ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 86 ต้องการให้เจ้าผิดหวัง
ซูหว่านเอ้อร์ตัวสั่น หน้าซีดเผือด
ซูหนานอีหัวเราะเยาะ จับชายแขนเสื้อหยุนจิ่ง “หยุ่งจิ่ง พวกเราไปกันเถอะ”
มองดูพวกเขาที่เดินไปไกลแล้ว ซูหว่านเอ้อร์ก็กลืนน้ำลายเฮือก ทันใดนั้นก็นึกถึงวิญญาณที่เห็นอยู่ในเรือน ก็อดที่จะหนาวจนตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้
เซี่ยชื่อกอดนางไว้ นางพูดพรึมพรำ: “ท่านแม่ นางติดคุกไปแล้วจะพูดอะไรออกมาอีกหรือไม่ คนงานทั้งสองของหอเหมียนชุนจะเผยตัวออกมาหรือไม่”
เชี่ยชื่ออยากจะพูดตำหนินางสักหน่อย แต่มองดูสภาพนางตอนนี้ก็เลยอดทนไว้แล้วค่อยพูดทีหลัง “คงไม่หรอก ทั้งสองคนนั้นได้เงินไปแล้วคงเผ่นหนีไปไกลแล้ว เกิดเรื่องมาถึงตอนนี้ พวกมันไม่กล้ากลับมาหรอก เจ้าก็เหมือนกัน เรื่องใหญ่อย่างนี้ทำไมไม่ปรึกษาข้าก่อน”
ซูหว่านเอ้ร์คิดถึงเรื่องที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในสองสามวันมานี้ก็กลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมาไม่ได้ “ท่านแม่ ลูกนึกว่า……ท่านแม่จะโกรธลูกเสียอีก ไม่รักลูกสาวคนนี้อีกแล้ว……”
เซี่ยชื่อนั้นโกรธนางจริง เพราะนางก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้เรื่องก็แพร่ออกไปข้างนอกแล้ว อีกทั้งยังถูกกักบริเวณถูกรังเกียจอย่างนี้หรือ แต่ถึงอย่างไรนางก็มีลูกสาวเพียงคนเดียว เฝ้าเลี้ยงดูอุ้มชูมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ จะไม่ทำอะไรเลยได้ยังไง
“เด็กโง่ เจ้าพูดเหลวไหลอะไร แม่จะไม่รักเจ้าได้อย่างไร เพียงแต่ว่าตอนนี้……เฮ่อ พวกเราจะต้องวางแผนดีๆ ต่อจากนี้ห้ามก่อเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก เข้าใจไหม”
เซี่ยชื่อปลอบเบาๆ แล้วฉุดซูหว่านเอ้อร์ลุกขึ้น “ประเดี๋ยวเจ้าต้องไปรับผิดกับท่านพ่อของเจ้า ท่านพ่อของเจ้าชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง เจ้าอย่าไปเถียงเขาอีก”
ซูหว่านเอ้อร์ทำปากจู๋ไม่อยากทำ “ท่านแม่ แต่ท่านพ่อตอนนี้ ……เขาทำอย่างนี้กับท่าน ท่านไม่โกรธหรือ”
เซี่ยชื่อยกมือขึ้นลูบผมนาง “โกรธแล้วมีประโยชน์อะไร ผู้ชายก็ตัวเองเป็นคนเลือก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ต้องมีการแก่งแย่งแข่งขันบ้าง แต่ก็ต้องยืนหยุดอยู่ให้มั่นคงถึงจะได้ เจ้าวางใจเถอะ แม่ไม่มีทางล้มเด็ดขาด แม่ได้ทำการหาคู่ที่มาจากสกุลดีให้กับเจ้าแล้ว ให้เจ้าไม่แพ้หน้าหญิงชั่วซูหนานอีนั่น”
ซูหว่านเอ้อร์ตาวาวขึ้นอย่างมีความหวัง และก็เหลือบตาลง “ตอนนี้คนอย่างลูก……ยังจะมีตระกูลดีๆ มาแต่งด้วยอีกหรือ”
“จะต้องมีอย่างแน่นอน ซูหว่านเอ้อร์ เจ้าจะท้อไม่ได้” เซี่ยชื่อพูดให้กำลังใจนาง “ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ดี แต่พอเวลาผ่านไปแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็จะถูกคนหลงลืมไป เมื่อถึงตอนนั้นแม่ก็จะเตรียมสินเดิมของเจ้าสาวไว้ให้เจ้าเยอะๆ ก็ไม่มีปัญหา”
แววตาของซูหว่านเอ้อร์ก็วาวขึ้นอีกครั้ง “ท่านแม่ ตอนนี้ร้านของท่านไม่ใช่ตกไปอยู่ในมือของ……แล้วหรือ”
“แล้วยังไง” เซี่ยชื่อกระซิบข้าหูของนาง
ซูหว่านเอ้อร์ก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา “จริงหรือ”
“จริงแท้” เซี่ยชื่อยกยิ้มมุมปาก “ซูหนานอีหญิงชั่วนั่น นึกว่าหลายปีมานี้มีข้าคอยดูแลเปล่าอย่างนั้นหรือ นึกว่าเอาร้านยาของข้าไปถึงสามร้านก็คิดว่าตัวเองเก่งแล้วหรือ หึ!”
“ท่านแม่เก่งที่สุด!”
และเวลานี้ซูซืออวี้กลับมาจากข้างนอก มองเห็นสองแม่ลูกยังอยู่ก็เดินโมโหเดินเข้ามา
“ยังไม่กลับไปที่เรือนของตัวเองอีก ยังมาอยู่ที่นี่ทำอะไรอีก ยังขายหน้าไม่พออีกหรือ”
เซี่ยชื่อส่งสายตาให้ซูหว่านเอ้อร์ ซูหว่านเอ้อร์ก็เดินเข้าไปข้างหน้า แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าเขา ซูหว่านเอ้อร์น้ำตาไหลออกมา “ท่านพ่อ ลูกสำนึกผิดแล้ว! ลูกไม่ควรอกตัญญูกับท่านพ่อ ทำให้ท่านพ่อโกรธโมโห และไม่ควรเชื่อสาวใช้ง่ายๆ ให้พวกนางมีโอกาสแว้งกัดลูกได้ ทำให้ท่านพ่ออับอายขายหน้าที่จวนผู้ว่า ขอให้ท่านพ่อทำโทษลูกด้วย!”
ซูซืออวี้เดินไปส่งใต้เท้าจ้าว กว่าจะอารมณ์ดีกลับมาได้ พอได้ยินอย่างนี้ก็ไม่คิดจะเชื่อง่ายๆ
เขาหัวเราะเยาะออกมา “เฮ่อะ เจ้านี่แก้ตัวจนหลุดพ้นเลยเลย อย่านึกว่าเรื่องที่คนงานทั้งสองที่ชุนหลิงบอกจะหายตัวหาไม่เจอแล้วจะเป็นโชคดี แม้นไม่มีหลักฐาน พวกเจ้านึกว่าข้าจะไม่คิดบัญชีกับพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ”
ซูหว่านเอ้อร์หน้าซีดหันไปมองหน้าเซี่ยชื่อ
เซี่ยชื่อเช็ดน้ำตาแล้วเดินเข้ามา เอ่ยเสียงนุ่ม: “ท่านพี่ เมื่อก่อนหว่านเอ้อร์ได้กระทำความผิดมากมายก็จริง หว่านเอ้อร์เป็นคุณหนูอยู่แต่ในเรือนจะไปรู้สึกคนของหอเหมียนชุนได้อย่างไร”
ซูซืออวี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เซี่ยชื่อรู้จักเขาเป็นอย่างดี รู้ว่าเขาคิดยังไง เลยพูดต่อ: “เมื่อครั้งที่แล้วก็เป็นนางที่พูดยุให้หว่านเอ้อร์ทำเรื่องโง่ๆ ลงไป เรื่องวางยาก็เป็นชุนหลิงเป็นคนหามา หว่านเอ้อร์เป็นลูกที่โตมาจากความรักของท่าน นิสัยออดอ้อน ถูกชุนหลิงสาวใช้ชั่วนั่นพูดยุแยงว่าท่านอ๋องเป่ยลี้อะไรปัญญาอ่อน นางก็ไม่ยอมแต่งแล้ว ถึงได้……”
“หุบปาก!” ซูซืออวี้รีบพูดห้าม
เซี่ยชื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก “เจ้าค่ะ ข้าพูดผิดไปแล้ว แต่ท่านพี่ เรื่องที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง! ชุนหลินสาวใช้ชั่วนั่นจะต้องแอบไปมีสัมพันธ์กับคนอื่น ยังกลับมาแว้งกัด…….”
เซี่ยชื่อก็ร้องไห้กระซิกๆ ขึ้นมา ซูหว่านเอ้อร์ก็คุกเข่าก้มหัวลง พูดคำพูดที่น่าฟังไม่หยุด
ซูซืออวี้กำลังหวั่นไหวอยู่นั้น แม่บ้านก็วิ่งเข้ามากะทันหัน “นายท่าน……มีแขกมาถึงหน้าจวนแล้ว!”
ขณะเดียวกัน ซูหนานอีก็ทราบข่าวนี้แล้วเหมือนกัน
เสี่ยวเถายังไม่ทันได้วางผลไม้ลงบนจาน ก็วิ่งหน้าตื่นตามซูหนานอีไปใกล้นางเพื่อรายงาน
“คุณหนู ได้ยินยามเฝ้าประตูบอกว่ามีคนมาสู่ขอเจ้าค่ะ!”
หยุนจิ่งตั้งสติได้เร็วกว่าซูหนานอี ยื่นมือไปจับแขนเสื้อซูหนานอี “สู่ขออะไร เหนียงจื่อเป็นของข้า!”
เสี่ยวเถาหัวเราะกระซิกๆ “ท่านอ๋องวางใจเถอะ ไม่ได้มาสู่ขอคุณหนู แต่เป็นคุณหนูรองต่างหาก”
ซูหนานอียิ่งแปลกใจกว่าเดิม ตบไปบนหลังมือของหยุนจิ่งเพื่อแสดงว่าไม่ต้องเป็นกังวล “มาสู่ขอซูหว่านเอ้อร์อย่างนั้นหรือ เป็นผู้ใดกัน”
เสี่ยวเถามีท่าทีไม่อยากจะพูด เก้าไปหนึ่งเก้าแล้วพูด “คุณหนู ท่านต้องคาดไม่ถึงแน่ ว่าเป็น……จวนท่านแม่ทัพ!”
ซูหนานอีถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเบิกตากว้าง “เจ้าว่าใครนะ”
เสี่ยวเถาสีหน้าแดงก่ำ “ดูสิ ท่านก็ตกใจใช่มั้ยเล่า! เป็นจวนแม่ทัพ คนที่มาเป็นลูกสะใภ้ใหญ่ของท่านแม่ทัพ”
ท่านแม่ทัพนั้นเลี่ยนดูบุตรชายสองคนและบุตรสาวหนึ่งคน บุตรชายคนโตคือเป็นลูกอนุ ลูกสะใภ้ใหญ่เป็นบุตรสาวของลูกทหารคนหนึ่งภายใต้บังคับบัญชาของท่านแม่ทัพ
พระสนมหลี่รั่วลั้นในตอนนี้เป็นบุตรสาวภรรยาเอกของท่านแม่ทัพนั่นเอง เป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับกั๋วจิ้วเหย่และหลี่ชูยวี่
ซูหนานอีนั้นรู้สึกเสียเวลาที่จะมารู้เรื่องพวกนี้ เดิมทีนางนั้นคิดว่าชื่อเสียงของซูหว่านเอ้อร์ในตอนนี้และเรื่องที่นักพรตจินเคยบอกว่าภายในสามปีนี้ห้ามแต่งงาน มิอาจให้นางแต่งงานได้
แต่ทำไมคิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ไม่นาน จะมีคนมาสู่ขอถึงหน้าจวน อีกทั้งยังเป็นจวนท่านแม่ทัพใหญ่อีกที่มาเป็นคนแรก และคนที่มาคือลูกสะใภ้ใหญ่ของภรรยารองของท่านแม่ทัพ
ถึงแม้จะบอกว่าเป็นภรรยาของลูกชายที่เกิดจากภรรยารอง แต่ก็ต้องดูว่าเรื่องเป็นมายังไง บุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยารองของท่านแม่ทัพ ก็ถือว่ามีฐานะสูงส่งกว่าขุนนางธรรมดาทั่วไปอีก ยิ่งกว่านั้น ยังมาถึงหน้าประตูจวนสกุลซูอีก
ซูหนานอีครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าถามมาอย่างละเอียดแล้วหรือ”
“อืม” เสี่ยวเถาพยักหน้า “รับรองว่าถูกแล้วเจ้าค่ะ”
“แล้วเขามาสู่ขอซูหว่านเอ้อร์ไปให้ผู้ใด”
เสี่ยวเถาอึ้ง นางก็ไม่รู้เหมือนกัน
ซูหนานอีไม่ได้สนใจว่าซูหว่านเอ้อร์จะแต่งงานกับใคร จะแต่งไปอยู่ในตระกูลที่ดีหรือไม่ เพียงแต่นางคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ
เกิดเรื่องผิดปกติขึ้นจะต้องมีมารแน่ และมารในคราวนี้ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน
……
ไม่ได้มีเพียงซูหนานอีเท่านั้น ทุกคนที่อยู่ในเรือนรับรองของจวนซูต่างก็ตกใจอึ้ง รวมไปถึงตัวของซูหว่านเอ้อร์เอง เหมือนไม่อยากจะเชื่อหูที่ได้ยินของตัวเอง
ทุกคนในจวนต่างมองผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ชุดของนางหรูหรา บนหัวมีเครื่องประดับปักอยู่เป็นชั้นๆ เปล่งประกายออกมา ปลายเท้าโผล่ออกมาจากชายกระโปรง ปักด้วยเส้นไหมสีทองกับสีเงินเป็นลายอย่างประณีต
เพียงแค่นางนั่งอยู่ตรงนั้น ก็ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความมีสง่าราศี
เป็นฮูหยินเอกของบุตรชายคนโตที่เป็นลูกอนุของท่านแม่ทัพ แซ่อู
นางมองดูทุกคนที่ตกใจอึ้ง ก็เอ่ยออกมา “ทำไมหรือ ข้าพูดไม่ชัดเจนหรือ นายท่านซู ท่านจะรับปากหรือไม่รับปากก็ตอบมาเถิด”
ซูซืออวี้ยังไม่ทันตั้งตัวได้ เซี่ยชื่อรีบกระตุกแขนเสื้อของเขา อยากจะให้เขาเอ่ยตอบตกลง และกลัวว่าจะเสียมารยาทล่วงเกินพระสนมหลี่
ซูซืออวี้รีบก้มคารวะ “ฮูหยินโปรดขออภัย ข้าน้อยเพียงแค่คาดไม่ถึง เรื่องนี้……”
เซี่ยชื่อกับซูหว่านเอ้อร์แทบจะร้องไห้แล้ว รออะไรทำไมไม่ตอบตกลงไป
แม่นางหลี่ระบายยิ้มออกมา น้ำเสียงยังคงนิ่ง “เรื่องนี้ก็ไม่ได้กะทันหันอะไร วันที่ไปจุดธูปนั้น กุ้ยเฟยเองได้เจอกับคุณหนูรอง เรื่องแต่งงานนี้กุยเฟยก็ได้รับปากแล้ว ชูยวี่เป็นคุณชายภรรยาเอกของจวนแม่ทัพเรา จะไม่ทำให้คุณหนูซูน้อยเนื้อต่ำใจแน่”
น้อยเนื้อต่ำใจอะไร ดูก็รู้ว่ามักใหญ่ใฝ่สูงมั้ย! ถึงแม้ว่าไม่ใช่คุณชายเชื้อพระวงศ์ แต่ก็เป็นเครือญาติของราชวงศ์ แม่ทัพใหญ่ไปเฝ้ารักษาดินแดนทางตะวันตก แม่กำลังทหารอยู่ในมือ เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ และเป็นหนึ่งในคนที่เชื่อถือได้ ยิ่งกว่านั้น หลี่ชูยวี่ยังเป็นบุตรชายภรรยาเอกอีก!
ซูซืออวี้ดีใจจนปากสั่น: “ฮูหยินก็กล่าวเกินไป แน่นอนว่าไม่ใช่น้อยเนื้อต่ำใจ บุตรสาวของข้านั้นถือว่าสั่งสมบุญมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว”
แม่นางหลี่เม้มปากไม่พูดอะไร
เซี่ยชื่อเลยรวบรวมความกล้าคารวะแล้วเอ่ยถาม: “บังอาจถามฮูหยิน หากซูหว่านเอ้อร์แต่งไปแล้ว……”
สายตาของแม่นางหลี่กวาดมองตัวของซูหว่านเอ้อร์ ก็เข้าใจความหมายของเซี่ยชื่อทันที