ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 163 ความแข็งแกร่งของชายชราลึกลับ
ทั้งสองคนขมวดคิ้ว ในตอนที่พวกเขากำลังจะพูดอะไรออกมา ฉินเฉิงก็ต่อยพวกเขาไปคนละหมัดทำให้พวกเขากระเด็นออกไปด้านนอกทันที
"กลับไปบอกตงเทียนหนาน ไม่ว่าชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าจะถูกหรือไม่ถูกไล่ออกมาจากตระกูลตง แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาไม่ใช่คนของตระกูลตงอีกต่อไปแล้ว" ฉินเฉิงพูดออกมา
"นาย…นายกล้ามาแย่งคนตระกูลตงของพวกเราไป นายรอก่อน!" ทั้งสองคนลุกขึ้นจากพื้นและวิ่งหนีไปทันที
ฉินเฉิงหันมามองหน้าชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า ขมวดคิ้วและถามออกมาว่า "เกิดอะไรขึ้น"
"ผมเองก็ไม่ทราบ" ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าขมวดคิ้ว "ผมเป็นคนที่ไม่ได้โดดเด่นหรือมีชื่อเสียงอะไรในตระกูลตงเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่รู้ว่าทำไมตงเทียนหนานถึงส่งคนมาตามผม"
ฉินเฉิงไม่คิดอะไรมาก ไม่ว่าตงเทียนหนานจะมีจุดประสงค์อะไร ฉินเฉิงก็ไม่แคร์
……
ต่อมาคือช่วงเวลาว่างที่หาได้ยากมาก
ฉินเฉิงไม่ได้ออกไปไหนเลย เขาอยู่ในบ้านทำอยู่สองอย่าง คือไม่กินยาจิงหยวน ก็ฝึกวิชาของเขา
ยาจิงหยวนนี้ช่วยเพิ่มพลังให้เขาได้มาก แต่ถ้าหากเขาต้องการที่จะข้ามขั้นที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ไป มันต้องใช้พลังที่มากกว่านี้อีกหลายเท่า และยาจิงหยวนก็ไม่สามารถทำให้เขาก้าวไปถึงขั้นนั้นได้
ต่อให้มีจำนวนถึงพันเม็ด แต่สำหรับฉินเฉิงแล้วมันก็เหมือนกับน้ำหนึ่งแก้ว
เวลาผ่านไปอย่ารวดเร็ว แค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามเดือน
ในเวลานี้ สภาพอากาศได้ผ่านจากฤดูหนาวสู่ฤดูใบไม้ผลิ และเตอนนี้กำลังข้าสู่ฤดูร้อน
เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วที่ฉินเฉิงกำลังอยู่ในช่วงของการบ่มเพาะกำลัง
"ถ้าหากพูดกันตรงๆ ตอนนี้ฉันคงยังไม่สามารถเอาชนะซูหยู่ได้" ฉินเฉิงขมวดคิ้วและพูดออกมาเสียงต่ำๆ
เขาถอนหายใจพลางคิดกับตัวเองว่า การฝึกฝนการต่อสู้ง่ายกว่าการเสาะแสวงหาที่จะมีอายุวัฒนะ มันทำให้พัฒนาได้ว่องไวด้วย
"คงต้องหาเวลาไปที่เจียงหนานสักหน่อย" ฉินเฉิงแอบคิดในใจ
และในตอนนั้นจู่ๆก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามา
ทันทีที่รถหยุดฟางเสี่ยวเต๋อก็ลงมากจารถทันที ส่วนทางด้านของฟางจิ้งเหยาก็วิ่งตามมา
"มีอะไรอย่างงั้นเหรอ?" ฉินเฉิงขมวดคิ้วและถามออกไป "เธอไม่ไปเรียนหนังสือหรือไง?"
ฟางเสี่ยวเต๋อจ้องมาที่ฉินเฉิงและพูดออกมาว่า "ทำไม ไม่ต้องรับนายหญิงอย่างนั้นเหรอ?"
"ต้องรับครับ ต้อนรับ" ฉินเฉิงพูดออกไป
"พอให้อภัยได้" ฟางเสี่ยวเต๋อกำหมัดเล็กๆของเธแล้วพูดออกมาว่า "เออใช่ พี่วานเอ๋อยังไม่กลับมาอีกเหรอ?"
ฉินเฉิงส่ายหน้าและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาจะได้เจอกับซูวานอีกที่เมื่อไหร่
และในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ ฟางจิ้งเหยาก็เดินเข้ามา
"หัวหน้าฟาง" ฉินเฉิงลุกขึ้นและพูดออกไป
ฟางจิ้งเหยายิ้มและถามออกมาว่า "ฉินเฉิง เป็นไงบ้าง?"
ฉินเฉิงยิ้มและตอบกลับไป "หัวหน้าฟางไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมก็ได้ คุณมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาตรงๆดีกว่า"
ฟางจิ้งเหยาผงะ จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา "แย่จริง! ที่ฉันมาครั้งนี้ก็เพราะมีเรื่องเรื่องหนึ่งในนายช่วย"
"ถ้าหากเป็นเรื่องของสำนักงานความมั่นคง คุณก็อย่าพูดออกมาเลย" ฉินเฉิงพูด
ฟางจิ้งเหยากล่าวด้วยสายตาที่ว่างเปล่า "แม้แต่ผู้บัญชาการกั๋วยังไม่สามารถชักจูงนายได้ แล้วนับประสาอะไรกับฉัน? ที่ฉันมาในครั้งนี้ มันเป็นเพราะเรื่องส่วนตัว"
"เรื่องส่วนตัว?" ฉินเฉิงขมวดคิ้ว "งั้นหัวหน้าฟางเชิญพูดมาได้เลย"
ฟางจิ้งเหยาค่อยๆเรียบเรียงคำพูดของเขาและพูดออกมาว่า "ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง และเขาก็อยู่ในโลกของศิลปะการต่อสู้ด้วย เขาคือหัวหน้าสมาคมศิลปะการต่อสู้ของเมืองจิง ในฤดูร้อนของทุกปีจะมีการประชุมเชื่อมสัมพันธไมตรี แต่หลายปีที่ผ่านมานี้เศรษฐกิจของเมืองจิงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนทางด้านของศิลปะการต่อสู้ก็เสื่อมถอย พวกเราไปหาทั้งเมืองจิงก็พบแค่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เพียงท่านเดียว! "
"ดังนั้นคุณจึงอยากให้ผมไปต่อสู้ในฐานะคนของเมืองจิง?" ฉินเฉิงขมวดคิ้วและถามออกไป
ฟางจิ้งเหยาพยักหน้า ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า "ใช่ แน่นอนว่าฉันไม่ได้ให้นายไปฟรีๆ ผู้จัดการแข่งขันครั้งนี้มีแต่ตระกูลโด่งดังทั้งนั้น รวมถึงตระกูลใหญ่ของจิงตูด้วย หนึ่งในนั้นคือตระกูลติง ถึงแม้ตระกูลติงจะไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่ากับตระกูลซู แต่ก็ถือว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ตระกูลหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าหากเป็นผู้ชนะ รางวัลที่ได้รับจะต้องสมศักดิ์ศรีอย่างแน่นอน"
ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกไปว่า "ถึงแม้จะไม่มีรางวัลตอบแทนอะไร หัวหน้าฟางออกหน้ามาขนาดนี้ผมต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว"
ฉินเฉิงปฏิเสธมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ในใจของเขาจึงรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง
ฟางจิ้งเหยาลุกขึ้นและพูดออกมาว่า "งั้นขอบคุณมาก เรื่องเวลาเดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบอีกทีภายหลัง ตอนนี้เราตกลงกันแล้ว งั้นนายก็เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีนะ"
"ฉันเองก็จะไปด้วย!" ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกมา
ฟางจิ้งเหยาดุออกไป "พี่ฉินเฉิงของลูกไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น!"
"ฉันไม่สน ฉันจะไป!" ฟางเสี่ยวเต๋อยืนเท้าเอว "ถ้าหากไม่ให้ฉันไป ฉันจะอดอาหารและหนีออกจาบ้าน!"
"นี่…." ฟางจิ้งเหยาทำอะไรกับลูกสาวของตัวเองไม่ได้ เขาทำได้แค่หันหน้าไปทำสายตาที่อ้อนวอนกับฉินเฉิง
ฉินเฉิงพยักหน้า "ให้เธอไปเถอะ มีผมอยู่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่"
"งั้นก็ต้องรบกวนนายดูแลลูกสาวของฉันด้วย" ฟางจิ้งเหยาถอนหายใจและพูดออกมา
เขาหันไปหาฟางเสี่ยวเต๋อและพูดว่า "ลูกจะต้องฟังที่พี่ฉินเฉิงพูดให้ดี เข้าใจไหม?"
"อืม ฉันรู้หน่า!" ฟางเสี่ยวเต๋อยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ
ฟางจิ้งเหยามีงานต้องทำ ดังนั้นเขาจึงไม่อยู่นานไปกว่านี้ เขารีบเดินทางออกไปจากที่นี่ทันที
เรื่องนี้สำหรับฉินเฉิงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ดังนั้นฉินเฉิงจึงไม่ได้ใส่ใจ
…..
บนท้องทะเลกว้างใหญ่มีเรือลำหนึ่งเดินเพียงลำพังในสายลม
บนเรือคนสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นหญิงผมยาว สวมชุดสีขาว ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายชรารูปร่างผอม มีผมสีขาว
"พวกเราลอยมา 5 วันแล้ว สุดท้ายจะไปที่ไหนกันแน่?" ซูวานอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
ชายชรายิ้มและพูดออกมาว่า "ไม่ต้องใจร้อน นี่ก็เป็นการฝึกเหมือนกัน"
ฉินเฉิงไม่พูดอะไร เธอมีอายุเพียง 20 กว่าๆ จะไปคิดเหมือนชายชราคนนี้ได้อย่างไร
ดูผิวเผินอาจจะเห็นว่าเรือลำนี้กำลังแล่นไปตามกระแสลม แต่ถ้าหากสังเกตดีๆจะเห็นได้ว่าเรือกำลังถูกชายชราใช้ลมปราณในการบังคับให้ไปเกาะที่อยู่ด้านหน้า!
"หยุดเดี๋ยวนี้! พวกนายเป็นใคร!" ในตอนนั้นมีเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่มาขวางทางพวกเขาทั้งสองคน
"โจรสลัด!" ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา
"มองดูพวกเขาแล้วไม่น่าจะมีเงิน แต่ว่าสาวน้อยคนนั้นไม่เลว" มีคนกระโดดลงมาจากเรือโจรสลัด หรี่ตามองมาที่ซูวานและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของซูวานเยือกเย็น แสดงออกมาถึงจิตสังหาร ทันใดนั้นเธอก็ผลักมือออกไปทันที!
โจรสลัดคนนั้นตายลงทันที!
"กล้าลงมือกับพวกเราอย่างนั้นเหรอ ตาย!" ผู้คนบนเรือโจรสลัดโกรธจัด พวกเขายกปืนขึ้นและเล็งไปที่เรือใบ
"ตู้มมม!"
เสียงดังสนั่น ลูกกระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งมาสู้เรือลำเล็ก!
ในตอนนั้นชายชราค่อยๆยกมือขึ้น แล้วกดฝ่ามือเบาๆในอากาศ เรือโจรสลัดขนาดใหญ่ลำนี้กลายเป็นเศษเหล็กทันที!
แม้แต่ซูวานเองก็ตกใจกับฉากที่เห็น
เธอมองชายชราด้วยความประหลาดใจ "นี่นาย…นี่มันคือพลังอะไรกันแน่?"
ชายชรายิ้มและถามออกมาว่า "เธอคิดว่าพลังอะไรเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุด?"
ซูวานตอบกลับมาว่า "เหนือกว่าเจ้าแห่งพลังปราณก็ยังมีปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ เหนือปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ก็ยังมีปรมาจารย์ระดับหัวจิน แต่เท่าที่ฉันรู้…ขนาดเย่อชิงยุนยังไปไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้เลย หรือว่าคุณจะเป็นปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้?"
ชายชราก้มตัวไขว้มือไว้ด้านหลัง และพูดช้าๆว่า "สามสิบปีที่แล้ว ฉันอยู่ในจุดสูงสุดของปรมาจารย์ระดับหัวจิน"