ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 55 ชาติที่แล้วติดหนี้เจ้าไว้
ทันทีที่ซูหนานอีปรากฏตัว คนสองคนที่ยืนอยู่บนก้อนหินนั้นก็หันไปมองนางทันที
เซี่ยหล่านยืนอยู่ท่ามกลางสายลม เสื้อผ้าของเขาพลิ้วไหว ผมของเขาปลิวไปตามสายลม คิ้วและดวงตาของเขานั้นก็ช่างงดงามดุจภาพวาด
ซูหนานอีคิดในใจว่าเมื่อตอนที่เซี่ยหล่านนิ่งเงียบ เจ้านี่ก็ดูเหมือนผู้เหมือนคนดีหรอก มิน่าแปลกใจเลยที่หญิงสาวจำนวนมากจะถูกหลอกได้ หญิงสาวในซ่องโสเภณีกตกหลุมรักเขาเช่นกัน
ถัดจากเซี่ยหล่านคือชายชราที่ตัวสั่นเทาสวมเสื้อคลุมสีเขียวเข้ม สวมเครื่องประดับผมไว้บนศีรษะแล้วใช้กระดูกขัดเอาไว้ ผิวของเขาแดงก่ำ เคราขาวผ่อง หากตัดความตื่นเต้นที่แสดงออกมาบนใบหน้าทิ้งไป ดูไปแล้วก็คล้ายกับเซียน
"นางนั่นแหละ จงไปเถิด"
น้ำเสียงของเซี่ยหล่านบางเบาดุจสายลม ทันทีที่เสียงของเขาสิ้นสุดลง ชายชราก็เลื่อนตัวลงมาจากหิน เขาตกใจเมื่อเห็นซูหนานอี เขาเกรงว่ายังมิทันได้กล่าวสิ่งใดออกมาก็จะถูกหักแขนหักขาเอาเสียก่อน โชคดีที่เขาเพียงกังวลไปเองเท่านั้น ชายชราเดินตรงมาหยุดตรงหน้าซูหนานอีแล้วมองดูนาง ก่อนจะทำความคารวะ
ซูหนานอีเอื้อมมือไปจับแขนของเขา "ท่านหมอหูมิจำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอก"
"แม่นาง ข้ามีเรื่องอยากขอคำปรึกษาจากแม่นางสักหน่อย" หมอหูได้รอมาหลายวันแล้ว และในที่สุดเขาก็ได้พบ ดังนั้นจึงได้กล่าวอย่างตรงประเด็น
"ท่านต้องการถามถึงเรื่องผงหญ้าไฟวิญญาณใช่หรือไม่?" ซูหนานอีกล่าว
หมอหูพยักหน้าซ้ำๆ "ถูกต้องแล้ว จากที่ข้ารู้มานั้นหญ้าไฟวิญญาณจะเติบโตในที่เย็นจัด ซึ่งมันหาได้ยากยิ่ง ใช้เวลาหลายปีก็ได้มาเพียงมิกี่ต้น ถึงเช่นนั้นก็ตาม สิ่งสำคัญคือนำมาทำเป็นผงได้ยากยิ่ง กระบวนการนั้นต้องคั่วด้วยไฟ เรื่องความร้อนค่อนข้างละเอียดอ่อน เวลาบดผงจะต้องใส่ยาพิเศษบางอย่างลงไปจึงจะถูกเพิ่มประสิทธิภาพ……สรุปคือ มิว่าอย่างไรก็ตาม หากกระบวนการผลิตผิดพลาด ก็มิสามารถสร้างผงหญ้าไฟวิญญาณนี้ได้"
เขาหยิบขวดเล็กๆออกมาจากกระเป๋าอย่างระมัดระวัง ซึ่งนั่นเป็นขวดที่ซูหนานอีมอบให้เขาก่อนหน้า
"จากที่ข้ามองดูแล้วนั้น ผงหญ้าไฟวิญญาณขวดนี้มีคุณภาพดีเยี่ยม เป็นชั้นสูงสุดก็ว่าได้ มูลค่ากว่าหนึ่งพันตำลึง ข้าได้รับสิ่งล้ำค่าเช่นนี้จากแม่นาง ทำให้ข้ามิสบายใจนัก……"
ซูหนานอียิ้ม "ท่านมิจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ท่านเป็นหมอมาตลอดชีวิตและช่วยชีวิตผู้คนนับมิถ้วน สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้มิได้หนักหนาอะไรเลย"
หมอหูดูตื่นเต้นยิ่ง เคราของเขาสั่นเล็กน้อย "นี่……นี่เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว แม่นางเอ่ยชมกันเกินไป"
"ท่านเคยรักษาโรคระบาดให้กับผู้คนที่นอกเมืองเมืองหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน และหนึ่งในนั้นคืออาจารย์ผู้มีพระคุณของข้าเอง เขาได้รับการช่วยชีวิตของท่าน เขาเปรียบเหมือนพ่อของข้า การที่ท่านได้ช่วยเขาไว้ก็เท่ากับช่วยข้าด้วย ดังนั้น ท่านมิต้องกังวลใจไป"
"อ้อ เป็นเช่นนี้เอง" หมอหูรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
"ถึงแม้ผงหญ้าไฟวิญญาณนี้จะหายาก แต่ก็ต้องอยู่กับคนที่รู้ค่ามันจึงจะมีประโยชน์ ข้ามิต้องการสิ่งเหล่านี้ แต่มันมีประโยชน์สำหรับท่านมากกว่า" ซูหนานอียิ้มอย่างอ่อนโยน "หากท่านมิรังเกียจละก็ เมื่อถึงเวลาที่ข้าต้องการความช่วยเหลือ ขอท่านโปรดช่วยข้าด้วย"
"แน่นอน มิมีปัญหา" หมอหูพยักหน้าเห็นด้วยทันที "แม้ว่าข้าจะเคยกล่าวไว้ จะมิออกตรวจผู้ใดอีก แต่นั่นก็ต้องดูคนด้วย หากแม่นางมีเรื่องทุกข์ร้อน ขอเชิญกล่าวมาเถิด ข้าจะมิขัดข้อง"
"ขอบใจท่านมาก" เมื่อหมอหูเอ่ยถามเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก หลังจากสนทนากันอีกมิกี่ประโยค เขาก็เดินจากไป
เซี่ยหล่านกล่าวกับซูหนานอีว่า "เขาต้องการผงหญ้าไฟวิญญาณมากกว่าหนึ่งขวด ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาจำเป็นต้องใช้มัน"
"ข้ารู้ เมื่อถึงเวลานั้นค่อยให้เขาอีกก็ได้" ซูหนานอีเปิดผ้าคลุมหน้าขึ้นแล้วหันหน้าไปทางทิศลม นางมองดูก้อนเมฆที่อยู่ไกลออกไป
"เจ้าช่างกล่าวได้ง่ายนัก" เซี่ยหล่านกลอกตา "สิ่งเหล่านั้นคือสิ่งที่เจ้ามีอยู่ก่อนหน้านี้มิใช่หรือ? จะมิเก็บเอาไว้หน่อยหรือไร? มิรู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะได้ติดต่อกับหุบเขาราชายาอีก เจ้าควรจะเก็บไว้ใช้เองสักหน่อย"
"ข้ามีเจ้าอยู่มิใช่หรือ?" ซูหนานอีถามกลับ
"……"เซี่ยหล่านแทบสำลัก "ข้าเป็นหนี้เจ้าในชาติก่อนแน่ๆ ชีวิตนี้ข้าคงยังใช้มิหมด"
"พอๆกัน" ซูหนานอีหัวเราะเบาๆ เสียงนั้นกระจัดกระจายไปตามสายลม "ข้าเป็นหนี้เจ้ามากเช่นกัน หากจะคิดบัญชีจริงๆ คาดว่าสามวันสามคืนคงมิหมด"
หัวใจของเซี่ยหล่านรู้สึกเจ็บจี๊ดเล็กน้อย เขายืดตัวบิดขี้เกียจกล่าวว่า "ไปกันเถอะ เดิมทีข้าอยากจะติดต่อกับคนในหุบเขาเทวดา แต่ทำได้เพียงติดต่อหมอหูเท่านั้น รู้สึกว่าตัวข้าแย่เหลือเกิน ข้าไปหาที่ระบายสักหน่อย"
ซูหนานอีหัวเราะคิกคัก "ไประบายที่ใด? หอนางโลมหรือ?"
เซี่ยหล่านยกมือขึ้นปัดผมที่ห้อยอยู่บนไหล่ของเจ้า "ที่นั่นมีหญิงงามนับมิถ้วน คุณชายเช่นข้าได้รับฉายาว่าบุรุษผู้ทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรี ทุกที่ที่มีพื้นดินย่อมมีดอกไม้ขึ้นในพงหญ้า แต่ละดอกนั้นช่างงดงาม เขาส่งคนมาจับตามองข้าทุกวัน ข้าเองก็ควรใช้ชีวิตช่วงนี้อย่างมีความสุขสักหน่อยสิ"
ซูหนานอีเหลือบมองเขา ริมฝีปากของนางขยับแต่แล้วก็มิได้กล่าวอะไรออกมา ทั้งสองเดินผ่านไปทางประตูหลังและเข้าไปในลานเล็กๆ ทั้งสองมิคาดคิดว่าหมอหูยังมิได้จากไปและกำลังสนทนากับคนอื่นๆอยู่ ทั้งยังเป็นชายชราอีกด้วย เขาตัวเล็กกว่าหมอหูเล็กน้อย มีเคราสีเทาดวงตาดูศักดิ์สิทธิ์
ซูหนานอีมองเห็นฝีเท้าของชายผู้นี้ชะงักลงเล็กน้อย หมอหูหันไปหานางและเซี่ยหล่านแล้วรีบโบกมือทันที "คุณชายเซี่ย……"
ก่อนที่เขาจะเรียกนาง ซูหนานอีก็กล่าวขัดจังหวะเขาขึ้นว่า "ท่านหู ตามเงื่อนไขที่ท่านเพิ่งเสนอมา คุณชายข้าตกลงแล้ว"
เซี่ยหล่านเหลือบมองไปที่นางและกล่าวโดยใบหน้ามิเปลี่ยนแปลงว่า "อืม ท่านหูมีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งนัก หากท่านยินยอมจะนั่งออกตรวจที่ร้านข้า มิว่าจะมากมายเพียงไรข้าก็ยินดี"
แม้ว่าหมอหูจะรู้สึกประหลาดใจและมิรู้ว่าจู่ๆเหตุใดทั้งสองจึงกล่าวเช่นนี้ แต่เขาเข้าใจว่าคงมีบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น จึงยิ้มอย่างมิเต็มใจว่า "ย่อมได้ ย่อมได้"
ชายชราอีกคนประหลาดใจขึ้นมา "ศิษย์พี่ ท่านมินั่งห้องโถงออกตรวจแล้วมิใช่หรือ?"
"คำกล่าวของท่านผู้นี้มิถูกต้องเอาเสียจริง ท่านหมอหูเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และมิมีใครเทียบได้ในโลกนี้ หากเขามินั่งโถงออกตรวจ ความสามารถของเขาจะมิสูญเปล่าหรือ ยิ่งกว่านั้น จิตใจของผู้เป็นหมอรักษาคน หากสามารถช่วยผู้คนจากความเจ็บป่วยได้ ก็นับว่าเป็นการทำความดีสะสมคุณธรรมอีกด้วย"
เซี่ยหล่านกล่าวโพล่งออกมา แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า "นายท่านผู้นี้คือ……"
"ข้าน้อยแซ่หลิว เป็นศิษย์น้องของท่านพี่หู พวกเรามิได้พบกันมาหลายปีแล้ว ข้าเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองนี้และได้ยินมาว่าศิษย์พี่มาที่เมืองซินเยว่ด้วย ข้าจึงอยากไปเยี่ยมเยียนเขา แต่มิคิดว่าจะได้เจอเขาในวันนี้"
"โอ้ เป็นศิษย์น้องของหมอหูนี่เอง เช่นนั้นท่านคงจะมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมด้วยสินะ หากมีเวลาขอเชิญท่านที่จวนข้าเถิด"
"ท่านเกรงใจมากไปแล้ว"
เซี่ยหล่านหันหน้ามาทางหมอหูแล้วกล่าวว่า "ท่านหมอ เรื่องของรายละเอียดนั้นข้าขอเจรจากับท่านเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่?"
"อ้อ ย่อมได้"
หมอหูและศิษย์น้องจึงอำลากัน จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปอีกทางหนึ่ง
ศิษย์น้องหลิวยืนอยู่ที่เดิมมิได้ไปไหน เขามองออกไปทางอื่น แต่ซูหนานอีรู้สึกได้ว่า แววตาของเขามักชายตามามองราวกับต้องการมองทะลุผ่านผ้าคลุมหน้าของนางเพื่อให้มองเห็นหน้าชัดขึ้น
ทันใดนั้น กระเบื้องแผ่นหนึ่งหลุดออกจากชายคาที่อยู่มิไกลนัก หล่นแตกเสียงดัง "เพล้ง" ลงกับพื้น
ซูหนานอีดึงศิษย์น้องหลิวผู้นั้นหลบไปอย่างรวดเร็วแล้วมองไปทางกระเบื้องนั้น ก่อนจะละสายตากลับมาทำเหมือนมิมีสิ่งใดเกิดขึ้น
ซูหนานอีดึงนิ้วกลับและก้มหน้าลง หลังจากนั้นมินานหมอหูก็เดินกลับมาหาศิษย์น้องหลิวโบกมือและกล่าวว่า "ศิษย์น้อง ข้าขอโทษจริงๆ ในวันนี้ข้ามีเรื่องต้องสนทนากับคุณชาย เอาไว้ค่อยนัดพบกันใหม่ดีหรือไม่?"
"ตกลงตามนั้นศิษย์พี่ ข้าคงต้องอยู่ที่นี่สักพัก แล้วข้าจะไปเยี่ยมศิษย์พี่อีกครั้ง" ศิษย์น้องหลิวโอบบ่าเขาแล้วกระซิบว่า "เกิดอะไรขึ้นกับหญ้าไฟวิญญาณที่ท่านว่างั้นหรือ?"
"อ้อ ข้าบอกว่าหญ้านั้นหายากเหลือเกิน หากมีโอกาสข้าหวังว่าจะให้เจ้าช่วยหาด้วยสักหน่อย"
"อ้อ ย่อมได้ มิมีปัญหา"
ศิษย์น้องหลิวเดินทางจากไปในมิช้า หมอหูตามเซี่ยหล่านกลับไปที่รถม้า ส่วนซูหนานอีตรงไปยังห้องโถง
นางจุดธูปอีกครั้งและเหลือบมองไปยังที่รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่นั่งบนดอกบัว นางย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วเติมเครื่องหอมอย่างสงบ ก่อนจะหันหลังกลับไปที่รถม้านอกวัด
รถม้าของเซี่ยหล่านเองก็อยู่มิไกล รถม้าของเขาและซูหนานอีขับเฉียดผ่านกัน นางส่งสัญญาณให้เขา
เซี่ยหล่านเข้าใจแล้วตบบ่าหมอหูเบาๆ ซึ่งบัดนี้นั่งอยู่ด้วยกันในรถ "ท่านหมอ จำสิ่งที่ข้าเพิ่งกล่าวไปได้หรือไม่ เรื่องในวันนี้ และเรื่องของแม่นางกับหญ้าไฟวิญญาณนั้น ท่านอย่าได้ไปบอกผู้ใดเด็ดขาด มิเช่นนั้น ต่อจากนี้ท่านจะมิได้ผงหญ้าไฟวิญญาณอีก"
ลมหายใจของหมอหูนิ่งลงเล็กน้อย เขาพยักหน้าอย่างจริงจัง "ข้าเข้าใจแล้ว"
เซี่ยหล่านยิ้มอย่างมิปรากฏรอยยิ้ม เข้าเปิดม่านขึ้นเพื่อมองไปยังวัดเจ้าแม่กวนอิมซึ่งอยู่มิไกลนัก ผลที่ได้ในวันนี้มิน้อยเลยทีเดียว