ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 92 ที่ทำไปทุกอย่างก็เพื่อเจ้า
นางเองก็ขี้เกียจขยับ หากเขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็จะเอะอะอีก นางไม่อยากต้องมาคอยอธิบาย! นางหลับตาลงและหวนนึกถึงภาพความฝัน ในความฝันนั้นแม้เพียงรายละเอียกเล็กๆก็ทำให้นางรู้สึกเห็นคุณค่าเป็นอย่างมาก จะตื่นขึ้นมาทำไมกันนี่? ข้อมูลเหล่านั้นของลิง เมื่อก่อนก็เคยดูอยู่หลายครั้ง ยานั้นมีผลข้างเคียงจริงๆ แม้จะไม่ดูภาพคลื่นสมอง ดูเพียงลักษณะอาการของมันในแต่ละวัน ก็ทำให้รู้ว่ามันฉลาดขึ้นมาก มิเช่นนั้นคงจะแอบหาทางหนีออกไปจนไปถูกรถชนไม่ได้
ทันใดนั้นเอง นางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนที่ลิงจะถูกรถชนจนตาย จะเกิดการเคลื่อนย้ายของวิญญาณและบังเอิญมาอยู่ที่นี่หรือเปล่านะ? เห้อ! ช่างเป็นจินตนาการที่ล้ำเลิศจริงๆเลย
ศีรษะของคนบางคนนี่มันหนักจริงๆ! นางหันศีรษะไปมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก็มีแค่ตอนที่เขานอนหลับเท่านั้น นางจึงจะสังเกตเขาได้ มิใช่ว่านางมีอะไรแอบแฝง แต่เป็นเพราะเขาคนนี้หลงตัวเองมากไปต่างหาก นางเพียงมองเขาแค่ไม่กี่ครั้ง ก็หลงคิดว่านางชอบเขาเสียแล้วหรืออย่างไร! จริงๆแล้ว เขาเองก็ดูดีไม่น้อย คิ้วคางค่อนข้างทรงเสน่ห์ หากจะมองหาตำหนิ ก็คงจะเป็นความโค้งของใบหน้าที่ดูแข็งกร้าวเกินไป คนแบบนี้ต่อให้ยิ้มออกมาก็คงทำให้คนมองรู้สึกได้ถึงความเย็นชาอยู่ดี
โดยเฉพาะเวลาที่ลืมตา สายตาที่ดูเยือกเย็นจะแสดงออกมาโดยที่ไม่ต้องพยายาม มองดูเหมือนสายฟ้าแลบ อย่างเช่นในเวลานี้……
นางตกใจจนถึงกับสะดุ้ง "ท่าน……ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไรเพคะ?"
อวี่เหวินฮ่าวแววตาแน่นิ่ง "ก็ตอนที่เจ้าบังอาจมาจ้องมองข้าอย่างไรล่ะ"
"ลุกขึ้นสิเพคะ ท่านทับแขนของหม่อมฉันอยู่ เลือดไม่หมุนเวียนจนชาไปหมดแล้ว" หยวนชิงหลิงตบเบาๆที่ศีรษะของเขาอย่างคนไม่มีเรี่ยวแรง
อวี่เหวินฮ่าวยกศีรษะขึ้นเพื่อให้นางได้เก็บแขนกลับไป บนเตียงก็มีหมอนแค่เพียง 1 ใบ ถูกนางครอบครองไปแล้ว เขาก็ทำได้แค่นอนหนุนแขน ก็แค่นอนหนุนแขนนางเพียงข้างเดียว ถึงกับโวยวายเช่นนี้เลยหรือนี่?
"เมื่อครู่นี้เจ้าดูอะไร?" อวี่เหวินฮ่าวเอ่ยถาม
"ดูว่าบาดแผลของท่านสมานกันเป็นอย่างไรแล้ว อย่าเข้าพระทัยผิดนะเพคะ" หยวนชิงหลิงรีบบอกปัด
เขามิได้เข้าใจผิด ทันทีที่ตื่นขึ้นมาก็เห็นนางจ้องมองเขาอยู่ นั่นเป็นสายตาที่กำลังค้นหาข้อมูล หาใช่สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยไม่
"เข้าใจผิดตรงไหน? เจ้าหลงไหลในตัวข้า ใครๆเขาก็รู้กันไปทั่วทั้งเมืองหลวง จะรีบปฏิเสธไปไย?"
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ เวรกรรมของนางแท้ๆ
"จะจัดการฮุ่ยติ่งโหวอย่างไรหรือเพคะ?" หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
เมื่อครู่นี้อวี่เหวินฮ่าวเองก็กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ตอนที่เขาจ้องมองหยวนชิงหลิงที่กำลังหลับสนิท ในใจของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย
"ข้าคิดว่าจะไปกราบทูลเสด็จพ่อ บอกว่าฮุ่ยติ่งโหวแอบลักพาตัวซิ่วไฉคนหนึ่งไป"
หยวนชิงหลิงตกใจ "ทำไมจึงตรัสเช่นนั้นล่ะเพคะ? ยามในจวนและคนอื่นๆต่างก็รู้ดีว่าคนที่เขาลักพาตัวไปคือหม่อมฉัน พระชายาฉู่อ๋อง"
การลักพาตัวซิ่วไฉแค่เพียงคนเดียว จะไม่เป็นการเปิดโอกาสให้ฮุ่ยติ่งโหวพ้นผิดหรอกหรือ? การลักพาตัวพระชายาและมีการล่วงเกินโดยเจตนา ถือว่ามีโทษมหันต์! การลักพาตัวซิ่วไฉ เขาย่อมอธิบายได้ว่าเป็นเพราะความบาดหมางส่วนตัว เพียงแค่ต้องการสั่งสอนซิ่วไฉเท่านั้น ฮ่องเต้ก็คงจะแค่ทรงว่ากล่าวตักเตือนแค่เพียงไม่กี่คำ
อวี่เหวินฮ่าวมองไปที่นาง "ข้าสามารถออกคำสั่งให้กรมการพระนครปกปิดความลับนี้ได้ แม้แต่จวนฮุ่ยติ่งโหวเอง คนเสียสติเท่านั้นที่จะเปิดโปงให้คนภายนอกได้รับรู้"
"ไม่ได้นะเพคะ พวกเราลำบากกันมามาก หม่อมฉันเกือบจะถูกเขา……ฆ่าตาย จะให้ปล่อยเขาไปง่ายๆเช่นนี้หรือเพคะ?" หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างโมโห หากตระกูลโหวเรืองอำนาจ นางลองนึกดูแล้วก็ยิ่งหวั่นใจ คนเลวเช่นนี้จะปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไร? อีกอย่าง นี่เป็นโอกาสเพียงหนึ่งในล้าน ในภายภาคหน้าหากจะจับตัวเขาอีกก็คงจะเป็นเรื่องยาก
อวี่เหวินฮ่าวลุกขึ้นยืน เงาของร่างที่สูงโปร่งทอดยาวลงไปบนพื้น "ข้าตัดสินใจแล้ว อย่าพูดอีกเลย"
"หม่อมฉันไม่ยอม!" หยวนชิงหลิงลุกพรวดขึ้นมาจับแขนของเขาไว้ด้วยความโมโห "หม่อมฉันเกือบเอาชีวิตไม่รอด ท่านจะปล่อยเขาไปจริงๆหรือเพคะ? หม่อมฉันไม่เห็นด้วย หากท่านไม่กราบทูลตามความเป็นจริง หม่อมฉันก็จะเข้าวังไปกราบทูลฮ่องเต้ด้วยตัวเอง"
"ใครก็ได้เข้ามานี่ที!" อวี่เหวินฮ่าวเอ่ยเสียงกร้าว
ฉีมามาเดินเข้ามาจากด้านนอก "ท่านอ๋องเชิญรับสั่งเพคะ"
"จับตาดูพระชายาเอาไว้ อย่าให้นางออกไปจากประตูจวนได้แม้แต่ก้าวเดียว" อวี่เหวินฮ่าวกล่าวอย่างเยือกเย็น
ฉีมามารู้สึกลังเล "เอ่อ นี่มัน……"
"มีอะไร? คำสั่งจากข้าเจ้าก็ต้องสงสัยด้วยหรือ?" อวี่เหวินฮ่าวจ้องมองด้วยสายตาพิฆาตราวกับฟ้าแลบ
ฉีมามารีบก้มหน้าลงในทันที "มิบังอาจเพคะ"
หยวนชิงหลิงโกรธจนริมฝีปากสั่น "อวี่เหวินฮ่าว ท่านกลัวตระกูลฉู่ใช่หรือไม่? หรือว่าเพื่อฉู่หมิงฉุ่ยแล้ว ท่านถึงกับยอมปล่อยตัวคนตระกูลฉู่งั้นสิ?"
อวี่เหวินฮ่าวสีหน้าเคร่งขรึม "เจ้าอย่าพูดถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง"
หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างผิดหวัง "หม่อมฉันเดาถูก เพื่อฉู่หมิงฉุ่ยแล้ว ท่านไม่อยากมีเรื่องขัดแย้งกับตระกูลฉู่ หม่อมฉันดูท่านผิดไปจริงๆ หลงคิดว่าท่านถึงอย่างไรก็คงจะรู้จักคิด รู้จักแยกแยะดีเลว วันนี้ท่านทรงปล่อยฮุ่ยติ่งโหวไป วันข้างหน้า จะต้องถึงคราที่ท่านเสียพระทัย"
อวี่เหวินฮ่าวสะบัดแขนเสื้ออย่างฉุนเฉียว "ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก!" เมื่อพูดจบ ก็เดินจากไปอย่างเย็นชา
หยวนชิงหลิงมองดูเขาจากทางด้านหลัง นางทั้งโกรธทั้งเกลียด นางแทบจะต้องพลีชีพเพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาสครั้งนี้ แต่เขากลับปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว เช่นนั้นนางก็ต้องมาลำบากโดยที่ไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทนกลับมาเลยสินะ?
ฉีมามาถอนหายใจเบาๆ "พระชายาอย่าทรงกริ้วไปเลยเพคะ ที่ท่านอ๋องทรงทำไปก็เพื่อพระชายานะเพคะ"
"เพื่อข้า?" หยวนชิงหลิงแสยะยิ้ม "หากทำเพื่อข้า ก็ต้องกราบทูลตามความเป็นจริงสิ"
ฉีมามากล่าวว่า "เกียรติของสตรีสำคัญเหนือฟ้า หากพระชายาตกไปอยู่ในมือของฮุ่ยติ่งโหว ฮุ่ยติ่งโหวเป็นคนเช่นไร คนนอกจะไม่รู้เลยหรือเพคะ? ถึงเวลานั้นพระชายาก็จะต้องทรงเสื่อมเสียพระเกียรติ ดำรงพระชนม์ชีพต่อไปลำบาก คำพูดที่ไม่ดีย่อมทำลายชีวิตคนเราได้นะเพคะ"
หยวนชิงหลิงอึ้งไปสักพัก "ชื่อเสียงของข้า ข้าไม่เห็นจะใส่ใจเลย เขาจะมาใส่ใจทำไมกัน?"
"แสดงว่าท่านอ๋องทรงใส่พระทัยพระชายานะเพคะ"
หยวนชิงหลิงไม่เคยคำนึงถึงปัญหานี้มาก่อน แต่หากจะพูดถึงการใส่ใจชื่อเสียง ก็คงจะเป็นห่วงชื่อเสียงของตัวเขาเองมากกว่า หากมีคนรู้ว่าภรรยาของตัวเอง……ก็คงจะไม่งาม ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ชอบนาง เผลอๆจะสั่งปลดนางเมื่อไรก็ย่อมได้ เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขาไม่มาก! เพียงยอมให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเล็กน้อย แลกกับการกำจัดผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาชิงชังออกไปให้พ้นทาง เขาคงรู้จักคิดเปรียบเทียบ เขาเจ้าเล่ห์จะตายไป! หรือว่าเขาจะทำเพื่อนางจริงๆ?
"หากท่านอ๋องไม่ทรงให้ความสำคัญกับพระชายา จะทรงอยู่เฝ้าเคียงข้างพระชายาตอนที่พระชายาสลบไปหรือเพคะ?" ฉีมามาพูดต่อ
หยวนชิงหลิงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ "เช่นนั้นแล้ว ก็แสดงว่าข้ากล่าวหาเขาผิดไปงั้นสิ?"
"พระชายาทรงกล่าวหาท่านอ๋องผิดไปเพคะ" ฉีมามากล่าวอย่างแน่วแน่
หยวนชิงหลิงถึงกับกุมขมับ นางมักจะก่อเรื่องอยู่เรื่อย แต่ละครั้งขอเพียงสบโอกาสเข้าหน่อย ก็มักจะทำให้เป็นเรื่องวุ่นอยู่บ่อยครั้ง!
กาลเวลาก็ได้ล่วงเลยไป หยวนชิงผิงได้มาถึงแล้ว เมื่อเห็นนางได้รับบาดเจ็บ แววตาของหยวนชิงผิงก็เต็มไปด้วยความสับสน แม้คนทั้งจวนจะปิดบังนาง แต่นางก็ได้ไปแกล้งถามลู่หยา จึงพอจะรู้เรื่องราวบ้างเล็กน้อย
"ท่านไม่เห็นจำเป็นจะต้องทำเช่นนี้เลย" หยวนชิงผิงกล่าวอย่างอัดอั้น
"ข้าไม่เป็นไร" หยวนชิงหลิงกำลังรู้สึกหนักใจ นางพูดออกไปด้วยเสียงอันแผ่วเบา
หยวนชิงผิงนิ่งเงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยถามนางว่า "เจ็บหรือเปล่า?"
"เจ็บ!" ร่างกายยังไม่ฟื้นฟูดี ไม่เจ็บตรงนั้นก็ปวดตรงนี้
หยวนชิงผิงก้มหน้า แล้วน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา
"ร้องไห้อะไรกัน? นี่ถือเป็นเรื่องดี อย่างน้อยเจ้าก็ไม่เป็นอะไร" หยวนชิงหลิงกล่าว ตราบใดที่เรื่องนี้ไม่ถูกเผยแพร่ออกไป ฮุ่ยติ่งโหวก็คงจะยังไม่ลงมือเล่นงานจวนจิ้งโหวในตอนนี้
หยวนชิงผิงเช็ดน้ำตา "แล้วถ้าท่านตายไปล่ะจะทำอย่างไร?"
หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ตายก็ตายสิ คนเราก็ต้องตายกันทุกคน อยู่ที่ว่าจะตายเร็วหรือตายช้า"
"ท่านดีกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่รู้จะปฏิบัติกับท่านอย่างไรดี" หยวนชิงผิงเงยหน้า ใบหน้าที่งดงามราวดอกไม้มีหยาดน้ำตาอาบแก้ม หาได้มีความยโสโอหังดังเช่นเมื่อก่อน
"เมื่อก่อนเจ้าเคยปฏิบัติกับข้าเช่นไร ตอนนี้ก็ปฏิบัติกับข้าเช่นนั้น อย่าได้กังวลไปเลย ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้ามากมายขนาดนั้นเสียหน่อย"
นี่เป็นคำพูดจากใจ จู่ๆนางก็รู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นฮีโร่! นางไม่ต้องการให้คนอีกคนมารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อนาง