ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 117 แผนโจมตีจิตใจ
แม้ว่าเมื่อวานนี้พระสนมหลู่จะแสดงความไว้วางใจออกมาแล้ว แต่หยวนชิงหลิงก็รู้ว่านางไม่ได้วางใจอย่างสมบูรณ์ คิดว่าคงเป็นเพราะเมื่อคืนหวายอ๋องอาการดีขึ้น นางจึงได้เปลี่ยนความคิดกระมัง
หวายอ๋องยังไม่ตื่นนอน แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงพูดคุยกันเบาๆ ของหยวนชิงหลิงและซีมามาที่อยู่ด้านนอกจึงได้ตื่นขึ้น ไอสองสามครั้ง เด็กรับใช้รีบปรนนิบัติให้เขาบ้วนปาก ล้างหน้า หวีผมและนำโจ๊กลูกเดือยมาให้ เขาปรนนิบัติหวายอ๋องเป็นอย่างดี
อวี่เหวินหลิงเข้าไปพร้อมกับสวมผ้าปิดหน้า "พี่หก พี่สะใภ้ห้ามาแล้ว อยู่ข้างนอกนี่เองเพคะ"
หวายอ๋องยิ้มให้อวี่เหวินหลิง "ข้ารู้แล้ว สาวน้อย ทำไมเจ้าจึงได้มาเช้าขนาดนี้?"
"ข้าพักอยู่ในจวนอ๋องมาหลายวันแล้ว พี่หกไม่รู้หรือ?" อวี่เหวินหลิงทำหน้ามุ่ย
"หือ?" หวายอ๋องอึ้งไปและมองดูนางด้วยรอยยิ้ม "เจ้าไม่กลัวเสด็จแม่ของเจ้าดุเอาหรือ?"
"เสด็จแม่ก็ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่เสมอ เสด็จพ่ออนุญาตก็พอแล้ว" นางนั่งลงและพูดกับเด็กรับใช้ "ไปเชิญพระชายาเข้ามา"
เด็กรับใช้จึงก้าวออกไป
อวี่เหวินหลิงแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย แต่เมื่อนึกได้ว่านางสวมผ้าปิดหน้าอยู่ ลิ้นของนางจึงแตะผ้านั้นเข้า "ข้าจะอยู่ที่นี่ดูพี่สะใภ้ห้ารักษาท่าน"
"การรักษานั้นน่าดูตรงไหน? ห้ามดู ออกไป" หวายอ๋องมองน้องสาวอย่างรักใคร่
"ไม่ต้องห่วง พี่สะใภ้บอกแล้วว่าเพียงสวมผ้าปิดหน้านี้ก็จะไม่ติดโรคง่ายๆ" อวี่เหวินหลิงพูดอย่างดื้อรั้น
หวายอ๋องรู้ว่าเขาไม่อาจขัดใจน้องสาวคนนี้ได้ เขาจึงไม่พูดอีก เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นหยวนชิงหลิงเข้ามาพร้อมกับซีมามา แต่กลับไม่เป็นพี่ห้า
ยามที่หยวนชิงหลิงออกมาในวันนี้ นางได้นำกล่องยาออกมาด้วยและถือมันไว้ในมือตลอด เมื่อเข้ามาก็เห็นหวายอ๋องชะเง้อมองข้างหลังนาง นางรู้ว่าเขากำลังมองหาอวี่เหวินฮ่าวจึงกล่าวว่า "ท่านอ๋องอย่าได้มองหาเลย พี่ห้าของเจ้าไม่ได้มาด้วย ข้าได้ยินว่าในเมืองเกิดคดีโศกนาฏกรรมขึ้น เขาจึงไปสอบสวนคดีนี้"
นี่คือสิ่งที่นางได้ฟังมาจากกู้ซือยามเดินทางมาที่นี่
จากนั้นนางก็ตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วนางรู้เรื่องของอวี่เหวินฮ่าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ค่อยใส่ใจนัก
หวายอ๋องได้ยินมาว่าคดีเกิดขึ้นในเมืองจึงกล่าวว่า "เช่นนั้นพี่ฟ้าคงจะต้องยุ่งอยู่พักหนึ่ง"
"ใช่แล้ว พอเขายุ่งเสร็จแล้วก็คงมาเยี่ยมท่านอ๋อง" หยวนชิงหลิงกล่าว
นางเปิดกล่องยาและหยิบหูฟังทางการแพทย์ออกมาแล้วพูดกับเด็กรับใช้ว่า "เจ้ามาช่วยข้าเปิดเสื้อผ้าท่านอ๋องหน่อย ข้าจะฟังเสียงหัวใจและปอด"
เมื่อวานเด็กรับใช้ผู้นั้นเคยเห็นแล้ว ดังนั้นวันนี้เขาจึงดึงเสื้อขึ้นอย่างชำนาญ เผยให้เห็นตำแหน่งของหัวใจ หลังจากที่หยวนชิงหลิงฟังเสร็จแล้ว เขาก็พยุงให้หวายอ๋องหันหลังกลับและฟังปอดด้านหลัง
เมื่อฟังเสร็จแล้ว หยวนชิงหลิงก็พูดกับเขาว่า "ยังมีเสียงแทรกอยู่มาก แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวานเล็กน้อย นี่เป็นสัญญาณที่ดี"
คนโบราณที่ไม่เคยใช้ยาปฏิชีวนะนั้นดีนัก หลังจากใช้ยาปฏิชีวนะไปก็ได้ผลอย่างรวดเร็ว เมื่อฉีดยาแล้วนางก็จ่ายยา เมื่อถามถึงการกินยาเมื่อวานนี้แล้วก็พบว่าผลข้างเคียงไม่มากนัก วันนี้จึงเพิ่มขนาดยาอีกเล็กน้อยเพื่อควบคุมเชื้อวัณโรคโดยเร็วที่สุด
"นี่เข็มอะไร? ทำไมจึงไม่ค่อยเหมือนเข็มของหมอหลวง?" อวี่เหวินหลิงเข้ามาถาม
หยวนชิงหลิงอธิบายว่า: "นี่เป็นยาสำหรับรักษาวัณโรคโดยเฉพาะ เวลาหนึ่งการรักษาคือครึ่งเดือน หลังจากครึ่งเดือนแล้วต้องเปลี่ยนยา โดยทั่วไปหลังจากครึ่งเดือนก็จะสามารถควบคุมได้ การติดเชื้อจะลดลง จากนั้นรักษาต่อไปประมาณครึ่งปีก็หายเป็นปกติแล้ว"
อวี่เหวินหลิงเบิกตากว้าง "หายดีได้จริงๆ หรือ? ถ้าสามารถรักษาพี่หกให้หายได้ก็คงจะดีมาก"
หยวนชิงหลิงยิ้มและเหลือบมองหวายอ๋อง จนถึงตอนนี้หวายอ๋องก็ยังไม่ค่อยเชื่อนัก เขายังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยอยู่เสมอ
"อาการสรุปได้ดังนี้ แน่นอนว่าเราต้องมีความหวังอยู่ในใจ ผู้ป่วยควรมองโลกในแง่ดี ข้าเคยเห็นผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่อาจรักษาได้แล้ว แต่เพราะมีคนมากมายให้กำลังใจก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานมาก ท่านอ๋องมีคนมากมายคอยสนับสนุนเช่นนี้จึงไม่มีเหตุผลที่จะยอมแพ้"
หวายอ๋องได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเสมือนว่าเขามีอะไรจะพูด แต่สุดท้ายเขาก็เพียงยิ้มและพูดว่า "ใช่แล้ว ที่พี่สะใภ้ห้าพูดมีเหตุผล"
หยวนชิงหลิงดูออกว่าเขาไม่ได้คิดเช่นนี้ นางจำเป็นต้องบำบัดรักษาสภาพจิตใจของผู้ป่วยเสียหน่อย หวายอ๋องดูเหมือนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เขากลับมองโลกในแง่ร้ายอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าอาการของเขาจะดีขึ้น แต่สำหรับเขาแล้ว การวินิจฉัยว่าต้องตายของหมอหลวงนั้นถูกสลักไว้ลึกถึงไขกระดูก เขามักจะคิดว่าเขาจะตายในอีกไม่ช้า ในขณะที่ทุกคนยินดีที่อาการของเขาดีขึ้นเขาก็ยิ้ม แต่นัยน์ตาของเขากลับหม่นหมอง
"พวกเจ้าออกไปให้หมด ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่านอ๋อง" หยวนชิงหลิงกล่าว
เมื่ออวี่เหวินหลิงเห็นใบหน้าของหยวนชิงหลิงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจึงไม่กล้าล้อเล่นอีก นางรีบตามซีมามาและเด็กรับใช้ออกไป
ที่ด้านนอกคนก็ทยอยมาเรื่อยๆ ช่วงนี้คนมาเยอะจริง อวี่เหวินหลิงรู้สึกประหลาด แต่ก่อนไม่เห็นจะมีคนมากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะพระชายาจี้อ๋อง นางช่างขยันเสียจริง
อวี่เหวินหลิงข้างที่หน้าประตู "พี่สะใภ้ห้ากำลังทำการรักษาอยู่ ใครก็เข้าไปไม่ได้"
พระชายาจี้อ๋องยิ้มราบเรียบ "ตอนนี้องค์หญิงช่างเชื่อฟังพระชายาฉู่อ๋องเสียจริงนะเพคะ ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่านางจะสามารถรักษาน้องหกได้"
"แน่นอน!" อวี่เหวินหลิงกล่าวอย่างมั่นใจ
รอยยิ้มของพระชายาจี้อ๋องยิ่งมีเลศนัย นางมองอวี่เหวินหลิง "เจ้าหญิงยังเด็กนัก จะไว้ใจผู้คนไม่ทั่วไม่ได้นะเพคะ ตอนนี้องค์หญิงคอยอยู่เป็นเพื่อนทั้งกลางวันกลางวันและอยู่ด้วยตอนให้ยา หากเกิดเรื่องแล้วล่ะก็ ข้าเกรงว่าองค์จะพลอยติดร่างแหไปด้วย"
อวี่เหวินหลิงไม่ชอบฟังคำพูดเหล่านี้ที่สุด นางจึงขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา "ทำไมข้าถึงไม่ชอบฟังคำพูดเหล่านี้ของพี่สะใภ้ใหญ่เอาเสียเลยนะ? คนยังอยู่ระหว่างการรักษาก็บอกว่าจะเกิดเรื่อง โชคดีที่เสด็จแม่หลู่เฟยไม่อยู่ที่นี่ ถ้านางอยู่ที่นี่เกรงว่าคงจะฉีกปากพี่สะใภ้ใหญ่ไปแล้ว"
สีหน้าของพระชายาจี้อ๋องเปลี่ยนไปเล็กน้อยและหัวเราะแห้งๆ สองสามที "เอาเถอะ ในเมื่อองค์ไม่ชอบฟัง ข้าไม่พูดก็ได้ ในใจข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโรคของหวายอ๋องจะรักษาได้หาย"
หยวนชิงหลิงที่อยู่ด้านในได้ยินบทสนทนาระหว่างพระชายาจี้อ๋องและอวี่เหวินหลิง ช่วงนี้นางมีทักษะการฟังไม่เลวเลย คำพูดของพระชายาจี้อ๋องนั้นดูเหมือนไม่ใช่คำพูดที่ควรจะพูดออกมานัก อย่างไรนั่นก็เป็นการลบหลู่พระสนมหลู่สาปแช่งหวายอ๋อง แต่เบื้องหลังคำพูดเหล่านั้นกลับมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าโรคของหวายอ๋องจะรักษาไม่หายแน่
นางเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน? คิดว่าหวายอ๋องจะตายหรือ? เว้นแต่ว่านางจะสามารถควบคุมทุกอย่างได้ แต่ถ้าหวายอ๋องตายจากการรักษาของนางจริงๆ สิ่งที่นางพูดกับองค์หญิงในวันนี้ก็คงจะเป็นคำพูดที่ถูกต้อง
สำหรับพระชายาที่มองการณ์ไกล เมื่อสงครามแย่งชิงบัลลังก์เริ่มต้นขึ้น เหล่าขุนนางจะเลือกนายในอนาคตอย่างไร?
เป็นการดีที่จะโจมตีจิตใจเสียก่อนแล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนลมในฤดูใบไม้ผลิให้เป็นฝน นางสามารถส่งเสริมศักยภาพของนางในฐานะราชินีผู้บริสุทธิ์ในทุกทางโดยไม่มีช่องโหว่ ได้! จี้อ๋องมีภรรยาผู้เก่งกาจเช่นนี้แล้วเขาจะไม่สามารถกุมชัยชนะได้อย่างไร?
ริมฝีปากของนางแย้มยิ้มบางๆ
แต่นางคงไม่รู้ว่าหวายอ๋องก็ได้ยินคำพูดด้านนอกนั้นเช่นกัน ไม่ใช่เพราะเขาหูดี แต่เป็นเพราะพระชายาจี้อ๋องพูดเสียงดังกว่าปกติเล็กน้อยจริงๆ
หวายอ๋องยิ้มเล็กน้อย เขาเสียดสีอย่างไร้ร่องรอย กล่าวว่า "พี่สะใภ้ห้า ได้ยินไหม? ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะข้าท้อแท้ คนด้านนอกนั่นก็ไม่เชื่อว่าข้าจะหายป่วยได้"
"คนภายนอกจะว่าอย่างไรไม่สำคัญ ข้าคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคำพูดของข้า ข้าต่างหากที่เป็นหมอของท่านอ๋อง" หยวนชิงหลิงลากเก้าอี้มานั่งลงที่ข้างเตียง
หวายอ๋องมองมาที่นางและยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย "พี่สะใภ้ห้าสวมหน้ากากนี้แล้วบอกข้าว่าแน่ใจว่าจะรักษาหายงั้นหรือ? เกรงว่าแม้แต่ตัวท่านเองก็คงไม่เชื่อกระมัง?"
หยวนชิงหลิงไม่คาดไม่ถึงว่าเขาจะยังสนใจหน้ากากอยู่ "หน้ากากอันนี้ทำให้ท่านอ๋องรู้สึกอึดอัดหรือ?"
หวายอ๋องตอบอย่างราบเรียบ "ไม่ได้อึดอัด เพียงแต่มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นคนบาป คนบาปที่แพร่กระจายความตาย"
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ท่านอ๋องไม่ใช่คนบาปที่แท้จริง โรคนี้ต่างหากที่เป็นคนบาปที่แท้จริง ท่านอ๋องเป็นผู้เสียหายต่างหาก ส่วนหน้ากากนี้ ที่จริงข้าจะถอดออกก็ได้ ไม่แน่ว่าข้าก็อาจจะไม่ติดโรค แต่ข้าจะไม่เสี่ยง เพราะชีวิตมีค่าและข้าปกป้องตัวเองทุกวิถีทาง ท่านอ๋องเป็นโรคนับว่าโชคร้ายนัก ในช่วงสามปีที่ผ่านมาท่านอ๋องคงทรมานมาก นอนอยู่บนเตียงนี้โดยไปไหนไม่ได้ ขยับเล็กน้อยก็ไอจนปอดแทบจะหลุดออกมา ข้าเข้าใจความทุกข์ของท่านอ๋องและข้าก็รู้ด้วยว่าท่านอ๋องไม่เชื่อในหมอคนใด คิดว่าอาการที่ดีขึ้นในตอนนี้ แต่ก่อนก็คงเคยผ่านมาก่อนแล้ว เมื่อเปลี่ยนยาใหม่ก็คงได้ผลอยู่บ้าง แต่เมื่อผ่านไปไม่นาน ก็คงระงับอาการไม่ได้แล้วก็คงอาการหนักกว่าเดิม ท่านอ๋องผิดหวังจนกลัวแล้วใช่ไหม?"
หวายอ๋องไม่กล่าวอะไร แท้จริงแล้วก็คือเขายอมรับอย่างเงียบๆ