ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 104 มิจำเป็นต้องทำอันใด
เหลิ่งจิ้นเหยียนพลันถอนหายใจออกมา ซิ่วไฉพบหมากเช่นนี้ มิรู้ควรจะอธิบายเช่นไรดี
"จักรพรรดิทรงออกพระราชโองการเรียกพระชายาฉู่อ๋องเข้ามาในวังแล้ว อีกทั้งยังมิได้เรียกตัวพระชายาฉีอ๋องเข้ามาด้วยอีก ภายในใจขององค์จักรพรรดิย่อมมิได้สนใจสองพระชายาว่าผู้ใดถูกหรือผิดอยู่แล้วพะยะค่ะ เพียงแค่รอเวลาให้ผ่านไปครู่หนึ่ง พระองค์ย่อมมิได้จัดการปัญหาเหล่านี้อย่างแน่นอน"
"มีความคิดที่ดี พูดต่อไป เจิ้นออกพระราชโองการเรียกพระชายาฉู่อ๋องเข้ามาในวังเพราะเหตุใดกัน?"จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันดื่มชาในท่าทีที่สบายอารมณ์
"มิได้มีเหตุผลอันใดพะยะค่ะ เมื่อพระชายาฉู่อ๋องเข้าวังมาแล้ว นั้นหมายความว่านางต้องโทษอย่างแสนสาหัส จนไม่สามารถเอ่ยปากขออภัยได้แม้แต่ประโยคเดียว องค์จักรพรรดิก็ตัดสินโทษนางแล้ว"
"นั้นคือความคิดของเจ้างั้นหรือ ?"
"นั้นเป็นเพียงสิ่งที่กระหม่อมคาดเดาพะยะค่ะ"
"นี่เป็นความคิดของเจ้า!"
"นี่เป็นความคิดของกระหม่อมพะยะค่ะ"
เหตุใดความคิดนี้ถึงเป็นความคิดของเขากันเล่า? แท้จริงแล้วนี่เป็นความคิดขององค์จักรพรรดิเสียด้วยซ้ำ
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันเอ่ยออกมาด้วยควมชื่นชม "ความคิดของเจ้าช่างดียิ่ง ถามถึงความผิดของนางเสียก่อน หากต้องการพ้นโทษ ก็เพียงแค่ให้นางไปรักษาอาการป่วยให้กับหวายอ๋องเสีย เมื่อนางรักษาหายแล้วนั้นหมายความว่านางมิได้โดนลงโทษ หากรักษาไม่ได้ เจิ้นย่อมทำตัวใจกว้างให้อภัยนางเป็นการชั่วคราว วันหน้าค่อยจัดการกับปัญหาเช่นนี้ ความคิดเจ้าช่างดีเสียจริง!"
"จักรพรรดิกล่าวเกินไปแล้วพะยะค่ะ กระหม่อมเพียงแค่คำนึงถึงความสำคัญเท่านั้น " เหลิ่งจิ้งเหยียนพลันปรายตามองกระดานหมาก "ยังเล่นอีกหรือไม่พะยะค่ะ?"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันโบกมือไปมา "เล่นอันใดอีก ? หน้าที่การงานของเจ้าว่างมากนักหรือ ? วันๆไม่ทำการทำงานมานั่งเล่นเป็นเพื่อนเจิ้นเช่นนี้ ช่วงเวลาของหนุ่มสาวเช่นนี้เอาเวลาไปขยันหมั่นเพียรกลับไปเรียนรู้อย่างขยันขันแข็งและฝึกฝนให้มากๆ เพื่อใช้ความสามรถของพวกเจ้ามาค่อยช่วยเหลือเจิ้นเสีย "
เหลิ่งจิ้นเหยียนจึงทำได้เพียงขอตัวลากลับไป เป็นคนสนิทข้างกายองค์จักรพรรดินั้น ช่างอยู่ยากเย็นอะไรเช่นนี้
หลังจากผ่านไปเพียงสองชั่วยาม หยวนชิงหลิงก็ได้มานั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องอักษรขององค์จักรพรรดิแล้ว
จักรพรรดิพลันก้มหน้าตำหนิว่า "เป็นถึงพระชายา ทั้งคำพูดและการกระทำของเจ้าเป็นตัวแทนของราชวงศ์ ก่อนหน้าที่เจ้าจะไปเยี่ยมเยียนหวายอ๋องนั้น เจ้ามิได้สนใจอาการป่วยของหวายอ๋องเลยหรือ เหตุใดไประบายอารมณ์ส่วนตัวกับพระชายาฉีอ๋องรวมถึงพยายามฆ่านางด้วยงั้นหรือ เจ้าทำผิดอย่างมหันต์รู้ตัวหรือไม่?"
น้ำเสียงของหยวนชิงหลิงพลันทำท่าตกอกตกใจเล็กน้อย " ขอประทานอภัยเสด็จพ่อ ลูกสะใภ้ผิดไปแล้วเพคะ "
หากกล่าวว่าเป็นการตำหนิ นางรู้สึกว่าองค์จักรพรรดิตั้งใจเช่นนั้นจริงๆ ทว่า การจะทำโทษนางจนถึงต้องฆ่าแกงกันนั้น นางกลับรู้สึกว่าองค์จักรพรรดิเพียงแค่กล่าวไปตามเนื้อผ้าเฉยๆ หากแต่นางก็ทำได้เพียงกรีดร้องขอความเมตตาขออภัยเพียงสองสามครั้งเท่านั้น
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด "ให้อภัยงั้นหรือ? เหตุใดเจิ้นต้องให้อภัยเจ้าด้วย? นี่มิใช่ครั้งแรกที่เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ หากมิใช่ว่าไท่ซั่งหวงขอเอาไว้ เจิ้นจักเด็ดหัวเจ้าทิ้งเสียตอนนี้เลย"
"ลูกสะใภ้กลัวแล้วเพคะ เสด็จพ่อโปรดให้อภัยหม่อมฉันสักครั้ง!"
"เจ้ามาขอร้องเจิ้นเช่นนี้ เหตุใดมิคิดไตร่ตรองดูให้ดีๆเสียละ ว่าจักทำให้ตนเองพ้นโทษเช่นไร! " จักรพรรดิพลันกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"ลูกสะใภ้ช่างโง่เขลายิ่งนัก มิรู้จริงๆเพคะว่าควรทำเช่นไรให้ตนเองพ้นโทษ เสด็จพ่อเชิญกล่าวมาเถิดเพคะ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันกระแอมในลำคอออกมา " ไปจวนหยวนอ๋องเสีย ไปดูแลอาการป่วยของหวายอ๋องให้ดี เมื่อรักษาหายแล้ว เจิ้นจักยอมให้อภัยเจ้า"
เป็นดั่งที่หยวนชิงหลิงคิดไว้ไม่ผิด หากแต่นางจึงกล่าวออกมาด้วยท่าทีหมดหนทางว่า "เสด็จพ่อเพคะ อาการป่วยของหวายอ๋องนั้น ลูกสะใภ้ไม่กล้าพูดจริงๆว่าจะสามารถรักษาอาการให้ดีขึ้นได้หรือไม่ หากรักษาไม่ได้ละก็"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่จริงจัง " ฟังเสีย หากรักษาไม่ได้ละก็ เจิ้นย่อมต้องถามหาความผิดของเจ้า เจ้าก็อย่าได้กล่าวหาว่าผู้ใดปรักปรำ เจิ้นย่อมต้องอธิบายทุกอย่างให้กับทุกคนได้ฟัง เรื่องที่ตกลงไปในน้ำ หากมิใช่เจ้าย่อมต้องเป็นพระชายาฉีอ๋อง ย่อมต้องมีผู้ใดคนหนึ่งที่เป็นคนกระทำผิด"
หยวนชิงหลิงเอ่ยถามออกมาด้วยท่าทีที่ไม่เต็มใจนัก "เหตุใดถึงไม่ใช่พระชายาฉีอ๋องละเพคะ?"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ที่กำลังเล่นลูกเหล็กอยู่นั้น จึงกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่เยาะเย้ยว่า "นั้นสิ ไหนเจ้าลองกล่าวมาสิ ว่าเหตุใดถึงมิใช่พระชายาฉีอ๋อง?" เจ้าไม่รู้จักสถานะตนเองเลยหรือยังไง ?
เจ้าและตระกูลฉู่ ราวกับเส้นผมหนึ่งเส้นที่ต่อกรกับขามัดใหญ่เช่นนี้
หยวนชิงหลิงรู้ตัวดี องค์จักรพรรดิท่าทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกเสียจริง ทำเป็นหวาดกลัวตระกูลฉู่ หากแต่ก็ลงโทษกับฮุ่ยติ่งโหว เหตุใดครานี้ถึงไม่กล้าแตะต้องตระกูลฉู่แล้วเล่า
นางย่อมไม่สามารถพูดประโยคเช่นนี้ออกไปได้ อีกทั้งยังต้องมาหาข้อแก้ตัวที่ดีให้กับองค์จักรพรรดิอีก
"หม่อมฉันและพระชายาฉีอ๋องตกน้ำ ผู้คนล้วนแต่กล่าวว่าหม่อมฉันผลักนางตกน้ำ คนในตระกูลฉู่ย่อมต้องเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เสด็จพ่อมาถามบทลงโทษกับหม่อมฉันก่อนเช่นนี้ ไม่ว่าตระกูลฉู่จะยินยอมหรือไม่ยินยอม ย่อมต้องไม่สามารถมายุ่งเกี่ยวหรือมาระบายความแค้นกับลูกสะใภ้ได้ เสด็จพ่อช่างมีเมตตาปกป้องลูกสะใภ้คนนี้ยิ่งนัก ลูกสะใภ้รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ลูกสะใภ้จะพยายามหาหนทางรักษาเพื่อหวายอ๋องอย่างสุดความสามารถเพคะ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันแย้มยิ้มออกมา "ในเมื่อเจ้าให้สัญญาว่าจะรักษาหวายอ๋องให้หายเช่นนี้แล้ว เจิ้นย่อมให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ไปเสีย กลับไปเตรียมตัวเก็บกล่องยา"
รักษาให้หาย? หยวนชิงหลิงมิกล้าเอ่ยคำใดออกมาเลยแม้แต่ประโยคเดียว
"ไปเสีย ! " จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันเอ่ยเตือนนางทางสายตา มิจำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระอันใดอีกแล้ว
หยวนชิงหลิงจึงค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง!
เมื่อหยวนชิงหลิงเดินออกมาจากห้องอักษรขององค์จักรพรรดิแล้วจึงถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ ปัญหาที่นางจะรักษาอาหารป่วยของหวายอ๋องหรือไม่นั้น นางมิจำเป็นต้องวางหมากลงไปแล้ว แม้ว่าท้ายที่สุดจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้น หากแต่ภายในใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก เมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ มันช่างทรมานจิตใจนางเหลือเกิน ในยามนี้นางไม่มีทางให้ถอยกลับไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี นางเชื่อว่า หากนางไม่สามารถรักษาได้ละก็ องค์จักรพรรดิย่อมมิได้ปฏิบัติต่อนางเช่นนั้นจริงๆ เกรงว่า นางจะทนต่ออารมณ์กรุ่นโกรธของพระสนมหลู่ไม่ไหวเสียมากกว่า
พระสนมหลู่ หัวสมองของหยวนชิงหลิงพลันปวดขึ้นมาโดยฉับพลัน ไม่ง่ายเลยที่จะต่อกรกับสนมหลู่ได้
หยวนชิงหลิงจึงเดินไปยังตำหนักเฉียนคุน
วันนี้ชายชราอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก ถึงได้ออกมาทำงานไม้นอกตำหนักเช่นนี้
ยามเมื่อหยวนชิงหลิงเดินเข้าไปนั้น มือของฉางกงกงที่กำลังจับเลื่อยอยู่ ไท่ซั่งหวงก็กำลังวัดขนาดหน้าไม้แผ่นใหญ่อยู่เช่นกัน
"ไท่ซั่งหวง ท่านกำลังทำสิ่งใดงั้นหรือเพคะ?" หยวนชิงหลิงพลันเดินเข้าไปกล่าวถามด้วยท่าทีที่สงสัย
ไท่ซั่งหวงพลันเงยหน้าขึ้นมามอง หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อไหล สีหน้าพลันแดงก่ำ พลางกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่ภาคภูมิใจว่า "เจ้าลองเดาดู!"
"นี่คือ ไม้ตากผ้างั้นหรือเพคะ ?" ท่อนไม้ยาวๆ ส่วนหัวโค้งมนๆ เหมาะที่จะเป็นไม้ตากผ้ายิ่งนัก
"ไม้ตากผ้าคือสิ่งใดงั้นหรือ ?" ไท่ซั่งหวงพลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีฉงน
"นี่คืออะไรงั้นหรือเพคะ?" หยวนชิงหลิงพลันกำลังมองหัวไม้อยู่ ด้านบนราวกับว่ามันเป็นส้อม หรือว่านี่มิใช้ไม้ตากผ้างั้นหรือ?
"ไม่รู้ใช่หรือไม่? นี่เป็นของขวัญของเจ้า "ไท่ซั่งหวงพลันกล่าวออกมา
หยวนชิงหลิงจึงรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก "ของขวัญของหม่อมฉันงั้นหรือ ?"
ให้รางวัลเพชรพลอยกับนางก็ได้กระมัง เงินทองตำลึงก็ย่อมได้ ทำไม้เท้าเช่นนี้หมายความเช่นไรกัน ?
"นี่คือไม้สยบสามี หากกลับไปแล้ว เจ้าห้ายังรังแกเจ้าอีกละก็ เจ้าก็หยิบไม้สยบสามีมาตีเขาได้เสีย ชอบหรือไม่ ?"
ไท่ซั่งหวงพลันวางไม้วัดลง แล้วจึงหยิบเลื่อยมาจากมือฉางกงกงมาตัดไม้ให้สั้นลงไปอีก "ยาวไปไม่เหมาะนัก. เพียงสามนิ้วสามกำลังดี"
ดวงตาของหยวนชิงหลิงพลันแปล่งประกายระยิบระยับ "ชอบเพคะ หม่อมฉันชอบมากเลย"
เงินทองตำลึงอันใดจะมาดีกว่าสิ่งนี้อีกงั้นหรือ ?
ฉางกงพลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม "นี่มิเพียงแต่เป็นไม้สยบสามีนะพะยะค่ะ ทว่า ยังสามารถใช้ตีคนที่ทำเรื่องวุ่นวายเช่น ลากคนให้ตกลงไปในทะเลสาบได้อีกด้วย"
หยวนชิงหลิงพลันเอ่ยกล่าวออกมา "ฉางกงกง คำพูดของท่าน"
ฉางกงเพียงยักไหล่เล็กน้อย "นี่เป็นคำพูดของไท่ซั่งหวงพะยะค่ะ กระหม่อมย่อมไม่กล้าพูดประโยคเช่นนี้ออกมาอยู่แล้ว"
หยวนชิงหลิงพลันรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก เมื่อมองเห็นชายชราที่เหน็ดเหนื่อต่อการทำของขวัญให้นางเช่นนี้ ไสไม้ด้ามเล็กๆเท่านี้ เหนื่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?
"ท่านรู้ว่าข้าถูกคนกลั่นแกล้งแล้วหรือ ?"
"ผู้คนใต้หล้า มีผู้ใดไม่รู้เรื่องนี้บ้าง ? เรื่องนี้เจ้ามิได้กระทำ ข้าละเห็นใจเจ้าจริงๆเลย" ไท่ซั่งหวงพลันเลื่อยหัวไม้ต่อ พร้อมนำกบไสไม้อันเล็กๆมาเหลาให้มันเป็นกลมๆ
หยวนชิงหลิงจึงนั่งลงอยู่ด้านข้าง เพื่อช่วยจับแผ่นไม้ให้อยู่กับที่ "มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาบ่อยมาก จนยากที่หม่อมฉันจะป้องกันได้เพคะ"
"เช่นนั้น เจ้ายังไม่ตีนางให้ตายอีกหรือ ?"
"ไม่ดีกระมัง? ชีวิตหนึ่งชีวิตเลยนะเพคะ ขยับนิดหน่อยก็จะฆ่าจะแกงกันแล้วหรื . มันจะไร้อารยะธรรมเกินไปแล้วกระมัง"
"โลกล้วนแต่เป็นเช่นนี้ เจ้าไม่ฆ่าคน คนผู้นั้นย่อมต้องฆ่าเจ้า" ไท่ซั่งหวงพลันเงยหน้าขึ้นมา พร้อมทั้งใช้สายตาประเมินนางเล็กน้อย "หากแต่ เรื่องฮุ่ยติ่งโหวนั้น เจ้าทำได้ดี"
"มิกล้ารับไว้หรอกเพคะ เป็นเพราะการสอบสวนของท่านอ๋องต่างหากเล่า"
"นี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรง" ไท่ซั่งหวงพลันพ่นลมหายใจออกมา "เรื่องนี้มิควรจะจัดการเช่นนี้ ชัยชนะในครั้งนี้ เป็นเพราะพึ่งโชคชะตาล้วนๆ หากขาดความโชคดีไปแล้ว เจ้าตายไปย่อมไม่รู้สาเหตุของการตายอย่างแน่นอน"
หยวนชิงหลิงพลันกล่าวออกมาด้วยความแปลกใจ "หากมิทำเช่นนี้ แล้วควรจะจัดการอย่างไรละเพคะ?"