห็นร่างของนางหายไป ความเคารพบนใบหน้าของชายร่างกำยำและชายชุดขาวก็หายไป ล้วนแสดงความขมขื่นและไม่เต็มใจออกมา
เมื่อก่อน ชายร่างกำยำเห็นว่าเหยียนเย่วเอ๋อร์หน้าตางดงามเลยเอ่ยแซวนาง แต่กลับถูกนางยกนิ้วชี้และได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นถูกฝังวิชากักขังวิญญาณ
ชายชุดขาวถูกฝังวิชากักขังวิญญาณ ตามที่เหยียนเย่วเอ๋อร์กล่าว เป็นเพียงเพราะนางไม่ชอบเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกแย่มาก
หลังจากนั้นไม่นาน เหยียนเย่วเอ๋อร์ก็กลับมาพร้อมมือสองข้างที่จับคนไว้ เป็นจอมยุทธ์พรสวรรค์สองคนที่เข้าสู่แดนนานาอสูรด้วยกัน
ร่างกายทั้งสองคนปกคลุมไปด้วยบาดแผลจากกรงเล็บของอสูร ลมหายใจอ่อนแรงมาก มีเพียงรอยฝ่ามือบนจุดตันเถียนเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เกิดจากอสูร แต่ถูกเหยียนเย่วเอ๋อร์ทำลายพลังไป
“แค่ก แค่ก แค่ก…”
ในถ้ำที่ซ่อนอยู่ เสื้อคลุมสีดำของหลัวซิวฉีกขาดไปหมด หน้าอกของเขาเต็มไปด้วยเลือด มีบาดแผลไปทั่วร่างกาย
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเพียงพอที่จะกวาดล้างแดนพรสวรรค์ แต่ภายใต้การล้อมรอบของอสูรแดนพรสวรรค์หลายร้อยตัว เขาสามารถหลุดพ้นจากการล้อมรอบได้ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในแหวนเก็บของ มีลูกแก้วโลหิต 12 ลูกเพิ่มขึ้น ซึ่งได้มาจากการฆ่าอสูรตอนออกมาจากการล้อมรอบของเหล่าอสูร ลูกแก้วโลหิต 12 ลูกนี้ เป็นลูกแก้วโลหิตพรสวรรค์ น่าจะสามารถทำให้เขาฝึกวิชากลั่นร่างถึงแดนบรรลุผล
แต่หลังจากที่หลัวซิวกลืนลูกแก้วโลหิตมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็พบว่าลูกแก้วโลหิต กลั่นมาจากสารพลังเลือดปราณทั้งร่างของอสูร เลือดปราณของอสูรกับเลือดปราณของมนุษย์ แตกต่างกันมาก
ดังนั้นในกระบวนการกลั่น การเปลี่ยนเลือดปราณของอสูรให้เป็นเลือดปราณของตัวเอง จะทำให้พลังของตนเองปั่นปวน
########################