มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1394
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1394
ซือถูเจิ้งเจี้ยนสามารถพูดได้ว่าหลังจากก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกยุทธ์ หลัวซิวคือศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
ในตอนแรกที่โลกแสงดาวนั้น เขาได้รับการสืบทอดชิ้นส่วนของใจแห่งศุภรและเกราะเทพเวหากาล เทพสงครามเอกภพก็เคยวิงวอนว่าหากมีวันใดที่เขาได้ครอบครองพลังที่แข็งแกร่งมากพอ สามารถช่วยให้เขาได้เขาฆ่าซือถูเจิ้งเจี้ยนเพื่อสะสางความแค้น
ต่อมาก็เพราะเรื่องนี้ สำนักเทียนช่าจะต้องพบเจอกับหายนะ ช่าจื่อเยียนหายตัวไปไร้ร่องรอย ทำให้หลัวซิวสาบานอยู่ภายในใจ ว่าหากมีโอกาส จะต้องสังหารอีกฝ่ายให้ได้
จากโลกแสงดาว ถึงโลกเสวียนเทียน และไปยังโลกาอสูรฟ้าเขาได้พบเจออุปสรรคมากมาย เดิมทีคิดว่าอย่างน้อยก็จะรอให้กลายเป็นเทพฟ้าหรือกระทั่งราชาเทพเสียก่อน จึงจะไปเผชิญหน้ากับศัตรูผู้นี้อย่างซือถูเจิ้งเจี้ยน แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวขึ้นเร็วขนาดนี้ ทำให้ต้องเผชิญกับวิกฤตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โชคดีที่สิ่งต่าง ๆ สถานการณ์พลิกกลับอีกครั้ง เขาเข้าสู่วิถีหยินหยาง อาศัย แหล่งแห่งกฎไท่หยินและกฎไท่หยินวิถีหยินหยางของขั้นที่หนึ่ง ฝึกเป็นวิชาอาถรรพณ์จุดลมปราณ เปิดใช้งานความลึกลับของจุดลมปราณร่างกายขั้นที่หนึ่ง กำเนิดเป็นพิภพภายในร่างกาย
ถึงจะเป็นเช่นนี้ เขายังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซือถูเจิ้งเจี้ยนอยู่ดี เนื่องจากพลังระหว่างทั้งสองนั้นมันแตกต่างกันมาเกินไป
ดังนั้นหลัวซิวจึงได้คิดแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว กำหนดเป้าหมายสนามรบเอาไว้ที่โลกแสงดาว
ภายใต้การควบคุมของกฎพิภพ ซือถูเจิ้งเจี้ยนไม่สามารถสู้ได้เลย ถูกเขาใช้สำนักเต๋าเสวียนเทียนผนึกควบคุมเอาไว้ บังคับพามายังโลกแสงดาว ผลการฝึกตนถูกกดลงไปอยู่ที่แดนกึ่งเทพฟ้าทันที
แต่ในทางกลับกันตัวหลัวซิวเอง กลับไม่ได้รับผลกระทบจากกฎพิภพใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นที่พิภพต่ำหรือพิภพกลาง พลังของเขาก็ไม่ได้มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
ว่ากันตามบางมุมมอง จุดใดจุดหนึ่งการมีอยู่ของกฎพิภพ คือการสะท้อนให้เห็นถึงเจตจำนงแห่งสวรรค์ ปกป้องความปลอดภัยของอสูรจิตที่อยู่ในโลกามนุษย์
ไม่เช่นนั้น หากผู้แข็งแกร่งโลกาชั้นฟ้าสามารถมายังโลกามนุษย์ได้ตามอำเภอใจ อีกทั้งยังไม่ได้รับการควบคุมพลังใด ๆ เช่นนั้นนักยุทธ์ที่อาศัยอยู่ที่โลกามนุษย์ เกรงว่าจะต้องอยู่ภายใต้การกดขี่ไปตลอดกาล
สวรรค์ไร้ความปราณี แต่กลับแต่คงไว้ซึ่งความเป็นธรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ มาตลอด
สีหน้าของซือถูเจิ้งเจี้ยนซีดขาวอย่างยิ่ง ร่างของเขาถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว หมุนเวียนกฎพลังเทพภายในร่างกาย เลือดเนื้อของแขนที่ถูกฉีกกระชากไปได้เกิดขึ้นใหม่ ในไม่ช้าแขนอีกข้างก็งอกขึ้นมาพร้อมกับเมือก
เขาไม่ใช่นักยุทธ์กลั่นร่าง ถึงแม้ว่าภายใต้การควบคุมของกฎพิภพ ร่างกายของเขาก็เคยผ่านการชุบร่างของกฎระดับราชาเทพ สูญเสียพลังงานผลการฝึกตนเพื่อใช้วรยุทธ์ให้แขนที่ขาดงอกขึ้นมาใหม่ ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด
“เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ ต่อให้พลังแข็งแกร่งกว่าข้าแล้วอย่างไร? คนที่จะต้องตายย่อมต้องเป็นเจ้าอยู่ดี!” ซือถูเจิ้งเจี้ยนนัยน์ตาแดงกร่ำ ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นต่อหลัวซิว
ตนตามหาชิ้นส่วนใจแห่งศุภรอย่างยากลำบากมานับหมื่นปีแต่กลับถูกคนผู้นี้แย่งชิงไป ชาติก่อนเขาเปิดโลกาอสูรฟ้าทิ้งตราชีวีไว้ที่กมลโลกาก็ถูกคนผู้นี้นำไปฝึกแปร กมลโลกาก็ถูกชิงไป จะไม่ให้เขาเกลียดได้อย่างไร?
เวลานี้ผลการฝึกตนถูกกดไว้เหลือเพียงแดนกึ่งเทพฟ้า นักยุทธ์อันทรงพลังก็ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ซือถูเจิ้งเจี้ยนพลิกมือหยิบกระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของ ปราณปีศาจที่หนาแน่น หมุนเวียนผันผวนกฎระดับเทพฟ้า
นักยุทธ์เทพฟ้าชิ้นนี้ ด้วยผลการฝึกตนของซือถูเจิ้งเจี้ยน ในเวลาปกติแม้แต่มองยังคร้านที่จะมอง คิดไม่ถึงว่าในวันนี้มันจะได้มีประโยชน์อย่างมาก
เขาสามารถมองออก หลัวซิวได้หมดพลังอันยิ่งใหญ่ลงไปแล้ว ทุกครั้งที่ลงมือจะส่งผลต่อการบาดเจ็บในร่างกาย ทำให้อาการบาดเจ็บยิ่งเพิ่มมากขึ้น ตราบใดที่เขาสามารถต้านทานการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้อีกไม่กี่ครั้ง ผู้ชนะย่อมเป็นเขาอย่างแน่นอน