ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 49 บ่าวชื่อเสี่ยวชี
นักพรตจินคิดไม่ถึงว่า จะมีคนของจวนหลี่มาหาเขาจริงๆ แถมยังมาอย่างเร็วขนาดนี้ด้วย
เขาไม่รู้หรอกว่า นี่เป็นสิ่งที่ซูหนานอีให้หยุนจิ่งไปทำ หลังจากที่เขากลับจวนก็สั่งให้คนใช้ที่ฉลาดหลายคน ไปแพร่ข่าวข้างๆของจวนหลี่ว่า ตอนนี้จวนซูได้เชิญนักพรตจินมาท่านหนึ่ง ได้ข่าวว่ามีผลจริงๆ
นักพรตจินในฐานะที่ชำนาญในเรื่องการหลอกคน ก็ตระหนักถึงความสำคัญของชื่อเสียงด้วย ต้องมีชื่อเสียงถึงจะมีคนมาหา ดังนั้นเขาก็ถือว่าเป็นคนพอมีชื่อเสียง
คนตระกูลหลี่รีบแจ้งให้กับคุณหญิงหลี่ บังเอิญที่คุณหญิงหลี่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของนักพรตจิน เหมือนได้พบเจอกับความหวัง จึงรีบสั่งคนมาเชิญ บอกถึงเหตุที่มา ความโกรธที่นักพรตจินมีต่อซูหนานอีตอนนี้ก็หายไปหมด เหลือแต่ความกลัว เขาแกล้งทำเป็นลึกลับ ในที่สุดก็รับปากกับตระกูลหลี่ ตามไปพบกับคุณหญิงหลี่
เขาเพิ่งไป ซูหนานอีก็ได้รับข่าวมาตาม
"คุณหนูเจ้าค่ะ บ่าวได้ข่าวว่าคุณหนูรองโวยวายอีกแล้วเจ้าค่ะ"เสี่ยวเถายื่นแก้วน้ำชาให้ กระซิบว่า"วันนี้ยังมีการแสดงผูกคอตายด้วยเจ้าค่ะ"
"อ้อ?นางโวยวายอะไรล่ะ?"ซูหนานอีจิบน้ำชา แล้วถามอย่างไม่มีอารมณ์
"ก่อนหน้านี้บอกว่าจะชวนคนมาชมดอกบัวที่จวนไม่ใช่หรือ?คราวนี้ถูกกักบริเวณ ทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น นางจะยอมได้ยังไง?"
ซูหนานอีหัวเราะออกมา"นางนี่สมองเสื่อมแล้ว ชื่อเสียงของนางใครๆก็ทราบกันหมดแล้ว แม้ว่าชวนคนอื่นมา ใครจะยอมมาล่ะ?พอถึงเวลาแล้วชวนคนมาแต่ไม่มีใครมา ยิ่งขายหน้าใหญ่เลยไม่ใช่หรือ?"
"ก็ใช่สิ นางยังบอกว่า……ในเรือนเผากระดาษจุดธูปเทียนทุกวัน ยังมี……เลือดหมาด้วย รู้สึกว่าจะอ๊วกแล้ว"
"ซับซ้อนขนาดนี้หรือ?นักพรตจินทำสิ่งพวกนี้ทุกวันหรือ?"ซูหนานอีก็ตกใจเช่นกัน
เสี่ยวเถาพยักหน้า อยากจะหัวเราะแต่ก็ทนเอาไว้"ไม่ใช่ทุกวัน คือวันหนึ่งมีหลายชั่วโมงล้วนทำอยู่ ตอนนี้รอบข้างเรือนของคุณหนูรองปกคลุมไปด้วยหมอกควัน อยู่ไกลๆก็ดมกลิ่นได้"
ซูหนานอีก็หัวเราะออกมา นักพรตจินนี้แกล้งคนเก่งแต่นางก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เพราะมันไม่สำคัญ นางต้องใช้เวลาครุ่นคิดหน่อย เพื่อคิดแผนที่รักษาขาให้ลู่ซือหยวน
พอซูหนานอีศึกษาด้านการแพทย์ก็ลืมทุกอย่างรอบข้างไปแล้ว เวลาผ่านไปเร็วมากโดยไม่รู้สึกตัว
เสี่ยวเถาถือจานผลไม้เดินเข้ามา กระซิบว่า"คุณหนู กินผลิตแล้วพักผ่อนสักพักหนึ่งเถอะ บ่าวจะพัดให้คุณหนู"
ซูหนานอีฟื้นสติกลับมาแล้วพยักหน้า"รู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ"
เสี่ยวเถาพัดเบาๆให้นาง และพูดเรื่องตลกไปด้วย นายกับบ่าวสองคนนี้กำลังพูดคุยอย่างสนุกอยู่ ในเรือนก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งมาทำความเคารพและพูดว่า"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คนขายทาสมาแล้วเจ้าค่ะ ครั้งนี้มีหญิงน้อยที่ฉลาดอยู่หลายคน ไม่ทราบว่าท่านเอาหรือเปล่าเจ้าคะ?"เดิมทีซูหนานอีคิดจะปฏิเสธ แต่คิดดูแล้ว ปกติเสี่ยวเถาคนเดียวก็เหนื่อยเกินไป บางทีออกเรือนไปก็ต้องมีคนไว้วางใจคอยเฝ้าเรือนให้ อนาคตเรื่องพวกนี้จะมากขึ้นเรื่อยๆ เลือกคนใช้อีกดีกว่า ในเรือนก็มีคนใช้อยู่ แต่หลายปีนี้เซี่ยซื่อเป็นคนครอบครองจวนซู ใครจะรู้ว่าพวกคนใช้ในเรือนจะมีใจเอียงไปฝั่งใดเล่า ยังต้องแยกแยะอีก มันใช้เวลานานไป ไปหาซื้อคนที่มีจิตใจดีจากข้างนอกมาสั่งสอนยังดีกว่าเลย
เมื่อนึกถึงตอนนี้นางก็พยักหน้า"ไปพาคนมาที่เรือนเถอะ"
ไม่นาน คนก็มาแล้ว คนขายทาสอายุสี่สิบกว่า ใส่เครื่องประดับมากมาย ได้กำไรจากด้านนี้มามากมาย พอเห็นซูกนานอีแล้วก็ยิ้อยู่ตลอด พูดแต่คำพูดที่มันน่าฟัง
ซูหนานอีพยักหน้า สายตามองไปที่คนพวกนี้
มีสาวน้อยคนหนึ่งดึงดูดความสนใจของนาง อายุประมาณสิบสามสิบสี่ ร่างกายผอมแตามีชีวิตชีวา เอวยืดตรง ตาสว่างมาก มีความใจเย็นอยู่ในตัว ดูแล้วสนุกดี
ซูหนานอีกระซิบข้างหูเสี่ยวเถาสองคำ แล้วเสี่ยวเถาก็ชี้ไปหลายคน ให้คนขายทาสรายงานครอบครัวฐานะของพวกเขามา พอถึงสาวน้อยคนนั้น ซูหนานอีได้ฟังอย่างตั้งใจ ที่แท้แล้วเป็นเพราะที่บ้านประสบภัยพิบัติ ไม่มีญาติพี่น้อง เลยหนีภัยมากับเพื่อนบ้าน เดิมทีที่บ้านเปิดสอนหนังสืออยู่ ยังพอรู้ตัวอักษรด้วย
ทุกด้านล้วนใช้ได้
ซูหนานอีก็อยากได้สาวน้อยคนนี้ เลือกไปเลือกมา ในที่สุดเหลือแต่นาง พอจ่ายเงินเสร็จ ก็ให้เสี่ยวเถาส่งคนขายทาสออกไป ในเรือนเหลือแต่ซูหนานอีและสาวน้อย
สาวน้อยทำความเคารพ"คุณหนูโปรดตั้งชื่อให้เจ้าค่ะ"
ซูหนานอียิ้ม"ก็ใช้ชื่อเดิมละกัน ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว"
"บ่าวชื่อเสี่ยวชี ขอกราบคุณหนูเจ้าค่ะ"เสี่ยวชีทำความเคารพอีกครั้ง
ซูหนานอีถือชาแก้วหนึ่งขึ้นมา ค่อยๆจิบ"ในเมื่อเรียกข้าว่าคุณหนู นั้นต่อจากนี้ไปจะเป็นคนของข้าแล้ว ในเรือนซูนี้จะต้องฟังคำสั่งของข้าเพียงผู้เดียว ข้าก็ไม่ขอเรื่องอื่น ขอแค่ว่ามีความภักดีก็พอ ถ้าบอกยากมันก็ไม่ยาก บอกง่ายมันก็ไม่ง่าย"
"บ่าวจำไว้แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง บ่าวจะฟังคำสั่งของคุณหนูผู้เดียว คุณหนูไปให้ไปทางตะวันออก บ่าวจะไม่มีวันไปทางตะวันตกเจ้าค่ะ"
"เออ อย่างนี้ดีสุดแล้ว เจ้าก็ไว้ใจได้ ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้า ในเรือนไม่มีใครกล้ารังแกเจ้า เข้าใจไหม?"
"เข้าใจเจ้าค่ะ เสี่ยวชีขอบพระคุณคุณหนูเจ้าค่ะ"
ระหว่างที่พูดเสี่ยวเถาก็กลับมาแล้ว ซูหนานอีให้เสี่ยวเถาพาเสี่ยวชีลงไปเก็บของ เลือกที่พักให้ แล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ และพาไปกินอาหารอีกนิดนึงด้วย
เด็กพวกนี้ล้วนลำบากมาก่อน คนขายทาสจะไม่มีวันให้พวกเขากินอิ่มหรอก
ฝั่งของซูหนานอีเพิ่มคนใช้อีกคน ส่วนฝั่งของซูหว่านเอ้อร์ฆ่าไปคนหนึ่ง
หลายวันนี้ซูหว่านเอ้อร์ทุกข์ทรมารมาก ป่วยหนักไปเที่ยวหนึ่ง ใบหน้าเกือบจะเสีย ถ้าไม่ใช่หมอหูลงมือมารักษา นางจะต้องคันมากๆแน่นอน แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ใหญ่มาก ร้านยาของแม่นางถูกแย่งไป เดิมทีอยากจะถ่วงเวลา แต่ไม่คาดคิดว่าคนพวกนั้นในร้านขายยาถูกนางจัดการได้แล้ว
นางรู้สึกโกรธมาก อยากออกก็ออกไม่ได้ อยู่แต่ในเรือนก็น่าเบื่อมาก เต็มไปด้วยหมอกควัน เปียกหมดทั้งตัว
นางโกรธจนปาทิ้งถ้วยน้ำชา พอดีมีสาวใช้ที่เพิ่งโยกย้ายมาคอยรับใช้ที่ห้องนางไปกวาดพื้น แต่ไม่ระวัง ทำให้เศษถ้วยชิ้นหนึ่งลื่นไปถึงข้างๆกระโปรงของซูหว่านเอ้อร์ เดิมทีไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย แต่ซูหว่านเอ้อร์กลับโมโหอย่างหนัก อ้างว่าสาวใช้ตั้งใจจะทำให้นางบาดเจ็บ เลยสั่งคนลากออกไปตีก้มห้าสิบที สาวใช้ตัวเล็กและอ่อนแอ แป๊บเดียวเองก็ไม่มีลมหายใจแล้ว
ปกติซูหว่านเอ้อร์ก็เคยตบตีสาวใช้จนบาดเจ็บหริอถึงขั้นเสียชีวิต แต่ตอนนั้นยังไม่ได้มายังเมืองซินเยว่ และตอนนั้นเซายซื่อเป็นคนดูแลที่บ้านก็เลยซ่อนเรื่องพวกนี้ให้นาง
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เมื่อซูหนานอีได้ยินข่าวนี้ก็ขมวดคิ้ว รู้สึกโกรธ ซูหว่านเอ้อร์คนนี้ช่างไม่รู้จักบังคับตัวเองเลย ถึงสถานการณ์แบบนี้แล้ว ยังโหดร้ายขนาดนี้อีก
"ไป ไปดูกัน"
นางพาเสี่ยวเถาและเสี่ยวชีไปยังเรือนของซูหว่านเอ้อร์
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว มีเสียงแมลงดังขึ้นในบริเวณพื้นหญ้า ลมพัดมาต่อหน้า มีกลิ่นหมอกควันจริงด้วย ในเรือนได้จุดเทียนกันแล้ว ซูหนานอีมองไปจากที่ไกล ข้างบนของเรือนซูหว่านเอ้อร์ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันจริงๆ เห็นได้เลยว่าปกตินักพรตจินคนนี้เผาไปเยอะเท่าไหร่
เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูเรือน ก็ได้ยินข้างในมีเสียงตวาดส่งออกมา