นารีรัตน์แสดงละครหลอกลวงกฤติชัยอย่างแนบเนียน จนตอนนี้หล่อนไม่ได้ถูกมัดตรึงเอาไว้บนเตียงอีกแล้ว แถมหล่อนยังมีโอกาสได้ออกมาจากห้องที่เขาขังหล่อนเอาไว้อีกต่างหาก
แผนการของหล่อนกำลังดำเนินไปได้อย่างงดงาม กฤติชัยที่รักหล่อนมากจนโงหัวไม่ขึ้น เริ่มเชื่อทุกคำพูดของหล่อนอีกครั้ง ไม่ต่างจากครั้งในอดีต
“ตื่นแล้วเหรอคะคุณกฤติชัย…” หล่อนวางถ้วยอาหารลงบนโต๊ะไม้ และก็หันไปทักทายกฤติชัยที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มหวานฉ่ำ
กฤติชัยระบายยิ้มกว้าง เดินเข้ามาสวมกอดร่างของนารีรัตน์ และจูบปากอิ่มอย่างแสนรัก
“ผมนึกว่าคุณจะหนีไปอีกแล้วซะอีก”
“นารีจะหนีไปไหนได้ล่ะคะ ในเมื่อนารีรักคุณ… คุณเป็นผู้ชายที่นารีรู้แล้วว่าควรจะฝากชีวิตเอาไว้ด้วย” หล่อนดึงร่างของกฤติชัยไปยังโต๊ะอาหาร และทรุดนั่งข้างๆ
“นารีตื่นมาทำให้คุณโดยเฉพาะเลยนะคะ น่ากินไหมคะ”
กฤติชัยละสายตาจากใบหน้าของนารีรัตน์ไปมองจานใส่อาหารหลายจานด้วยความพึงพอใจ
“หน้าตาน่ากินมากครับนารี ขอบคุณนะครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ นารีรักคุณ ถึงอยากทำอาหารอร่อยๆ ให้คุณไงล่ะคะ”
เพราะความรักกลับมาบังตาอีกครั้ง ทำให้กฤติชัยไม่ทันระแวงรอยยิ้มหวานของนารีรัตน์
“ขอบคุณครับที่รัก”
“กินเยอะๆ นะคะ นารีจะได้มีกำลังใจตื่นมาทำให้คุณกินอีกบ่อยๆ”
กฤติชัยระบายยิ้มอย่างมีความสุข ตักอาหารเช้าฝีมือของนารีรัตน์ใส่ปากครั้งแล้วครั้งเล่า ท่ามกลางสายตาพึงพอใจของนารีรัตน์ที่จ้องมองไม่วางตา
อลินดาตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ ก็อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อเห็นแซคคารีย์ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ลิ้นชักหัวเตียง ซึ่งเป็นลิ้นชักที่หล่อนเก็บเรื่องราวต่างๆ เอาไว้มากมาย ไม่เว้นแม้แต่ไดอารีที่เขียนบรรยายทุกอย่างในอดีตเอาไว้ หล่อนรีบถลาลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว และไปดันลิ้นชักให้ปิดสนิทลง
“คุณแซคทำอะไรคะ”
คนตัวโตหันมามอง และไหวไหล่น้อยๆ
“เปล่านี่”
“แต่ลินดาเห็น…”
“ก็แค่ดูว่าเธอซ่อนความลับอะไรเอาไว้บ้าง” สายตาของเขาดูลึกลับแปลกประหลาด
“ไม่… ไม่มีความลับอะไรหรอกค่ะ” หล่อนเอาตัวไปยืนขวางลิ้นชักแห่งความลับนั้นเอาไว้
“คุณแซคอาบน้ำหรือยังคะ เดี๋ยวไปทำงานสาย”
แซคคารีย์หรี่ตามองผู้หญิงที่เปลี่ยนเรื่องคุยกะหันทันด้วยความรอยยิ้มขบขัน
“มีพิรุธนะเราน่ะ”
“เปล๊า… ค่ะ…”
เขาอมยิ้มและเดินกลับไปทรุดตัวนั่งบนเตียงอีกครั้ง ดวงตาสีสนิมจับมองมาที่หล่อน
“เธอเรียนถักไหมพรมมาจากใครหรือ”
“เอ่อ…”
หล่อนอึกอัก และไม่ชอบให้เขาถามในเรื่องที่หล่อนต้องโกหกเลย
“พี่นารีสอนมาค่ะ”
หล่อนเห็นเขาอมยิ้มน้อยๆ แต่สายตาไม่ได้ยิ้มด้วยเลยสักนิด “แต่แม่ของเธอบอกว่านารีถักไหมพรมไม่เป็นนี่”
“เอ่อ… แม่คงจำผิดน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ”
“เอ่อ ค่ะ อย่างนั้นแหละค่ะ”
หล่อนเสหลบสายตาของแซคคารีย์อย่างลนลาน ภาวนาให้เขาเลิกถามถึงเรื่องพวกนี้เสียที
“งั้นก็แสดงว่าผ้าพันคอที่ส่งให้ฉัน นารีก็ไม่ได้ทำเองน่ะสิ”
“พี่นารีทำเองค่ะ” หล่อนละล่ำละลักตอบออกไป “คือ… ฉันสอนพี่นารีถักค่ะ”
แซคคารีย์เหยียดยิ้มเยาะ “แล้วไหนเมื่อก่อนหน้านี้ เธอบอกว่านารีเป็นคนสอนเธอถักไหมพรมยังไงล่ะ”
“เอ่อ… คือว่า…”
“เลิกพูดเถอะ ยิ่งฉันฟังเธอโกหก ฉันก็ยิ่งปวดหัว”
นี่แซคคารีย์หมายความว่ายังไง เขา… เขาคงไม่ได้สงสัยเรื่องของขวัญพวกนั้นใช่ไหม
“คุณแซค… หมายความว่ายังไงเหรอคะ”
“ฉันไม่อยากพูดแล้ว เธอรีบไปอาบน้ำเถอะ จะได้ไปทำงานพร้อมกัน”
หล่อนมองหน้าเขาสลับกับลิ้นชักแห่งความลับของตัวเองอย่างระแวดระวัง
แซคคารีย์ถอนใจออกมาแรงๆ อย่างรู้ทัน “ฉันจะไปรอข้างนอก ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลว่าฉันจะไปล้วงความลับอะไรของเธอออกมาจากลิ้นชักนั่นอีก”
หล่อนโล่งอกไม่น้อย “งั้น… คุณแซค… ก็ออกไปก่อนสิคะ ลินดาจะได้ไปอาบน้ำ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ แต่ก่อนออกไปก็ทิ้งคำคมกริบเอาไว้บาดหัวใจของหล่อนเล่นๆ
“ความลับไม่มีในโลก รู้ใช่ไหม”
แล้วเขาก็ก้าวออกไปจากห้องนอนของหล่อน อลินดารีบวิ่งไปกด ล็อกประตูอย่างแน่นหนา และเป่าปากอย่างโล่งอก
“แต่ความลับบางอย่างก็มีแค่เจ้าของความลับเท่านั้นที่รู้ค่ะ” หล่อนพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำด้วยความเศร้าหมอง
อลินดานั่งรับประทานอาหารกลางวันในโรงอาหารกับหทัยชนกและแฮรี่เหมือนเช่นทุกวัน แต่แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อจู่ๆ แซคคารีย์ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า
“นั่งด้วยคนนะ”
“เชิญค่ะท่านประธาน”
ทั้งหทัยชนกกับแฮรี่ต่างเอ่ยเชื้อเชิญอย่างนอบน้อม ตรงกันข้ามกับหล่อนที่เงียบกริบพูดไม่ออก
“คุณแฮรี่ขยับเข้าไปข้างในหน่อยครับ ผมจะนั่งตรงนี้”
แฮรี่ที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับอลินดาจำต้องเลื่อนตัวและจานอาหารของตัวเองเข้าไปด้านใน และยอมให้แซคคารีย์นั่งลงแทนที่ของตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก
อลินดามองค้อนแซคคารีย์อย่างโมโหที่เขาตามก่อกวนหล่อนตลอดเวลา แทบจะเรียกได้ว่าทุกฝีก้าวเลยก็ว่าได้ แถมยังผลุบเข้าผลุบออกห้องแผนกบัญชีจนพนักงานบัญชีคนอื่นเริ่มสงสัยหล่อนกันแล้ว
“ท่านประธานติดใจรสมือแม่ครัวของโรงอาหารเหรอคะ เห็นช่วงนี้ท่านประธานมารับประทานมื้อกลางวันที่นี่แทบทุกวันเลยค่ะ” หทัยชนกเห็นโต๊ะอาหารที่นั่งรวมกันอยู่ถึงสี่คนเงียบกริบ จึงพยายามสร้างความผ่อนคลาย
“ใช่ครับ”
แซคคารีย์ตอบสั้นๆ ก่อนจะใช้ช้อนตักลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวของอลินดามาใส่ปากหน้าตาเฉย ท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดใจของแฮรี่และหทัยชนก แต่สำหรับอลินดาแล้วเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ
“คุณแซค…”
“ลูกชิ้นอร่อยดีนะ ขออีกลูกได้ไหมอลินดา”
เขาทำท่าจะตักลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวของหล่อนอีกครั้ง แต่คราวนี้หล่อนเลื่อนชามหนีได้ทัน และมองเขาตาขุ่น
“คุณแซคอยากกินก็ไปซื้อเองสิคะ มาแย่งของลินดาทำไม”
“หรือว่าจะให้ฉันกินอย่างอื่นของเธอแทนล่ะ”
คนร่วมโต๊ะต่างหันมามองหน้าหล่อนสลับกับใบหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อนของแซคคารีย์เป็นตาเดียว แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดกล้าถามอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว
อลินดาหน้าร้อนจัด แก้มก็แดงก่ำ หล่อนเลือกที่จะวางตะเกียบและลุกพรวดขึ้นทันที
“ขอตัวนะคะ ลินดาอิ่มแล้ว”
แล้วหล่อนก็รีบก้าวยาวๆ ออกมาจากโรงอาหารทันที แซคคารีย์มองตามร่างอรชรไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะลุกขึ้นบ้าง
“ท่านประธานอิ่มแล้วเหรอคะ”
หทัยชนกอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“ยังครับ แต่โมโหจนกินไม่ลง ขอตัวนะครับ”
แล้วแซคคารีย์ก็ก้าวยาวๆ หายไปอีกคน ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหทัยชนก
“พี่เขยกับน้องสะใภ้เหมือนเขางอนกันเลยนะคะ คุณแฮรี่ว่าไหมคะ”
แฮรี่ไม่ได้ตอบ เขาเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาตักอาหารใส่ปากเงียบๆ เพียงเท่านั้น
MANGA DISCUSSION