ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 369 ทำลายจุดตันเถียน
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ ก็พยักหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจ
เพียงแต่เธอรู้ตัวอีกทีเรื่องก็ปรากฏแล้ว
เฟิงจิ่งเหยากลับมาที่นี่เพื่อบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ โทรกลับมาก็ได้ ทำไมจู่ๆถึงอยากวิ่งกลับมา
และเมื่อกู้ฉางฉิงนึกถึงตรงนี้ เฟิงจิ่งเหยาก็พบความผิดปกติของตนเอง
เขาไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงตัดสินใจทำเช่นนี้ กระแอมไอเบาๆ
“จัดการเรื่องราวเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว ฉันจะไปจัดการเรื่องที่ตามมาทีหลังด้วย”
เขาพูดจบ ก็ไม่ให้โอกาสกู้ฉางฉิงได้เอ่ย หันออกไปเลย
กู้ฉางฉิงเห็นจังหวะที่เขาก้าวออกไป ยังพบความผิดปกติเล็กน้อย ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
พูดถึงทางด้านลู่ซื่อกรุ๊ปนี้
แม่ลู่ยากที่จะโน้มน้าวคณะกรรมการบริหาร ออกมาจากห้องประชุม ก็ได้รับหมายศาล
“กรรมการลู่ เฟิงซื่อกรุ๊ปได้เริ่มดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัทของเรา การฟ้องร้องคดีนี้ฉันถามนักกฏหมายของเรา อัตราการชนะไม่มาก อีกทั้งถ้ามีคดีฟ้องร้องกับเฟิงซื่อกรุ๊ป ไม่เป็นผลดีต่อบริษัทของเรา ทนายความแนะนำให้คืนดีกับเฟิงซื่อกรุ๊ป!”
เลขาพูดคุยเกี่ยวกับข้อมูลที่เธอรวบรวมมา ใบหน้าของแม่ลู่ก็หม่นหมองลง
“เฟิงซื่อกรุ๊ป เฟิงจิ่งเหยา!”
เธอกัดฟันพูด แต่ต้องยอมรับว่าฝีมือการเดินหมากสูงมาก นำพวกเขาลงไปในท่อระบายน้ำทีละขั้นทีละตอน!
“หน้าร้านภายใต้การบริหารของเราเป็นอย่างไรบ้าง? หุ้นส่วนของบริษัทเป็นยังไง?”
เธอควบคุมตนเองให้ใจเย็นลง แล้วถามถึงสถานการณ์ตอนนี้
“นักลงทุนได้รับการปลอบขวัญชั่วคราวแล้ว แต่ทางด้านความเสียหายหน้าร้านนั้นมากเล็กน้อย”
แม่ลู่ได้ฟังคำนี้ แววตาก็ตกตะลึง : “คำนวณความสูญเสียออกมา จากนั้นก็แจ้งความกับตำรวจ ให้คนที่ก่อเรื่องชดใช้ค่าเสียหาย!”
เลขาพยักหน้า ก็ถามเรื่องการการฟ้องร้องขึ้นมา
“กรรมการลู่ เราต้องการต่อสู้คดีนี้ไหม?”
แม่ลู่มองดูหมายศาลในมือ ความโกรธในใจกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงอดทนไว้
“ติดต่อเฟิงจิ่งเหยาให้ฉัน ฉันต้องการพบเขา”
ในเวลาเดียวกัน เฟิงจิ่งเหยาที่กำลังทานอาหารเย็นได้รับโทรศัพท์จากชวี่ยี่ วางอุปกรณ์ในการทานอาหารแล้วยิ้มเบาๆ
“บอกพวกเขา เย็นนี้ไม่ว่าง รอพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
กู้ฉางฉิงมองรอยยิ้มที่เหมือนจิ้งจอกของเขา ใจอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว
หายนะ!
เธออดไม่ได้ที่จะด่าในใจหนึ่งประโยค ทว่ายังละสายตาออกด้วยหัวใจที่เต้นแรง
แม้ว่าเธอจะอยู่กับเฟิงจิงเหยามานานขนาดนี้ แต่ผู้ชายคนนี้ เดิมทีก็ไม่มีอารมณ์สุนทรีเลย
ทุกครั้งที่มอง ความรู้สึกของเธอก็ไม่เหมือนเดิม
อีกด้านของแม่ลู่หลังจากรู้ว่าตนเองถูกปฏิเสธ โมโหมากจนทุบแจกันมูลค่าหลายสิบล้าน ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้
“งั้นก็รอพรุ่งนี้ ทำให้ฉันอึดอัดใจ ก็ต้องทำให้เฟิงจิ่งเหยาอึดอัดใจเพราะฉันด้วย!”
เธอกัดฟันสั่งอยู่ในห้องทำงาน เลขาตัวสั่นและพยักหน้า
……
วันต่อมา แม่ลู่เพิ่งมาถึงบริษัท เลขาก็รีบเข้ามารายงาน
“กรรมการลู่ หวาอี้ เฉินหยางและอีกหลายบริษัทได้ยกเลิกสัญญากับเรา แล้วก็เมื่อคืนนี้ มีคนจากทางด้านเฟิงซื่อกรุ๊ปนั่นติดต่อคนรับผิดชอบของบริษัทเหล่านี้ ตอนนี้พวกเขาได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับเฟิงซื่อกรุ๊ปแล้ว”
แม่ลู่ได้ฟังการรายงานเหล่านี้ ก็กัดฟันแทบหัก
“ตอนนี้เฟิงจิ่งเหยาอยู่ที่ไหน?”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ระงับตนเองให้ใจเย็นและกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา คนเข้าบริษัทแล้ว”
แม่ลู่ได้ยิน ดวงตาเคร่งขรึม: “ออกรถ ไปเฟิงซื่อกรุ๊ป”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คนทั้งสองก็มาถึงเฟิงซื่อกรุ๊ป
ขณะที่แม่ลู่กำลังจะแจ้งฐานะของตนเอง ชวี่ยี่ก็เดินออกมาจากลิฟต์
“กรรมการลู่ ท่านประธานของพวกเราคาดการณ์ไว้แล้วว่าวันนี้คุณต้องมา เลยส่งฉันลงมาต้อนรับ”
ชวี่ยี่กล่าวทักทายแม่ลู่อย่างไม่เสียมารยาท
แม่ลู่ฟังคำพูดของเขา สีหน้าก็เศร้า ในใจไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกว่าตกหลุมพราง
เมื่อขณะนี้เธอไม่สามารถหลีกหนีได้
ลูกสาวก็ยังถูกคุมขัง หุ้นของบริษัทสามารถขึ้นลงได้ตลอดเวลา เธอไม่สามารถใช้อารมณ์หยิ่งผยองได้
คิดแบบนี้แล้ว เธอก็ตามชวี่ยี่ขึ้นไปชั้นบนไปพลาง ในใจก็ครุ่นคิดถึงเงื่อนไขที่เฟิงจิ่งเหยาจะเสนอให้ไปพลาง
ถึงอย่างไรต่อให้ในใจเธอจะเตรียมความพร้อม ก็ยังถูกสิงโตอย่างเฟิงจิ่งเหยาคำรามให้ตกใจ
“เฟิงจิ่งเหยา นี่คุณหาประโยชน์ตอนผู้อื่นเพลี่ยงพล้ำหรอ!”
เธอไม่ได้ที่จะตบโต๊ะตำหนิด้วยความโมโห
ก็ไม่ตำหนิที่เธอโกรธเคืองเช่นนี้
นอกจากเฟิงจิ่งเหยาจะเรียกร้องความเสียงหายทางชื่อเสียงจิตใจของกู้ฉางฉิงห้าสิบล้านแล้ว ยังต้องการโครงการสองโครงที่ทำกำไรได้อย่างมากที่อยู่ภายใต้การบริหารของลู่ซื่อกรุ๊ปด้วย
แม่ลู่เผชิญหน้าอย่างโกรธมาก เฟิงจิ่งเหยาหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“กรรมการลู่พูดตลกแล้ว ถ้าหากฉันต้องการปล้น ก็คงไม่ให้คุณขึ้นมาปรึกษาหารือกับฉัน”
เขาพูดพลาง ก็ไม่ให้โอกาสแม่ลู่ได้โต้แย้ง โยนเอกสารฉบับหนึ่งตรงหน้าแม่ลู่แล้วกล่าวว่า: “คิดๆดูแล้วกรรมการลู่ก็ไม่เข้าใจว่าบริษัทของคุณสร้างความเสียหายให้กรุ๊ปของพวกมากมายเราแค่ไหน คุณลองดู ถ้าไม่พอใจกับข้อเสนอของฉัน พวกเราก็สามารถดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายได้”
แม่ลู่เห็นท่าทางของเขาที่สงบไร้กังวล หยิบเอกสารขึ้นมาดูด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม สีหน้าก็ดำคร่ำเครียดจนถึงขีดสุด
“ได้ ฉันรับปากจะเอาโครงการให้คุณ แต่ฉันมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง ปล่อยลูกสาวฉัน!”
เธอเปลี่ยนท่าทีเมื่อกี้ ตอบรับเงื่อนไขเฟิงจิ่งเหยา เพราะถ้าทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย เกรงว่าลู่ซื่อกรุ๊ปของพวกเขาจะขาดทุนไปเกินครึ่ง!
เฟิงจิ่งเหยาฟังเงื่อนไขของเธอ ดวงตาที่เป็นประกายก็มืดลง กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า: “กรรมการลู่ วันนี้เรื่องที่พวกเราเจรจากันคือเรื่องชดใช้ค่าเสียหายของทั้งสองเรื่อง”
พูดเป็นนัยว่า เรื่องของลู่ซือหยี่เขาจะไม่ยุ่ง
ก็เพราะท่าทีนี้ ทำให้แม่ลู่โมโห
“เฟิงจิ่งเหยา คุณยังเป็นคนอยู่ไหม ก็เพราะคุณถึงทำให้ซื่อหยี่เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้!”
เธอชี้นิ้วตำหนิด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
เฟิงจิ่งเหยาสีหน้าเย็นชาทันที
“กรรมการลู่พูดจาระมัดระวังหน่อย ฉันไม่ได้ให้ลู่ซือหยี่ทำอะไร เธอปฏิบัติต่อคู่สามีภรรยาของเราอย่างไม่จบไม่สิ้นมาโดยตลอด!”
พูดจบ เขาก็สูญเสียความอดทนที่จะเจรจากับแม่ลู่ เรียกชวี่ยี่มา
“ถ้ากรรมการลู่คิดว่าเงื่อนไขที่ฉันให้ใครบางคนยากที่จะรับได้ งั้นพวกเราก็สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ ส่งแขก!”
ชวี่ยี่เห็นท่านประธานโมโห ก็เดินไปข้างๆแม่ลู่ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “กรรมการลู่ เชิญด้านนี้”
แม่ลู่มองเขา แล้วมองเฟิงจิ่งเหยาที่เริ่มจัดการงานอีกครั้ง โมโหแต่ต้องอดกลั้นแล้วจากไป
ไม่นาน ชวี่ยี่ส่งคนเสร็จแล้วกลับมา
“ท่านประธาน พวกเราต้องการฟ้องร้องลู่ซื่อกรุ๊ปจริงๆหรอครับ? งั้นทางด้านของฉันควรจะให้ทนายความร่างข้อความใช่ไหมครับ?”
เขาขมวดคิ้วกล่าวถาม ถึงแม้ว่าเมื่อกี้เขาจะอยู่ด้านนอก แต่ก็ได้ยินแว่วๆเล็กน้อย
เฟิงจิ่งเหยามองเขา ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า: “ไม่ต้อง การฟ้องร้องนี้จะไม่เกิดขึ้น”
และในความเป็นจริง ก็เป็นเหมือนที่เฟิงจิ่งเหยาพูดจริงๆ
ถึงแม้ว่าแม่ลู่จะโกรธมากแล้วจากไป แต่หลังจากกลับไปแล้ว เธอรวบรวมสติปัญญาแล้ว จำใจต้องประนีประนอมทำตามเงื่อนไขของเฟิงจิ่งเหยา
ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง สัญญาโอนงานสองฉบับรวมทั้งเช็คธนาคารห้าสิบล้านหนึ่งใบก็ถูกส่งมาถึงมือเฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยามองสิ่งของเหล่านี้ ก็มีรังสีในดวงตา กล่าวสั่งชวี่ยี่ด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ให้คนไปจับตาดูที่สถานีตำรวจ อย่าให้คนปล่อยลู่ซือหยี่ออกมาได้”