ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 52 เจตนารมณ์ของฮ่องเต้
ซุนอ๋องยิ้มแหย "ก็ข้าคิดว่าเจ้าเหมาะสมมากกว่าน่ะสิ พี่ใหญ่อาจจะอยากได้ตำแหน่งนี้ แต่ข้าไม่ชอบพี่ใหญ่ ก็เลยไม่เสนอชื่อเขาอย่างไรล่ะ"
ทังหยางมีสีหน้ากลัดกลุ้ม เขาได้เอ่ยขึ้นมาว่า "ทูลซุนอ๋อง การเสนอชื่อที่ท่านได้ทรงกระทำไปนั้น จะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับฉู่อ๋องนะพ่ะย่ะค่ะ"
ซุนอ๋องตกใจ "จะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับเขาได้อย่างไร? ข้าเพียงแค่พูดๆไป ไม่ได้เสนอชื่อจริงจังเสียหน่อย แล้วอีกอย่าง เสด็จพ่อก็คงจะไม่ทรงรับฟังข้าหรอก ทังหยางก็คิดมากเกินไป การที่เจ้าเป็นคนเช่นนี้ จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไรกัน?"
ทังหยางทั้งอยากหัวเราะและอยากร้องไห้ ในเมื่อท่านก็ทรงทราบดีอยู่แล้วว่าฮ่องเต้จะไม่ทรงรับฟังท่าน ไยท่านจึงยังตรัสเช่นนี้ออกมาอีก? ซุนอ๋องผู้นี้ช่างไร้เดียงสาเสียจริง
ซุนอ๋องสังเกตเห็นสีหน้าทุกคนดูผิดปกติ จึงได้รู้ตัวว่าตนเองน่าจะพูดอะไรผิดไป เขาตบปากตัวเองทันที "ปากที่ไม่เอาไหน พูดผิดอีกแล้วสินะ?"
"ไม่เป็นไรหรอก" อวี่เหวินฮ่าวส่ายหน้า "พี่ไม่ได้พูดอะไรผิด พี่สองรู้จักข้าดี จึงเสนอชื่อข้าไปก็ถูกแล้ว"
สายตาของเขายังคงทอดมองออกไปด้านนอก หยวนชิงหลิงยังไม่กลับมา เสด็จพ่อกำลังทรงพระพิโรธอย่างหนัก จะจัดการกับนางอย่างไรหรือเปล่านะ?
เมื่อซุนอ๋องเสวยติ่มซำเสร็จก็เดินออกไป ก่อนจะไปก็ยังช่วยอวี่เหวินฮ่าวสาปแช่งคนร้ายด้วยความเคียดแค้น เขาดูเหมือนพี่ชายที่เป็นห่วงเป็นใยน้องชายของเขามาก เขายื่นยาเม็ดจื่อจินให้กับทังหยาง
อวี่เหวินฮ่าวปฏิเสธ แต่เขากลับโยนยามาใส่อวี่เหวินฮ่าว "นี่มันไม่เห็นจะอร่อยเลย ข้าไม่อยากได้ แล้วอีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้สนใจในตำแหน่งรัชทายาท ไม่มีใครจ้องเล่นงานข้าหรอกน่า"
เมื่อโยนยาเสร็จ ก็เดินจากไป
ทังหยางรีบมาโกยยาไปเก็บพลางพูดขึ้นว่า "ซุนอ๋องทรงห่วงใยท่านอ๋องมากเลยนะพ่ะย่ะค่ะ"
อวี่เหวินฮ่าวตอบกลับไปสั้นๆ "ข้ารู้"
พี่สองดูเหมือนจะเป็นคนไม่ค่อยถาม ไม่ค่อยอยากรู้อะไรมากนัก แต่เขาก็รู้ดีว่าการแก่งแย่งช่วงชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทกำลังร้อนระอุขึ้นทุกวันๆ
หลังจากที่ซุนอ๋องเสด็จกลับไปได้ราวครึ่งชั่วยาม หยวนชิงหลิงจึงกลับมา
อวี่เหวินฮ่าวรอจนนางนั่งลงแล้วจึงถามว่า "เสด็จพ่อทรงว่าอย่างไรบ้าง?"
หยวนชิงหลิงมองหน้าเขาและตอบไปว่า "พระองค์หาได้ทรงจัดการหม่อมฉันไม่ เรื่องไข่มุกน้ำจืดก็มิได้ทรงรับสั่งถึงมาก เพียงแต่รับสั่งถามเรื่องที่ท่านจะรับพระชายารอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วเพคะ หลังจากนั้นไท่ซั่งหวงทรงมีรับสั่งให้เราออกนอกวังไปเพคะ"
จริงๆแล้วบาดแผลของเขาไม่ควรที่จะขยับเขยื้อนร่างกาย แต่หยวนชิงหลิงก็มิได้พูดประโยคนี้ออกมา
เขาจะเป็นจะตายเกี่ยวข้องอะไรกับนางด้วย?
"พูดเรื่องไข่มุกน้ำจืดแล้วก็ไม่มีอะไรแล้วงั้นหรือ?" อวี่เหวินฮ่าวไม่เชื่อ แต่ว่าข่าวคราวภายในห้องทรงพระอักษรถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี แม้เขามีความคิดที่จะแอบฟังก็ยังดูเหมือนจะไร้ซึ่งหนทางอยู่ดี
"ใช่เพคะ ไม่มีอะไรแล้ว" หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่รู้สึกอะไร
ทังหยางดูเหมือนจะจับประเด็นได้ถูก "ฮ่องเต้ทรงรับสั่งเรื่องที่ท่านอ๋องจะรับพระชายารอง? แล้วพระชายาทรงตอบไปว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
"ข้าเห็นด้วย" หยวนชิงหลิงตอบ
ทังหยางแปลกใจเล็กน้อย นางเห็นด้วย? ไยจึงเห็นด้วยอย่างง่ายดายเช่นนั้น?
อวี่เหวินฮ่าวนิ่งเงียบ เรื่องรับพระชายารองล้วนเป็นความคิดของเสด็จแม่ของเขามาโดยตลอด เขารู้จุดประสงค์ของเสด็จแม่ดี ว่าต้องการเกี่ยวดองกับคนตระกูลฉู่
แต่บุตรีของตระกูลฉู่ เขาหมายปองไว้แค่เพียงคนเดียว หากมิใช่นาง เขาก็ไม่สนใจใครอื่นอีกเลย
ทังหยางและซวีอีออกไปนอกวังตามคำบัญชา อวี่เหวินฮ่าวมิอาจเดินเหินได้ จึงต้องถูกหามออกไป
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ทรงมีรับสั่งให้กู้ซือจัดเตรียมรถม้าไปส่ง รถม้าจากในวังกว้างขวางนั่งสบาย สามารถบรรเทาความเจ็บปวดทรมานให้กับเขาได้
หยวนชิงหลิงนั่งมาข้างๆเขา ทังหยางเร่งการเดินทาง ซวีอีและกู้ซือนำหน้าขบวนเสด็จ
ซีมามาก็เก็บสัมภาระมาแล้ว นางนั่งอยู่ในรถม้าคันเล็กรั้งท้ายขบวน
อวี่เหวินฮ่าวหลับตา ถึงอย่างไรรถม้าก็ยังโคลงไปโคลงมาอยู่ดี ยาเม็ดจื่อจินที่รุ่ยชินอ๋องเคยให้ไว้สามารถพยุงอาการเจ็บปวดอยู่ได้สักพัก แต่ตอนนี้ ฤทธิ์ของยาเม็ดจื่อจินได้เสื่อมลงแล้ว ความเจ็บปวดเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น รถม้าที่โคลงไปโคลงมาทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเป็นที่สุด
เดิมทีหยวนชิงหลิงก็ไม่อยากจะใส่ใจ แต่ว่า เมื่อได้เห็นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าบ่งบอกถึงความทุกข์ทรมานแล้ว นางจึงหยิบกล่องยาออกมาเพื่อฉีดยาระงับความปวดที่ออกฤทธิ์ได้เป็นอย่างดีให้กับเขา
อวี่เหวินฮ่าวนิ่งเงียบ หลังจากที่ฉีดยาระงับความปวดแล้ว เขารู้สึกว่าความทรมานได้ลดลงไปมาก เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมามองหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงจัดเก็บกล่องยา นางมิได้มองเขา ปอยผมของนางถูกปล่อยลงมาบดบังหางตา
"เสด็จพ่อมิทรงสั่งลงโทษเจ้าหรอกหรือ?" อวี่เหวินฮ่าวเอ่ยถามเบาๆ
หยวนชิงหลิงปิดกล่องยาและตอบกลับไปว่า "เสด็จพ่อทรงมีสายพระเนตรที่เฉียบแหลม พระองค์ทรงทราบว่าหม่อมฉันมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จึงมิได้สั่งลงโทษหม่อมฉันเพคะ"
"แล้วเป็นฝีมือผู้ใดล่ะ? เหตุใดซีมามาจึงต้องออกวังมาพร้อมกับเจ้าด้วย?"
พระสนมเซียนก็ประทับอยู่ที่ห้องทรงพระอักษรเช่นกัน หรือว่า รอให้ท่านอ๋องหายดีแล้วค่อยไปทูลถามพระสนมเซียนเถอะเพคะ" หยวนชิงหลิงเรียนรู้บทเรียนมาแล้ว นางไม่เอ่ยเรื่องฉู่หมิงฉุ่ยต่อหน้าเขาอีกเลย
เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋องแล้ว นางค่อยรู้สึกหายใจโล่งขึ้นมาอีกครั้ง เรื่องวุ่นวายยิ่งมีน้อยก็ยิ่งดี
เมื่อได้ยินว่าพระสนมเซียนก็ประทับอยู่ภายในเหตุการณ์ด้วย อวี่เหวินฮ่าวก็เริ่มขมวดคิ้ว
พระพลานามัยของเสด็จแม่ยังไม่สู้ดีนัก ปกติแล้วนางไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องภายในวังเลย เหตุใดครานี้จึงเข้ามายุ่งเกี่ยวได้?
เรื่องที่เขาบาดเจ็บ เสด็จพ่อทรงสั่งปิดไว้ไม่ให้ถูกเผยแพร่ไปยังวังหลัง และให้เขาอยู่รักษาตัวที่ห้องข้างๆ ด้วยเกรงว่าข่าวจะแพร่ไปถึงวังหลังได้
หยวนชิงหลิงหลับตาและอิงศีรษะไปข้างหน้าต่าง นางสัมผัสกับสายลมเย็นที่พัดเข้ามาหา ในใจรู้สึกเย็นยะเยือก
อวี่เหวินฮ่าวจ้องมองนาง แสงอาทิตย์สาดส่องมาที่ใบหน้าด้านข้างของนางด้านหนึ่ง เป็นแสงที่ดูอบอุ่น ส่วนใบหน้าอีกฝั่งหนึ่งกลับอยู่ในเงาอันมืดมิด
ก่อนหน้านี้ โฉมหน้าของนางคือคนที่ดูอ่อนโยน แต่ในตอนนี้ กลับมืดมิดและดูหนาวเย็น
เมื่อมาถึงจวนฉู่อ๋องแล้ว หยวนชิงหลิงก็ลงจากรถม้าและพาซีมามาไปที่หอเฟิ่งอี๋
ลู่หยาและฉีมามาเห็นนางพามามานางหนึ่งจากในวังกลับมาด้วยก็รู้สึกแปลกใจ หยวนชิงหลิงยังไม่อยากอธิบายอะไรตอนนี้ นางเพียงให้ฉีมามาจัดเตรียมที่พักไว้ให้ซีมามา แล้วจึงสั่งลู่หยาว่า "ไปเตรียมน้ำร้อนให้ข้า ข้าจะอาบน้ำ"
น้ำร้อนที่ต้มเสร็จแล้วถูกเทลงในอ่างน้ำขนาดใหญ่ ลู่หยากำลังจะโปรยดอกไม้แห้งลงไป หยวนชิงหลิงก็ได้พูดขึ้นว่า "ไม่ต้องใส่อะไรลงไปทั้งนั้น พวกเจ้าออกไปเถอะ หากข้าไม่เรียกหา ก็ไม่ต้องเข้ามา"
"เพคะ!" ลู่หยารู้สึกว่านางมีท่าทีแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม จึงได้แต่หันหลังเดินออกไปแล้วช่วยปิดประตูให้นาง
หยวนชิงหลิงถอดเสื้อผ้าออกแล้วก้าวลงไปในอ่างน้ำ บาดแผลแม้จะไม่ควรโดนน้ำ แต่นางอยากจะผ่อนคลาย
น้ำค่อนข้างร้อนไปนิด ทำให้บาดแผลรู้สึกเจ็บแปลบ นางกลั้นใจแล้วดำน้ำจนน้ำมิดศีรษะ จนกระทั่งนางรู้สึกว่าอกกำลังจะแตก จึงโผล่ขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำ นางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ นางเริ่มรู้สึกว่าการหายใจกลับมาเข้าที่เข้าทางแล้ว เลือดลมไหลเวียนไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น
ในห้องเงียบสงัด ด้านนอกมีเสียงคนเดิน ประสาทสัมผัสทางการได้ยินของนางดีมาก นางได้ยินเสียงใบไม้ร่วงหล่น และยังมีเสียงที่แยกแยะได้ยาก เป็นเสียงสุนัขเห่าหอน แต่เมื่อฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเสียงที่ดังมาแต่ไกล
เสียงเห่าหอนของสุนัข ทำให้นางได้สัมผัสกับชีวิตในรูปแบบของความเป็นจริง
จริงๆแล้วหลายวันมานี้ นางฝันติดต่อกันมานาน เป็นฝันที่ดูโหดร้าย พื้นสัมผัสที่นางเหยียบลงไปดูเหมือนจะเป็นสิ่งลวงตา ทุกครั้งก่อนเข้านอน นางมักจะคิดเสมอว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้ว นางจะพบว่านั่นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น
แต่ว่าเสียงสุนัขที่กำลังเห่าหอนอยู่นั่น นางกลับมองเห็นภาพของหญิงสาวผู้เปล่งประกาย
นานเหลือเกินที่ไม่ได้กลับไปยังห้องปฏิบัติการ นางหวังว่าหลังเข้านอนคืนนี้แล้วจะสามารถฝันถึงห้องปฏิบัติการได้อีกสักครั้ง ให้นางได้อยู่ในสถานที่ที่ทำให้นางหายใจได้เต็มปอด
เมื่อแช่น้ำมาได้ราวๆ 15 นาที น้ำก็เริ่มเย็นลงแล้ว นางจึงขึ้นจากอ่างน้ำ
ใส่ยาฆ่าเชื้อ ทายา ฉีดยา นางรู้สึกว่าสองมือของตนสามารถบิดไปถึงด้านหลังได้ การทำแผลไม่ใช่เรื่องยากเลย ลำคอก็เช่นเดียวกัน แม้แต่แผ่นหลังของตัวเองก็ยังมองเห็น ร่างกายของหยวนชิงหลิงถือว่ามีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก