ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 164 ท่านอ๋อง ท่านช่างเป็นคนปากเสีย
เขาทำให้จี้อ๋องขุ่นเคือง ถ้าเกิดอะไรกับเขา จี้อ๋องจะไม่สามารถหลุดพ้นข้อสงสัยได้ นอกจากนี้ เขายังไม่จริงจังต่อสิ่งใดๆ เอาแต่กินดื่มและสนุกเท่านั้น จี้อ๋องจึงมิอยากถือสาเขา ดังนั้น เขาสามารถเก็บซ่อนความสามารถ เหล่าท่านอ๋อง ที่ฉลาดที่สุดแท้จริงแล้วคือซุนอ๋อง
เจ้าห้า เขามีความสามารถ แต่จริงๆแล้วเขาไม่รู้วิธียับยั้งใจเหมือนซุนอ๋องจริงๆ
พระชายาซุนอ๋องคิดอย่างละเอียด และครู่หนึ่ง นางเงยศีรษะขึ้นและจับมือหยวนชิงหลิง "สิ่งที่เจ้าพูด ปลุกข้าให้ตื่น ชิงหลิง เจ้าเป็นคนช่างสังเกตนัก ข้าเทียบเจ้ามิได้เลย ข้าต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจากเจ้าแล้ว"
หยวนชิงหลิงยิ้ม "ข้าชอบที่จะเข้ากับคนจริงใจอย่าพี่สะใภ้รองนัก"
ทั้งสองมองหน้ากันและยิ้มให้กัน และความปรองดองระหว่างชายาก็เริ่มค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ไม่กี่วันต่อมา หวายอ๋องสามารถเข้าวังไปถวายพระพรได้แล้ว
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ตื่นเต้นมากเมื่อมองดูโอรสที่เกือบจะเสียชีวิตแล้ว และสั่งให้มู่หยูกงกง มอบรางวัลให้หยวนชิงต่อหน้าพระสนมหลู่
ทองคำพันตำลึง… ใบสัญญาแจ้งหนี้ฉบับหนึ่ง
หยวนชิงหลิงได้รับรางวัล แต่ฉู่หมิงฉุ่ยกลับต้องเลือดกระเด็น นอกจากรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลและค่าอาหารของผู้บาดเจ็บแล้ว นางยังบริจาคเงินจำนวนหนึ่งในนามของราชสำนัก เพื่อสร้างโรงโจ๊กนอกเมืองอีกหนึ่งเดือน
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้รู้สึกเกรี้ยวมากที่สุดในสิ่งที่ฉู่หมิงฉุ่ยกระทำคือ การตั้งครรภ์เท็จแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตำหนินาง แต่พอเสด็จไปวังหลังก็ดุว่าต่อหน้าฮองเฮา
ฮองเฮาเรียกฉู่หมิงฉุ่ยเข้าวังเพื่อตำหนิต่อว่านาง ฉู่หมิงฉุ่ยรู้สึกผิดและไม่กล้าโต้ตอบ นางได้เพียงแต่อดทน สิ่งที่ทำให้นางทรมานที่สุดคือฮองเฮาดุนาง ฉีอ๋องไม่ได้ ช่วยพูดแทนนางสักคำ ยืนฟังอย่างตอไม้
สองวันต่อมา ฮองเฮาทรงจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้
เหล่าฮูหยินและคุณหนูได้รับเชิญมาที่วังเพื่อชมดอกไม้ แน่นอนว่าท่านอ๋องและพระชายาย่อมต้องมาร่วมงาน
หยวนชิงหลิงยังต้องแต่งตัวให้ดีเพื่อเข้าร่วม นางทำให้ฝ่าบาททรงขุ่นเคืองเพราะเรื่องของหยวนเจี๋ย ดังนั้นนางจึงไม่กล้าทำผิด ตราบใดที่นางอยู่ในงานเลี้ยงใดๆในวัง นางก็ต้องทำตัวซื่อตรง ค่อมต่ำเข้าไว้
เมื่อออกไปข้างนอก อวี่เหวินฮ่าวก็เร่งเร้าว่า "ถ้าฮองเฮาถามเจ้าว่า หญิงสาวคนไหนดีหรือหญิงสาวคนใดที่เจ้าชอบจำไว้ว่าเจ้าต้องบอกว่าเจ้าไม่ชอบมัน"
หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจ "ทำไมเจ้าถึงถามข้าแบบนั้นล่ะ?"
"เจ้าจำเอาไว้ก็พอแล้ว" อวี่เหวินฮ่าวกล่าวอย่างคลุมเครือ
เมื่อหยวนชิงหลิงคิดได้ นางอดไม่ได้ที่จะตกใจ "คงจะมิใช่ว่ากำลังหาชารารองให้เจ้าหรอกกระมัง?"
อวี่เหวินฮ่าวกล่าว "เดิมจะหาให้เจ้าเจ็ด แต่เจ้าทำให้ฮองเฮาขุ่นเคือง ฮองเฮาก็ต้องหาให้ข้าสักคนเช่นกัน"
"ข้าทำให้นางขุ่นเคืองเมื่อไหร่"หยวนชิงหลิงโกรธมาก นางเป็นใจดีมาตลอด พอมาถึงที่นี่นางกลับทำให้คนอื่นขุ่นเคืองอยู่ตลอด
"ใครจะไปรู้ล่ะ ยังไงซะ เจ้าเป็นหนามตำตา ทุกคนต่างไม่ชอบเจ้า ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ใครมารับใช้ข้าอีกคน เจ้าจัดการให้ดี" อวี่เหวินฮ่าวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
"เจ้าเต็มใจไหม" หยวนชิงหลิงจ้องมาที่เขา
อวี่เหวินฮ่าวยักไหล่ "ข้าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจอะไรได้ อย่างไรก็ตามใครบางคนไม่ให้ร่วมมือกับความเสวยสุขในยามค่ำยามคืนอยู่แล้ว ข้าคิดว่าส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่มีการแข่งขัน การเข้าร่วมกับคู่แข่งสามารถปรับปรุงระดับการปรนนิบัติได้"
หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "อย่ากังวล ข้าจะอนุญาตให้เจ้าหาเพิ่มได้หลายๆคน"
หลังจากนั้นนางก็หันไปถามซวีอีว่า "จริงสิ ซวีอี ในเมืองหลวงมีสถานที่ที่ผู้หญิงที่มีฐานะไปเสวยสุขหรือไม่ ต้องมีชายรูปงาม"
ดวงตาซวีอรเป็นประกาย "คำถามนี้ พรชายาถามถูกคนแล้ว มันมีอยู่จริง อยู่ในหวู่จื่อหู่ถงของเมืองหลวง ตราบใดที่เจ้ามีเงิน…"
อวี่เหวินฮ่าวตะคอก "ซวีอี เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆใช่หรือไม่?"
ซวีอีเงียบลง จับหัวเอาไว้
อวี่เหวินฮ่าวกอดไหล่ของหยวนชิงหลิง "เจ้าดู มีชายรูปงามในเมืองหลวงที่สามารถเทียบกับข้าได้ที่ไหน เจ้าได้สมบัติแล้ว แต่ไม่รู้ที่จะหวงแหนมัน มาเถอะ ข้าจะคุยสนทนาเปิดใจกับเจ้า"
"ไม่ต้อง รอข้าเข้าวังคืนนี้ และหาสาวงามให้เจ้า เจ้าสามารถพูดคุยสนทนากับพวกนางได้" หยวนชิงหลิงเอามือของเขาออกแล้วพูดกับซีมามาที่อยู่ด้านข้าง "ไปกันเถอะ"
อวี่เหวินฮ่าวพูด "กรธแล้วใช่หรือไม่ แค่ล้อเล่นก็มิได้หรือไง?"
หยวนชิงหลิงเมินเฉย และเดินออกไปพร้อมกับซีมามา
ซวีอีใช้การกระทำของเขาเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่อยากอยู่แล้วจริงๆ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ท่านอ๋อง ท่านช่างเป็นคนปากไม่ดีเสียจริง"
ซวีอีเดินกุมศีรษะออกไป หลังจากถูกทุบตี เขาต้องทำหน้าที่เป็นสารถีของพระชายา
หยวนชิงหลิงกำลังนั่งอยู่บนรถม้า เมื่อเห็นซวีอรออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่ดีและกระโดดขึ้นไปบนรถม้า นางกล่าวว่า "เจ้าตามไปด้วยหรือ"
"ท่านอ๋องให้ข้าน้อยขับรถและส่งพระชายาไปที่วังขอรับ" ซวีอีกล่าวอย่างเฉยเมย
หยวนชิงหลิงยิ้ม "เป็นอะไรหรือ ถูกลงโทษอีกแล้วเหรอ"
ซวีอีไม่กล้าบ่นว่า "ข้าน้อยปากไม่ดี มักทำให้ท่านอ๋องทรงโกรธอยู่ตลอดขอรับ"
หยวนชิงหลิงลดม่านลงและยิ้ม ซวีอีเป็นคนแบกรับอารมณ์จริงๆ
ซวีอีแอบเปิดม่านและโผล่หัวของเขาเข้ามา "พระชายา สถานที่ที่ท่านเพิ่งถามถึง ข้าน้อยจะพาท่านไปในวันหลังขอรับ"
เอาใจท่านอ๋องยากนัก ดังนั้นเขาควรเอาใจพระชายา ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นในอนาคต พระชายายังคงสามารถรักษาเขาไว้ได้
ซีมามาถุยออกมา "เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้ามิต้องการมีชีวิตอยู่จริงๆ พระชายาแค่ตรัสสนุก เจ้าก็เอาจริงจังรึ อย่าพูดไร้สาระที่ข้างนอก จะตัดลิ้นเจ้าซะ ไม่น่าแปลกใจที่ท่านอ๋องจะทุบตีเจ้าตลอด เจ้าสมควรแล้ว"
ซวีอีค่อยๆถอยศีรษะของเขาด้วยความโศกเศร้าในใจ พักนี้โชคร้ายนัก เข้าหาใครมักกลายเป็นยั่วคนๆนั้น? ถูกตำหนิตลอด!
รถม้าเดินบนตรอกชิงเหนี่ยว ล้อก็สั่น พร้อมกับมีเสียงเอี๊ยดอ๊าด หยวนชิงหลิงหังแล้วรู้สึกผิดปกติและพูดว่า "ซวีอี …"
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงดัง"โครม"จากรถม้า และรถม้าทั้งลำก็ลดต่ำลงแล้วพลิกกลับ
โชคดีที่ซวีอีกระโดดลงมาและยกข้างหนึ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และพูดอย่างกังวลว่า "พระชายาโปรดลงมาโดยเร็วขอรับ ล้อรถม้าหลุดแล้ว"
ซีมามาประคองหยวนชิงหลิงและออกจากรถทันที แต่นางก็ไม่ได้สนใจการกระทำของนาง กลัวซวีอีรับไม่ไหว นางจึงล้มลงทันที
เมื่อซวีอีเห็นว่าทั้งสองออกจากรถม้าแล้ว เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก มองดูรถม้าด้วยความหงุดหงิดและพูดว่า "รถม้านี้มีปัญหาอยู่ระยะหนึ่งแล้ว ท่านอ๋องเคยสั่งให้ข้าน้อยตรวจดูแล ข้าน้อยใจมิได้ ตายแล้ว ครั้งนี้ท่านอ๋องต้องกำจัดข้าน้อยแน่ๆ"
ซีมามาถอนหายใจ "เจ้าน่ะทำอะให้มันดีๆหน่อยได้หรือไม่? ไม่ช้าก็เร็วท่านอ๋องคงจะไล่เจ้าไปแน่"
ซวีอีกุมหัวของเขา "ข้ากลับไปเปลี่ยนรถม้าก่อน เอ๋ แล้วล้อรถล่ะ ต้องติดตั้งล้อรถม้าและขับรถออกไป ไม่เช่นนั้น มันจะขัดขวางทางเดินของผู้คนที่นี่"
หลังจากที่รถวิ่งออกมา รถม้าก็กระแทกล้มในแนวนอน และขวางถนนทั้งสายทันที ขณะพูด รถม้าสีเขียวก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ
ก่อนที่รถม้าถึงจะมาถึง สารถีก็รีบหยุดม้า พูดกับซวีอี "พวกเจ้าเป็นอะไร? อย่ามาขวางทาง!"
พอซวีอีเห็น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย "แย่แล้ว คือใต้เท้าโสวฝู่"
ซีมามาหันหลังให้รถม้าด้วยท่าทางเย็นชา
หยวนชิงหลิงเคยได้พบกับใต้เท้าโสวฝู่ครั้งหนึ่ง และครั้งนั้น ดูเหมือนอยู่นอกห้องทรงพระอักษร ใต้เท้าโสวฝู่ไม่ได้ให้เกียรตินางเท่าไหร่นัก ชายชราที่ผอมบาง แต่มีความสง่างาม มีดวงตาที่แหลมคมราวกับดาบ
เขาเป็นคนเรียบง่ายมาก มีแค่สารถีคอยรับใช้เท่านั้น ไม่มีทหารมานำทาง ไม่มีม้าใหญ่คอยเดินตาม และรถม้าก็ไม่ได้หรูหราจริงๆ ถ้าคนที่ไม่ทราบ อาจคิดว่าว่าเป็นรถม้าที่ตระกูลเล็กๆ จ้างมา
โสวฝู่ในราชสำนัก อยู่ภายใต้คนเพียงคนเดียวและอยู่เหนือคนนับหมื่นคน ทำตัวเรียบง่ายมากเช่นนี้ มันทำให้หยวนชิงหลิงประหลาดใจจริงๆ
ซวีอีก้าวไปข้างหน้าทำความเคารพและพูดว่า "ใต้เท้าโสวฝู่ ข้าน้อยคือทหารของจวนฉู่อ๋อง กำลังส่งพระชายาเข้าวังเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ทว่าล้อรถม้าหลุดออกไป และมันขวางทางไว้ชั่วคราว ขอใต้เท้ากรุณารอสักครู่"
โสวฝู่เปิดม่าน เหลือบมองอย่างแผ่วเบา ในเมื่อพระชายาอยู่ด้วย และยืนอยู่ข้างนอก เขาไม่สามารถนั่งในรถม้าได้ ดังนั้นเขาจึงลงจากรถม้า
สั่งสารถีว่า "ไปช่วยทหารผู้นี้ด้วย"