ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 432 การปรากฎตัวของซูหยู่
แม้ว่าเค้าจะสูญเสียแขนขาของตัวเองไป แต่สำหรับจอมยุทธ์แล้ว เค้ายังสามารถโจมตีได้อยู่
มันเห็นเพียงแค่ว่าปากของฮั่วป้าวคายพลังปราณออกมา มันราวกับเข็มเงิน! ความแข็งแกร่งของพลังปราณนี้ มันคมมาก มันมากพอที่จะเจาะเหล็กและคร่าชีวิตมนุษย์ได้เลย!
“วู้วววว!”
เข็มเงินนี้ถูกสอดเข้าไปในร่างของฉินเฉิงในทันที แต่สิ่งที่ทำให้ฮั่วป้าวต้องตื่นตระหนกก็คือหลังจากที่มันสัมผัสร่างกายของฉินเฉิงแล้ว เข็มเงินก็หักออกเป็นสองส่วนในทันที!
“เป็นไปได้ยังไงกัน?” สีหน้าของฮั่วป้าวดูไม่ได้เลย “แม้ว่ามันจะหมดสติไปแล้ว แต่ร่างกายของมันก็ยังมีความแข็งแกร่งอยู่?”
หลังจากผสานเข้ากับกระดองเต่าแล้ว ร่างกายของฉินเฉิงก็มีความแข็งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
นี่มันก็ไม่ต้องพูดถึงระดับขั้นของจอมยุทธ์เลย แม้แต่จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่สามารถทำอะไรต่อร่างกายของฉินเฉิงได้เลย!
“หวด หวด หวด!”
ฮั่วป้าวยังคงไม่ยอมแพ้ เค้าอ้าปากแล้วพ่นเข็มเงินออกมาหลายสิบอัน! แต่เข็มเงินทุกอันก็หักในทันทีเมื่อสัมผัสเข้ากับร่างของฉินเฉิง!
“ฉันไม่เชื่อ!” ฮั่วป้าวพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ แล้วใช้พลังงานปราณทั้งหมดจี้ไปยังจุดอ่อนบนร่างกายของฉินเฉิง รวมถึงดวงตา คอ หรือแม้แต่ไอ่นั่นที่ส่วนล่างของร่างกาย!
แต่สิ่งที่ฮั่วป้าวตกใจก็คือแม้แต่ส่วนล่างนั้น มันก็ไม่สามารถแทงทะลุได้เลย!
“บัดซบ!” ฮั่วป้าวตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด เค้ามองเห็นเงินล้านอยู่ตรงหน้า แต่เค้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย นี่จะไม่โกรธได้ยังไงกัน!
พลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ของฉินเฉิงและเพลิงแห่งจิตวิญญาณก็ยังคงหลอมรวมกันอยู่ในร่างกายของฉินเฉิง ภายใต้ความเจ็บปวดที่รุนแรงนี้เอง ร่างของฉินเฉิงก็สั่นเทาอย่างต่อเนื่อง
ฮั่วป้าวครุ่นคิดอยู่นาน เค้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วตัดสินใจที่จะล้มเลิกการฆ่าฉินเฉิงเพราะเค้าไม่สามารถทำอะไรฉินเฉิงได้เลย
ในตอนที่ฮั่วป้าวเตรียมตัวที่จะจากไปนี้เอง ฉินเฉิงก็ยกมือขึ้นแล้วฝ่ามือสีทองดำของเค้าก็ตบไปที่หัวของฮั่วป้าว!
สีหน้าของฮั่วป้าวเปลี่ยนไปอย่างมาก เค้าตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก แต่เค้าก็ไม่สามารถหยุดมือที่พุ่งตรงเข้ามานี้ได้เลย
ด้วยเสียงที่คมชัด หัวของฮั่วป้าวก็ถูกตบจนเละเป็นโจ๊ก!
แม้ว่าฉินเฉิงจะหมดสติ แต่เค้าก็ยังทุบหัวของฮั่วป้าวให้แตกได้!
ฉินเฉิงในวันนี้ บนโลกของจอมยุทธ์เค้าคือคนที่อยู่ยงคงกระพันอย่างแท้จริง!
ในบาร์ยังมีคนที่หมดสติอยู่ นี่ก็ไม่รู้เลยว่ามันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว สติของฉินเฉิงก็ค่อยๆฟื้นกลับคืนมาอย่างช้าๆ
เพลิงแห่งจิตวิญญาณนี้พุ่งเข้าสู่ทะเลสีทองของพลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ของฉินเฉิง ในช่วงการหลอมรวมเพลิงแห่งจิตวิญญาณ ร่างกายของฉินเฉิงก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก มันเลยทำให้เค้ากลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเจ็บปวด
พลังอันมหาศาลมันก็แผ่ไปทั่วร่างกายของฉินเฉิง
แต่สิ่งที่ทำให้ฉินเฉิงประหลาดใจมากที่สุดก็คือเพลิงแห่งจิตวิญญาณนี้ มันรวมเป็นหนึ่งกับร่างกายของตัวเอง!
“ดูเหมือนว่าเพลิงแห่งจิตวิญญาณจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ฉันได้” ฉินเฉิงคิดกับตัวเอง
ก่อนหน้านี้ฉินเฉิงคิดว่ามีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเองได้ นั่นคือการเลื่อนขั้นขึ้นของระดับขอบเขตพลังของตัวเอง
แต่ตอนนี้ ฉินเฉิงก็ค้นพบว่าแม้ว่าเค้าจะยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เค้าก็ยังมีโอกาสที่จะอยู่ยงคงกระพันในโลก
เพราะมันมีหลายวิธีการในเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตัวเอง
เมื่อมองไปที่ศพของฮั่วป้าวบนพื้น ในใจฉินเฉิงก็อดคิดไม่ได้ว่า: “สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตู พวกเค้าน่าจะหาตำแหน่งของฉันเจอได้ในไม่ช้านี้”
เมื่อต่อสู้กับใครก็ตาม มันก็เท่ากับว่าเป็นการเปิดเผยตำแหน่งของตัวเอง
ดังนั้น ในคืนนี้ฉินเฉิงจะต้องออกไปจากที่นี่แล้วรีบไปที่เมืองหยาง
ทางตอนเหนือสุดของหยางเฉิง มันก็มีการขุดหลุมฝังศพขนาดใหญ่
ร่างของเค้าถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมสีดำ เค้ากำลังยืนอยู่บนยอดของหลุมศพ
ลมหนาวพัดผ่านเสื้อคลุมสีดำของเค้าให้ลอยสูงขึ้น เมื่อมองดูแล้ว เค้าดูราวกับค้างคาวยักษ์
“ในหลุมฝังศพนี้มันไม่มีอะไรเลย ทำไมแกถึงต้องการปล่อยข่าวออกไป…” คนๆ นี้ไม่ใช่ใคร เค้าก็คือซูหยู่!
เค้าได้ขุดค้นหลุมฝังศพขนาดใหญ่นี้แล้ว ตอนนี้หลุมฝังศพนี้มันก็กลายเป็นหลุมที่ว่างเปล่า
หลังจากนั้นไม่นาน มันก็มีเสียงแหบแห้งแปลกๆโผล่เข้ามาในหัวของเค้า: “ยิ่งมีคนมามากเท่าไหร่ พลังของพวกเราก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเร็วขึ้น ไม่ใช่เหรอ…” เค้าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาไม่หยุด: “แกกำลังจะกลืนกินเหล่าคนที่มีพรสวรรค์บนโลกนี้…”
“หึหึหึ…” เสียงนั้นมันก็หัวเราะแปลกๆขึ้นมาในใจของเค้า
หลังจากผ่านไปไม่นาน ซูหยู่ก็ถามว่า: “ความแข็งแกร่งของเราจะไปถึงขั้นไหนกัน? ครึ่งหนึ่งของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่? จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่?”
“จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่?” เสียงที่ดังขึ้นมาในใจของเค้า น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“ในตอนนั้นที่ฉันอยู่ในขั้นสุดยอด มันก็ก้าวไปได้แค่ครึ่งหนึ่งของระดับหัวจิน! ตราบใดที่ฉันกลืนกินคนเข้าไปมากพอ ฉันสามารถพาแกไปถึงจุดสูงสุดบนโลกใบนี้ได้! เมื่อถึงเวลานั้น ทุกคนจะต้องก้มหัวให้แก!” น้ำเสียงที่มืดมนก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
ครึ่งหนึ่งของระดับหัวจิน
ระดับนี้เป็นขั้นที่ไม่มีใครไปถึงมานานแล้ว!
แต่ซูหยู่กลับรู้สึกตื่นเต้นมาก ถ้าเค้าสามารถก้าวเข้าสู่ระดับหัวจินได้ซักครึ่งหนึ่ง นี่มันก็ไม่ต้องพูดถึงฉินเฉิงเลย แม้แต่เย่อชิงยุนเองก็ยังทำอะไรเค้าไม่ได้!
“ฉันมีคำถาม” ซูหยู่พูดต่อว่า “ในโลกนี้ มันยังมีระดับหัวจินหลงเหลืออยู่ไหม?”
เสียงนี้มันก็เงียบไปนาน จากนั้นมันก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ระดับขั้นหัวจินนี้ ไม่มีใครเข้าถึงระดับนี้มาเป็นร้อยปีแล้ว”
ซูหยู่ในตอนนี้ เค้าก็แข็งแกร่งและทรงพลังมาก
หากรอบนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่น เค้าก็น่าจะมีโอกาสได้ก้าวเข้าสู้ระดับขั้นของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่!
และเช่นเดียวกับชายชุดดำคนนี้ ตราบใดที่ซูหยู่ออกคำสั่ง ชายชุดดำนับพันก็พร้อมที่จะปรากฎตัวขึ้นมา!
เมื่อถึงตอนนั้น สำนักงี่เง่าพวกนั้น มันก็ไม่ต้องพูดถึงเลย!
…
ที่เมืองหยาง นักยุทธ์หลายคนก็กำลังรวมมาตัวกัน
มันรวมไปถึงเซี่ยงเหม่ยเอ๋อ จู้เหยาและเฉียวเซิง
“เป็นมนต์ดำที่แข็งแกร่งจริงๆ” เซียงเหม่ยเอ๋อยืนอยู่ใต้หลุมฝังศพขนาดใหญ่นี้ เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
“ไม่เพียงแต่มนต์ดำเท่านั้น แต่มันยังมีปีศาจชั่วที่แข็งแกร่งอีกด้วย” เซียงคางก็พูดเบาๆขึ้นมา
นักยุทธ์จำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่ พวกเค้ามองดูสุสานอย่างเงียบๆ
ในตอนนี้เอง ชายสี่ถึงห้าคนในชุดคลุมอย่างเป็นทางการก็เดินเข้ามา
“เป็นคนของสมาคมศิลปะการต่อสู้!” คนที่จำเสื้อคลุมนี้ได้ เค้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
หากสมาคมศิลปะการต่อสู้เข้ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย พวกเค้าจะกลายเป็นผู้นำของที่นี่อย่างแน่นอน
การที่หลุมฝังศพขนาดใหญ่แบบนี้จะมีของมีค่า มันก็ไม่แน่
คนหลายคนจากสมาคมศิลปะการต่อสู้ก็มองไปที่พวกเค้าอย่างเย็นชาด้วยสายตาที่ข่มขู่
แม้ว่าพวกเค้าจะไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเค้าก็ขึ้นไปยืนอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุด
“ไม่รู้ว่าฉินเฉิงจะมาหรือเปล่า” จู้เหยามองไปที่หลุมฝังศพแล้วคิดกับตัวเองขึ้นมา
“คุณหนูจู้” ในตอนนี้เอง เฉียวเซิงที่อยู่ไม่ไกลก็เดินเข้ามา
เค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “คุณจู้มาคนเดียวเหรอครับ?”
จู้เหยาพยักหน้าแล้วพูดว่า: “คุณเฉียวเองก็สนใจสุสานนี้ด้วยเหรอ?”
“ฮ่าฮ่า ก็แค่ลองมาดู” เฉียวเซิงพูดว่า “ก็แค่ลองมาหนะ”
เหยียนเซี่ยสามารถเรียกคนหนุ่มสาวมาได้ไม่มากนัก มีเพียงเฉียวเซิงกับจู้เหยาเท่านั้น
ดังนั้นพวกเค้าทั้งสองก็เลยเกาะกลุ่มกัน
ในที่มืด
ซูหยู่ยิ้มแล้วมองไปที่ทุกสิ่งอย่างเย็นชา
ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น ความเป็นคนของซูหยู่ก็ลดลงไปเรื่อยๆ
ปากของเค้าเต็มไปด้วยเขี้ยว ร่างกายของเค้ามันดูเปียกโชกไปด้วยเลือดสีดำ มันดูทั้งน่าขยะแขยงและน่ากลัว
“คนจากสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูเองก็อยู่ด้วย…” ซูหยู่พูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม
หลังจากนั้น เสียงในร่างกายของเค้าก็หัวเราะประหลาดๆขึ้นมา: “กลืนคนเหล่านี้เข้าไปแล้วเราจะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับขั้นของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้…”