ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 162 รู้สึกขยะแขยงราวกับกลืนแมลงวันเข้าไป
ฉู่หมิงฉุ่ยเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความขุ่นเคือง "แต่ข้าเป็นหลานสาวแท้ๆของท่านปู่นะ ท่านคำนึงถึงฉีอ๋อง ทำไมท่านไม่คำนึงถึงข้าล่ะ"
ฉู่โสวฝู่จ้องที่นาง "เพราะฉีอ๋องเป็นหลานชายของข้า และเป็นกษัตริย์ที่ข้าจะมีโอกาสสนับสนุนเขาในอนาคต"
ฉู่หมิงฉุ่ยหัวเราะ หัวเราะอย่างประชดประชัน "น่าเสียดาย คงจะต้องทำให้ท่านผิดหวัง ฉีอ๋องเจ้าคนไร้ประโยชน์นี้ เขาไม่มีใจอยากจะเป็นรัชทายาท และเขาไม่มีความสามารถที่จะเป็นรัชทายาท"
สีหน้าของฉู่โสวฝู่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง "นั่นก็เป็นความโชคชะตาของเขา ไม่สามารถโทษใครได้ ถ้าเขาไม่ได้ ก็เป็นฉู่อ๋อง"
ฉู่โสวฝู่พูดจบและลุกขึ้น และออกจากห้องอักษร โดยทิ้งฉู่หมิงฉุ่ยไว้ในห้องอักษรด้วยความเศร้าโศกและโกรธแค้น เดิมทีนางกลับมาที่จวนเพื่อจะขอความช่วยเหลือ ปรากฏว่าคนที่โหดร้ายที่สุดไม่ใช่คนนอก แต่เป็นท่านปู่ ช่างตลกจริงๆ! ที่ตลกกว่านั้นคือ เขาพูดว่สถ้าฉีอ๋องไม่ได้ ก็ให้ฉู่อ๋อง
แต่ในตอนแรกนางได้ยินเขาพูดอย่างชัดเจนว่า เขาจะสนับสนุนฉีอ๋องอย่างสุดกำลัง ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเขา มีหรือจะเต็มใจมอบพี่ฮ่าวให้กับหญิงเลวอย่างหยวนชิงหลิง นางเดินออกไปอย่างช้าๆ มีคนรับใช้ของฉู่โสวฝู่ยืนอยู่ที่ประตู
เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "พระชายา ท่านโสวฝู่ให้พระชายาทำในสิ่งที่ท่านต้องการ ท่านสามารถรับประกันตำแหน่งของพระชายาฉีอ๋องได้พ่ะย่ะค่ะ"
ฉู่หมิงฉุ่ยโกรธมากและตบไปที่หน้าของเขา "เจ้าขี้ข้า อย่างเจ้ากล้าพูดสิ่งเหล่านี้กับข้างั้นหรือ เจ้าก็ดูถูกข้าด้วยใช่หรือไม่?"
คนรับใช้ไม่ได้หลบ ทนทุกข์ยอมรับ และยังพูดโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ "น้อมส่งพระชายา"
ฉู่หมิงฉุ่ยเดินอย่างโกรธจัด ตลอดทางที่เดินทางกลับ นางทั้งตกใจและโกรธมาก รู้สึกฉุนเฉียว คิดมาตรการรับมือไม่ได้แม้แต่วิธีเดียว นางคงไม่โง่พอที่จะต่อต้านปู่ของนาง แต่ว่า หากท่านปู่ต้องการหาลูกสาวจากจวนฉู่มาแทนที่นางเป็นพระชายาฉีอ๋อง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก ก่อนลงรถม้า สีหน้าที่มีความเกลียดชังและความดุร้ายของนางถูกเก็บซ่อนเอาไว้ เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่อ่อนโยนและรู้สึกผิด
นางสั่งให้สาวใช้ไปเอาซุปในครัว และนางก็นำไปให้ฉีอ๋องด้วยตัวนางเอง
ฉีอ๋องเห็นนาง นึกถึงคำพูดและการกระทำของนางในวันนี้ ไม่ได้พูดอะไรเลยซักพัก
ฉู่หมิงฉุ่ยเดินเข้าไป วางซุปลงบนโต๊ะ เดินไปนั่งและมองที่ฉีอ๋อง
ฉีอ๋องทำได้แค่มองนางแล้วพูดว่า "กลับมาแล้วหรือ?"
นางพยักหน้าเล็กน้อย เปิดริมฝีปากของนางและพูดเบาๆว่า "พรุ่งนี้ข้าอยากจะเข้าวัง"
ฉีอ๋องไม่รู้ว่านางจะทำอะไร ดังนั้นเขาจึงตอบแค่อืม และไม่พูดอะไร
ดวงตาของฉู่หมิงฉุ่ยแดงก่ำ น้ำตาก็ไหล และเสียงของนางก็สะอื้นเล็กน้อย "ข้าทำอะไรผิดบางอย่างผิดไป ข้าอยากจะแก้ไข อันที่จริงในช่วงสองวันที่ผ่านมา ข้ารู้สึกความผิดมาก และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ดันทุรังทำเรื่องที่สุดท้ายไม่เกิดประโยชน์ ข้ากลัวว่าสิ่งต่างๆที่ข้าทำทำให้เสียชื่อเสียงของเจ้า กลัวเจ้าจะพลอยเดือดร้อนถูกเสด็จพ่อทำโทษ ดังนั้น จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกผิด ข้านึกว่าข้าท้องจริงๆ แต่เป็นแค่เรื่องตลก ข้าเสียใจจริงๆที่เข้าวังรายงานเรื่องนี้เร็วเกินไป"
นางสูดลมหายใจ เงยศีรษะขึ้นเล็กน้อย และกลั้นน้ำตาของนางกลับ "ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจเข้าวังในวันพรุ่งนี้เพื่อสารภาพและรับความรับผิดชอบที่ข้าควรรับ"
คำพูดเหล่านี้ อยู่นอกเหนือการคาดเดาของฉีอ๋อง ทำให้เขาประหลาดใจ เขามองมาที่นาง ดวงตาของนางเศร้า รู้สึกผิด เสียใจ ตำหนิตัวเอง และดื้อรั้น
ฉีอ๋องจับมือนางและกล่าวว่า "ไม่ต้องกังวล ข้าจะขอร้องแทนเจ้า"
"อือ!" ฉู่หมิงฉุ่ยหลั่งน้ำตา แต่ฝืนยิ้ม ซึ่งทำให้คนที่เห็นแล้วรู้สึกทุกข์ใจ "ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เชื่อข้า วันนี้ข้า… ข้าไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงพูดเช่นนั้น ข้าบ้าไปแล้วจริงๆ"
ฉีอ๋องพูดด้วยความใจกว้าง "ทุกคนมักมีอารมณ์ สิ่งที่เกิดในนอกเมืองนั้นรุนแรงมาก เจ้ามีเจตนาที่ดี เจ้าไม่ต้องการให้เกิดผลเช่นนี้ ดังนั้น เสด็จพ่อจะเข้าพระทัยและจะลงโทษเจ้าด้วยโทษเบา"
ฉู่หมิงฉุ่ยก้มศีรษะลงและซบไว้ในอกของเขา สะอื้นและกล่าวว่า "ขอบพระทัยที่เต็มใจเชื่อข้าอีกครั้ง"
ฉีอ๋องลูบผมของนาง เป็นเวลานานก่อนจะกระซิบเบาๆว่า "แน่นอนว่าข้าเชื่อในตัวเจ้า เพราะเจ้าคือพระชายาของข้า"
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของเขามัวหมอง เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะเชื่อนางดีหรือไม่ แท้จริงแล้วเขาไม่ใช่คนโง่เขลา จากที่ ฉู่หมิงฉุ่ยพูดในวันนี้ เห็นได้ว่าจิตใจของนางต้องการตำแหน่งพระชายารัชทายาท ความคลั่งไคล้ในสายตาของนางจนเกิดความดูหมิ่นเขา มันไม่สามารถอำพรางได้ ตรงกันข้าม ความอ่อนโยนสามารถแสแสร้งได้ แต่ว่า ในใจของเขาหวังว่า ณ ตอนนี้นางจะมีความจริงใจ
"ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าไปแบ่งชิงตำแหน่งรัชทายาทจริงๆ ข้าก็เต็มใจจะทำให้ดีที่สุด แต่จะสำเร็จหรือล้มเหลวไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถควบคุมได้" ฉีอ๋องกล่าว
นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาหรี่ลง "ไม่ใช่ว่าข้าต้องการให้เจ้าต่อสู้เพื่อเป็นรัชทายาท ข้าแค่เชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นราชาที่มีคุณธรรม ดังนั้น เจ้าต้องพยายาม และท่านปู่จะช่วยเจ้าได้อย่างแน่นอน"
ฉีอ๋องยิ้ม อย่างไรก็ตาม หัวใจของเขาดิ่งลงช้าๆ เขารู้ว่าเขาไม่ใช่ และนางก็ชัดเจนดี คำพูดนี้จอมปลอมนัก
ฉุ่ยเอ๋อร์เป็นคนฉลาดและเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี นางจะรู้ว่าความเสี่ยงในการแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทยาทคืออะไร นางไม่แสดงความกังวลใดๆ นางแค่บอกให้เขาพยายาม สิ่งที่ซ่อนอยู่ในสายตาของนางคือ เปลวไฟแห่งความทะเยอทะยาน
เขาไม่เคยเชื่อคำพูดของหยวนชิงหลิงแต่ตอนนี้เขาเศร้าใจที่พบว่า นางพูดถูก ฉีอ๋องไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เขาสับสนมาก เขาต้องการความรักที่สมบูรณ์แบบ หากความรักของเขาเปรอะเปื้อน หรือด้วยองค์ประกอบที่เห็นแก่ผลประโยชน์ใดๆก็ตาม เขาจะรู้สึกขยะแขยงราวกับกลืนแมลงวันเข้าไป
ในคืนนี้หยวนชิงหลิงก็รู้สึกว่านางกลืนแมลงวันเข้าไปเช่นกัน เพราะอวี่เหวินฮ่าวบอกว่า เขาไม่รู้ว่าจะเรียกนางว่าอย่างไร เรียกชื่อเขาโดยตรงว่าหยวนชิงหลิงไม่มีสีสันใดๆ เรียกพระชายา ก็เฉยชาเกินไป ดูห่างเหินมากเกินไป เรียกชิงชิง…เรียกแค่คำเดียวก็ขนลุก มันทำร้ายร่างกาย เรียกอาหลิง ออกเสียงเดียวกับอาหลิง อาหลิงในปากของเขาคืออวี่เหวินหลิงตลอด เรียกหลิงเอ๋อร์… เสียงนี้ ยังไม่พูดจบ หยวน ชิงหลิงก็ตบลงไปที่เขา เป็นสามีภรรยากันนานไม่ชอบความหวือหวา สุดท้าย อวี่เหวินฮ่าว ตัดสินใจเรียกนางว่า เหล่าหยวน(น้องหยวน)
สมองของหยวนชิงหลิงสร้างภาพต่อในสมองด้วยการมโนทันที ผู้นำคนหนึ่งกุมมือชายชราผมขาวที่ตัวสั่นเทา และพูดอย่างพอใจ "สหายเหล่าหยวน(น้องหยวน) เจ้าทำงานหนักในตำแหน่งของเจ้ามาสี่สิบปีแล้ว วันนี้เจ้าเกษียณด้วยความภาคภูมิใจได้แล้ว!"
หยวนชิงหลิงเกือบสำลักออกมา เหล่า หยวน เป็นการเรียกที่เก่าโบราณเสียจริง ตอนนี้นางอายุแค่สิบเจ็ดปีเท่านั้น
นางถามอย่างโกรธเคือง "แล้วข้าจะเรียกเจ้าว่าอะไร"
อวี่เหวินฮ่าวกล่าวอย่างเผด็จการว่า "นายท่าน!"
หยวนชิงหลิงไม่อยากจะสนใจเขา หันหลังกลับให้เขา
อวี่เหวินฮ่าวดึงแขนของนาง "โกรธหรือ ถ้าเช่นนั้นเจ้าว่ามา เรียกข้าว่าอะไรดี"
"อวี่เหวินฮ่าว!"
"แล้วข้าจะเรียกเจ้าว่ายังไงดี"
"ข้าเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลไม่ได้ หยวนชิงหลิง!"
อวี่เหวินฮ่าว เอามือแตะหลังศีรษะ "น่าเบื่อชะมัด"
ยังไงก็ตาม เขาคิดว่าเหล่าหยวน(น้องหยวน) เป็นชื่อที่ดีมาก จะเรียกเรื่อยๆ วันหนึ่งนางจะเป็นเหล่าหยวน(น้องหยวน)ที่แท้จริงของเขา ในเวลานั้นพวกเขาต่างแก่ลง รายล้อมไปด้วยลูกๆหลานๆ ชีวิตที่ช่างมีความสุขนัก!
สิ่งที่หยวนชิงหลิงคิดในใจคือ ฝ่าบาทจะจัดการกับฉู่หมิงฉุ่ยหรือไม่
อวี่เหวินฮ่าวทับที่ตัวนาง "คิดอะไรอยู่หรือ"
หยวนชิงหลิงมองดูเปลวไฟที่คุ้นเคยภายใต้ดวงตาของเขาและปิดตาของนางทันที "ข้าไม่ได้คิดอะไร ข้าแค่ง่วงเกินไป"
"ได้ พวกเรารีบทำให้มันเสร็จๆ จะไม่เสียเวลาในการเข้านอน!" อวี่เหวินฮ่าวเล่นสาระสำคัญของการเป็นผู้กระทำ ปลอดเสื้อผ้าออก และเป็นแม่ทัพเข้ายึดโดยตรง
หยวนชิงหลิงถอนหายใจอย่างลับๆ คนหนุ่มสาวช่างมีพลังเหลือล้นจริงๆ! นางแก่เกินกว่าจะรับภารกิจ ร่างกายของนางอายุสิบเจ็ดปี แต่แกนกลางของนางนั่งอยู่ข้างเลขสามแล้ว! ไม่ต้องพูดถึงเป็นดีที่สุด!
หยวนชิงหลิงพบว่าพักหลังมานี้ จำนวนครั้งที่นางคิดถึงบ้านของนางค่อยๆลดลง เดิมทีนางรู้สึกว่านางกำลังลอยอยู่ในอากาศอยู่ตลอด แต่ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนว่านางกำลังจะหยั่งรากลง