มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1050
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1050
“ผู้อาวุโสจื่อเยียน” หลัวซิวก้าวไปข้างหน้าคารวะ
งูมรณาจิ่วหยินแปลงร่างเป็นมนุษย์เช่นกัน เมื่อเขาเห็น ซุ๋นหวู่หยาและ ซุ๋นซินเหลียนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง มันตามช่าจื่อเยียนตั้งแต่ตอนอยู่ที่โลกเสวียนเทียน และรู้จักสองคนนี้อยู่แล้ว
“องค์ชายหวู่หยา คุณหนูซินเหลียน” เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อคารวะ พร้อมแนะนำให้หลัวซิวรู้จัก “สองคนนี้เป็นเพื่อนของนายท่านในโลกเสวียนเทียน”
หลัวซิวรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังหนุ่มมาก แต่เขาก็ยังคงก้าวไปข้างหน้าแล้วคำนับ “ข้าน้อยขอคาระวะผู้อาวุโสทั้งสอง”
“หลัวซิว มรณะ เกิดอะไรขึ้น?” ช่าจื่อเยียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะนางรู้ดีว่าหากไม่มีการเรียกของนางเอง งูมรณาจิ่วหยินจะไม่ออกจาก เหวปีศาจมรณาอย่างง่ายดาย
“เจ้าหนุ่มหลัว เจ้ามาพูดเถอะ” งูมรณาจิ่วหยินพูดอย่างเคร่งขรึม
หลัวซิวก้าวไปข้างหน้าและเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา รวมทั้งเรื่องที่ว่ากองกำลังต่างๆ ได้ปิดล้อมโจมตีแดนตำหนักจื่อในตอนเริ่มต้น
“ช่างกล้ามากนัก!”
ช่าจื่อเยียนโกรธจัดตามที่คาด นางมองไปที่หลิวหงเทียนด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าแดนหลิว เจ้ามีอะไรจะพูด?”
หลิวหงเทียนยิ้มอย่างขมขื่น ในฐานะเจ้าแห่งดินแดนศักดิสิทธิ์และยังเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาร่วมงานกับเหล่าเทพมารจากโลกาชั้นฟ้าบ่อยครั้ง และทุกสิ่งที่เขาทำนั้นขึ้นอยู่กับประโยชน์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มีความลำเอียงต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดอยู่บ้าง
ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังที่ปิดล้อมโจมตีแดนตำหนักจื่อหรือเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามที่ตามฆ่าหลัวซิว แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าไม่เหมาะสม แต่เขาก็ยังยืนอยู่ข้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์
แต่เขารู้ดีว่าช่าจื่อเยียนโกรธจริงๆ และถึงกับเริ่มรังเกียจเขาเล็กน้อย
“เป็นแค่แดนศักดิ์สิทธิ์ของพิภพล่าง กล้าที่จะไม่เอาพี่สาวที่เป็นเทวทูตวางไว้ในสายตา ข้าว่าจับสามคนนั้นมาดึงวิญญาณออกมาแล้วทำลายจิตวิญญาณของพวกเขา ลงโทษพวกเขาอย่างหนักถึงจะถูก!” ซุ๋นซินเหลียนพูดอย่างเย็นชา
นางรู้สึกว่าพี่จื่อเยียนอยู่พิภพล่างสามหมื่นปีก็น่าเอ็นดูสงสารมากพอแล้ว มดในพิภพล่างยังกล้าที่จะไม่เชื่อฟังนาง ซึ่งทำให้นางอยากฆ่าทันที
นางดูเหมือนเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่จริงๆ แล้วนางเป็นเทพมารที่ฝึกฝนมานับหมื่นปี นางไม่มีความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจอย่างผู้หญิง
“น้องสาวพูดถูก ไอ้พวกที่ไม่เชื่อฟังแบบนี้ควรถูกกำจัดให้หมด!” ซุ๋นหวู่หยาเลิกยิ้ม เขาพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย
มีเหงื่อเย็นบนหน้าผากของหลิวหงเทียนซึมออกมา หากเทวทูตเหล่านี้ที่มาจากโลกาชั้นฟ้า มีใจจะจัดการแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามแห่งจริงๆ ตำหนักดารานภา นิกายมารศักดิ์สิทธิ์และตระกูลหวูจะกลายเป็นประวัติศาสตร์จริงๆ
เขาหันไปมองหลัวซิวและพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “หลัวซิว เจ้าเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันปล่อยพวกเขาได้หรือไม่?”
สีหน้าของหลัวซิวนั้นเฉยเมย “พวกเขาเคยคิดที่จะปล่อยข้าไปเพราะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันหรือไม่? และเจ้า เจ้าแดนหลิว จากความสัมพันธ์ที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเคยห้ามพฤติกรรมเอาแต่ใจเช่นนี้ของพวกเขาหรือ?”
คำพูดของหลัวซิวทำให้หลิวหงเทียนไม่สามารถหักล้างได้
“เจ้าแดนหลิว ข้าไม่อยากพูดอะไรเป็นพิเศษ ท่านรู้ว่าควรจะพูดอะไร” ช่าจื่อเยียนกล่าวอย่างเฉยเมย
ในสมัยโบราณ เผ่าปีศาจลงมา ถ้าไม่ใช่เพราะนาง เทวทูตจื่อเยียน เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์มารคงถูกปีศาจกำจัดไปหมดแล้ว
นางสามารถปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ และนางก็สามารถทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เช่นกัน ยิ่งมีความช่วยเหลือของ ซุ๋นหวู่หยาและ ซุ๋นซินเหลียนนางสามารถทำลายเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าปีศาจได้อย่างง่ายดาย
“ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไร” หลิวหงเทียนถอนหายใจและไม่อธิบายโต้เถียงอีกต่อไป เขาออกจากดินแดนศักดิสิทธิ์ทันที
“เหล่าเทพมารรับฟัง!” ช่าจื่อเยียนกล่าวเสียงต่ำ
“ข้าน้อยอยู่ที่นี่แล้ว!” เทพมารหลายคนที่ติดตามนางลงมาจากโลกเสวียนเทียนเมื่อหลายหมื่นปีก่อนตอบพร้อมกัน