หยุนจิ่งรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาทั้งสามคน แล้วก็นึกดูอีกครั้ง
เขาก็พยักหน้ายืนยัน “ใช่ อยู่บนหนังสือของฮ่องเต้ ตอนที่ข้าเข้าไปเห็นเขากำลังคุยอะไรกับขันทีของเขา จากนั้นก็นำของไปเก็บไว้”
ซูหนานอีพยายามบังคับจิตใจตัวเองให้นิ่งอยู่สักพัก สีหน้าก็เปลี่ยนไป
เซี่ยหร่านตบไหล่นางเบาๆ สื่อเป็นการปลอบโยนโดยไม่พูดอะไร
หยุนจิ่งเห็นสีหน้าของซูหนานอีไม่สู้ดีก็รู้สึกตกใจ”เหนียงจื่อ เจ้าเป็นอะไรไป ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ”
ซูหนานอีฝืนยิ้ม ” เปล่า จิ่งเอ้อร์ไม่ได้พูดอะไรผิด แต่หยุงจิ่งกับช่วยข้าได้เยอะเลย”
เซี่ยหร่านกระแอม”อะไรอีก ท่านอ๋อง ท่านยังรู้อะไรอีก”
“อะไร ….” หยุนจิ่งไม่ค่อยเข้าใจ
ซูหนานอีเอ่ยแทรก”เซี่ยหร่าน”
เซี่ยหร่านสบตานาง “ถามหน่อยไม่ได้หรือ ทำไมเขาไม่ได้…….”
“เขาแตกต่าง” สีหน้าซูหนานอีเย็นเยือก “อย่าคิดอย่างนี้อีก”
แตกต่างยังไง คำถามนี้เซี่ยหร่านได้แต่กลืนลงคอไป
มองหยุนจิ่งที่ทำหน้างงงวย แววตาคู่นั้นที่ใสซื่อ ก็เกิดไฟลุกขึ้นมาในใจเขาด้วยความโกรธ
ซูหนานอีเอ่ยเสียงเบา:”จิ่งเอ้อร์ เจ้านำเสี่ยวเฮยไปกินอะไรก่อนไป ฝึกให้มันบิน ดูสิว่ามันจะเชื่อฟังเจ้าหรือไม่”
นางพูดพร้อมกับยื่นแท่งไม้ไผ่เล็กๆให้กับหยุนจิ่ง “นี่ เป่าอันนี้”
“ได้เลย “หยุนจิ่งก็อารมณ์ดีขึ้นมาอีกครั้ง แล้วนำเอาแท่งไม้ไผ่เล็กกับเสี่ยวเฮยวิ่งไปใต้ต้นไม้
เซี่ยหร่านโมโหจนถึงขีดสุด กัดฟันแน่นแล้วเอ่ยเสียงต่ำ”นี่มันอะไรกัน หนานอี มีสิทธิ์อะไรที่เจ้าต้องเหนื่อยทำอย่างนี้ด้วยตัวเอง เขาจะช่วยเจ้าสักหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร ให้เขาเข้าไปสืบข่าวในวัง ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าดูเขาก็ไม่โง่ถึงขั้น……”
” เซี่ยหร่าน!” ซูหนานอีเอ่ยห้ามเสียงต่ำ แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “ห้ามเจ้าว่าเขาอย่างนี้!”
“ข้าพูดผิดหรือ ” เซี่ยหร่านเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ กำมือแน่น ” หนานอี โอกาสเดียวนี้กว่าเจ้าจะได้มาไม่ใช่ง่ายๆ ทำไมถึงต้องไปเสียเวลากับเขา….”
“เพราะว่า” ซูหนานอีพูดของมาอย่างช้าอย่างชัดถ้อยชัดคำ”เจ้าเคยบอกว่า เขาเคยเป็นคนที่ไม่มีใครเทียบได้! เพื่อข้าแล้วเขาถึงได้กลายเป็นอย่างนี้”
เซี่ยหร่านกับลู่ซือหยวนถึงกับอึ้ง แม้แต่ลมหายใจยังติดขัด เหมือนมีอะไรมาอุดลำคอไว้
“ดังนั้น ข้าจะต้องรักษาเขาให้ได้ แม้นรักษาไม่หาย ข้าก็จะไม่ทิ้งเขาเด็ดขาด และยิ่งไม่ยอมให้เขาเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตราย”
ซูหนานอีที่หน้าซีดเผือดก็ระบายยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ดูอบอุ่น ดวงตาแวววาว”แม้ตอนนี้จะเป็นอย่างนี้ เขาก็จริงใจต่อข้า ข้ามีเหตุผลอันใดที่จะไม่ดีต่อเขาด้วยเล่า”
เซี่ยหร่านเบี่ยงหน้าขึ้นไปมองปุยเมฆบนท้องฟ้าที่เรียงกันเป็นชั้นอยู่ไกล เปลี่ยนรูปไปตลอดเวลา ตอนนี้จิตใจเขาช่างว้าวุ่นนัก กลายเป็นเสียงลมหายใจที่พ่นออกมา
ลู่ซือหยวน หลับตาลง เสียงเบาลอยตามสายลมมา”เจ้าคิดจะทำอย่างไร ข้าสนับสนุนเจ้า”มองหยุนจิ่งที่เล่นกับเสี่ยวเฮยอย่างสนุกสนานอยู่ใต้ต้นไม้ แววตาทอประกายออกมา ” อาการป่วยของหยุนจิ่งรักษายาก ตอนนี้ข้ายังหาวิธีมารักษาเขาไม่ได้ ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป รอให้เสร็จงานแต่งงานก่อน อาจจะรู้อะไรเยอะกว่านี้ก็ได้”
หล่อนพูดไปน้ำเสียงก็เบาลงเรื่อยๆ “บางที เมื่อถึงเวลานั้นตัวข้าเองก็สามารถเข้าวังได้ และสามารถสืบเรื่องบางอย่างได้”
เซี่ยหร่านตอนนี้โมโหจัดกัดฟันแน่น คำพูดร้ายๆ ก็ถูกกลืนลงคออีกครั้ง คิดว่าควรเปลี่ยนเรื่องอื่นคุย “สายของหุบเขาหมอเทวดาที่อยู่ในเมืองซินเยว่ถูกกำจัดแล้ว จะต้องเกี่ยวข้องกับกู้ซีเฉินแน่ ไม่คิดว่าในวังจะมียาพวกนี้ด้วย นี่มันเป็นยาที่มีเพียงหุบเขาหมอเทวดานะถึงจะมีได้!”
“เป็นของจริง” ซูหนานอีเผยแววตาเจ้าเล่ห์ออกมา
ลู่ซือหยวนคิ้วขมวดเป็นปม “ถ้าอย่างนี้กู้ซีเฉินรู้ฐานะจริงของเจ้าในหุบเขาหมอเทวดาแล้วหรือ”
“คงไม่หรอก ” ซูหนานอีส่ายหน้าอย่างมั่นใจ “เขารู้เพียงว่าข้าทำการค้ากับหุบเขาหมอเทวดา ทำการค้าขายยาสมุนไพรกับพวกเขา อย่างอื่นก็ไม่รู้ เดิมทีข้า…คิดว่าจะหาโอกาสบอกเขา เพื่อที่จะให้เขาดีใจจนคาดไม่ถึง”
ผลปรากฏ เขากลับลงมือก่อน
“โชคดีมาก ” เซี่ยหร่านหัวเราะออกมาสั้นๆ “เขาคิดว่าตัวเองฉลาด สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าใครเล่นตลกกับใครกันแน่”
เซี่ยหร่านพูดจบก็สะบัดแขนเสื้อ “ข้าไปละ ไปดูกลุ่มพ่อค้าสักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง พรุ่งนี้ออกเดินทางแล้ว เจ้าก็ไปบอกหลี่หว่านจิ้งเถอะ”
จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกจากเรือนไปพร้อมกับพ่นเสียงเหอะออกมา เสี่ยวเฮยยังอยู่บนฝ่ามือของหยุนจิ่งมองหยุนจิ่ง กางปีกออกแต่ก็ไม่บินขึ้น
เซี่ยหร่านที่ตอนนี้ลมโกรธขึ้นมาจุกอยู่ในลำคอ”ทิ้งเจ้าของเดิม! หึย!”
เขาก็ไม่ได้ต้องการอะไรอีก ก็เปิดประตูออกไป
ซูหนานอีมองเบื้องหลังของเขาก็ได้แต่ยิ้ม “เจ้านี่……”
“เขาเป็นห่วงเจ้า แต่ร้ายไปอย่างนั้นเอง อย่าไปใส่ใจเลย ” ซูซือหยวนเอ่ยปลอบ
“ข้าเข้าใจ” ซูหนานอีคุกเข่าตรงหน้าลูซือหยวน “ซือหยวน ขอบคุณที่เจ้าสนับสนุนข้า มีพวกเจ้าอยู่ ข้าถึงได้วางใจ ทำในสิ่งที่ข้าอยากจะทำ”
ลูซือหยวนมองนางวางมือไว้บนหน้าตักของตัวเอง นิ้วที่เรียวนุ่มข่าวดุจหินหยก ใจเขาก็เต้นแรง ขนตาสั่นระริก
” เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้า ยังจะพูดขอบคุณอะไรอีก ”
ซูหนานอีหันไปนั่งข้างๆ เขา” ข้าต้องคิดหาวิธีเพื่อจะยืนยันให้ได้ว่าหลิวว่านเพ่ยเป็นคนธรรมดาหรือหนอนบ่อนไส้. ซือหยวน เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะไปกับข้าใช่มั้ย”
“ได้ ”
เพียงแค่ได้ช่วยนาง อะไรก็ได้หมด
” เหนียงจื่อ รีบมาดูนี่เร็ว” หยุนจิ่งร้องเรียกอย่างตื่นเต้น ชี้ไปบนอากาศที่มีนักพิราบบินอยู่
ซูหนานอีเห็นก็ตกใจ เจ้านกน้อยนี่ถึงกับกล้าแกล้งหยุนจิ่ง คนกับคนไม่เหมือนกันจริงๆ เซี่ยหร่าน……แค่ขยับก็ถูกเจ้านกน้อยนี่ไม่ถูกชะตาให้แล้ว!
ซูหนานอีกลั้นขำแล้วโบกมือให้หยุนจิ่ง เอ่ยเสี่ยงเบากับลู่ซือหยวน :”เรื่องนี้ต้องรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นจะติดต่อกับเจ้าสำนักหุบเขาหมอเทวดาไม่ได้ หากเขารู้ข่าวร้ายของเจ้าจะต้องเสียใจมากแน่”
“อืม ” หลังจากเกินเรื่องกับลู่ซือหยวนก็ขาดการติดต่อกับทางนั้น ถึงแม้เขาเป็นบุตรบุญธรรมของท่านเจ้าสำนัก แต่ท่านก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นลูกแท้ๆ มาตลอด มีความรักให้อย่างสุดซึ้ง
ซูหนานอีเห็นเขาที่ไม่อยากพูดอะไร คิดว่าเขาเสียใจจนไม่อยากพูดอะไร เลยเปลี่ยนเรื่องพูด:” เซี่ยหร่านเคยพูดเรื่องตระกูลเซี่ยกับเจ้าหรือไม่ เขายังไม่มีพ่อบุญธรรมหรือ ”
“ไม่เคยพูดมาก่อน ” ลู่ซือหยวนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจ “เขาเอ่ยถึงเรื่องนี้น้อยมาก ตระกูลเซี่ยไม่จัดงานแต่งให้เขา เขาก็ดีใจที่ตัวเองได้เป็นอิสระ”
” ก็ดี ” ซูหนานอีถอนหายใจ “จัดการเรื่องในตอนนี้ให้เสร็จก่อน จากนั้นพวกเราค่อยไปที่เจียงหนานด้วยกัน เพื่อช่วยเซี่ยหร่าน”
ลู่ซือหยวนไม่ได้พูดอะไร ซูหนานอีก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาหยุนจิ่งดูนกพิราบน้อยบินไปมา
ลู่ซือหยวนนนั่งอยู่ที่เดิม ทำได้เพียงมองดูซูหนานอี
จนเวลาผ่านไปถึงแสงอาทิตย์ทอแสง ซูหนานอีถึงได้ไปบอกเรื่องออกเดินทางพรุ่งนี้กับหลี่จิ้งหว่าน พูดจบแล้วก็พอหยุนจิ่งออกไปจากเรือน
เดินมาถึงครึ่งทาง ก็บังเอิญเจอเข้ากับบ่าวของจวนอ๋อง พอเห็นหยุนจิ่งก็รีบเข้ามาหา “ท่านอ๋อง ในที่สุดบ่าวก็ตามหาท่านอ๋องเจอแล้ว ท่านรีบกลับเถอะขอรับ ไท่เฟยรับสั่งหาท่านมาทั้งวันแล้วขอรับ”
หยุนจิ่งที่ตกใจอึ้งและมีท่าทีร้อนใจ ” เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเสด็จแม่”
“ไม่ใช่ขอรับ ท่านอ๋องอย่าพึ่งร้อนใจไป คือว่า…..” สายตาของบ่าวรับใช้มองไปทางซูหนานอี “คือว่ามีเรื่องจะรับสั่งกับท่านอ๋องขอรับ”
สายตาที่มองมานี้ ซูหนานอีก็รู้ได้ทันที เหมือนกับว่าจะจัดการเรื่องที่วันนี้หยุนหลิ่วได้พูดเรื่องเหลวไหลที่ถนนคนเดิน
ซูหนานอีคิดอยู่ในใจอย่างรวดเร็ว ตัวเองเกินใหม่มายังไม่นาน เจอกับเรื่องอย่างนี้มาเยอะไม่ว่าจะเป็นที่ในจวนสกุลซู ในจวนอ๋อง และยังมีที่เรือนหลังเล็ก หรือแม้แต่ศาลจิงจ้าว แต่ละเรื่องก็ยุ่งมากพอแล้ว
“‘งั้น เหนียงจื่อ ข้าไปส่งเจ้ากลับจวนก่อนนะ” หยุนจิ่งยังไม่วางใจซุหนานอี
“ไม่เป็นไร ข้ากลับเองได้ ” ซูหนานอีตบไปที่ไหล่ของเขาที่มีนกพิราบน้อยเกาะอยู่ “เจ้ารีบไปเถอะ ไท่เฟยรับสั่งหาเจ้าจะต้องมีเรื่องด่วนแน่”
“เอาอย่างนี้เหนียงจื่อไปกับข้ากลับไปจวนอ๋องด้วยกันเถอะ ” หยุนจิ่งคิดว่าความคิดนี้ดีที่สุด
ซูหนานอียิ้มบาง “ข้าไม่ไปดีกว่า ไท่เฟยรับสั่งหาเจ้าจะต้องมีเรื่อง วันหลังหากมีเวลาข้าค่อยไปเที่ยวที่จวนอ๋องก็แล้วกัน”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ” หยุนจิ่งวางเจ้านกพิราบน้อยบนมือซูหนานอีอย่างอาลัยอาวรณ์ “เมื่อเจ้าถึงจวนแล้วก็ให้เสี่ยวเฮยส่งจดหมายมาให้ข้าด้วย”
“ได้ ไม่มีปัญหา รีบไปเถอะ! ” ซูหนานอีรับปากอย่างทันท่วงที
มองหยุนจิ่งที่เดินไปสามเก้าแล้วก็หันกลับมามองนาง ซูหนานอีก็ยิ้มออกมา เส้นขอบฟ้าที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงดุจสีเลือด นางคิดว่ายังพอมีเวลาก็หันหลังเดินไปอีกทาง
นางคาดการณ์ไว้แล้วไม่มีผิด ไท่เฟ่ยรับส่งให้ตามหาหยุนจิ่ง เพราะเรื่องหยุนหลิ่วนี่เอง
MANGA DISCUSSION