ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 40 มีคนคอยหนุนหลังพวกเราอยู่
ซูหนานอีนั่งอยู่ในห้องอาหาร เป่าลมจากข้าวต้มร้อนๆ ได้ยินเสียงนินทาจากคนข้างนอก ก็รู้สึกสบายใจ
ฟังไปฟังมา คนที่อยู่ข้างนอกก็เปลี่ยนเรื่องคุย
"ใช่แล้ว พวกเจ้าได้ยินข่าวรึยังว่า คุณหนูตระกูลหลี่หายตัวไป"
"ตระกูลหลี่ไหนกัน"
"ก็หลี่หยวนว่ายที่อยู่หมู่บ้านเฉาต้วน ที่ถนนหย่งติ้งยังไงล่ะ ที่มีป้ายแขวนอยู่หน้าประตูนั่นไง"
"แล้วหายตัวไปได้อย่างไร"
"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ได้ยินมาว่าไปซื้อเครื่องประดับที่ร้านขายเครื่องประดับ จากนั้นก็ไม่ได้กลับไป และก็มีบางคนบอกว่าหนีตามชายอื่นไปแล้ว"
"เจ้าว่าไหม เป็นคุณหนูอยู่ดีๆ แล้วถึงได้หายตัวไปได้"
"ใช่ๆ เมื่อสองวันก่อนหลี่หยวนว่ายยังดีใจอยู่เลย ว่าได้ไปไหว้พระกับพระสนม ฐานะสูงส่ง ต้องแต่งเข้าตระกูลที่ดี ฮ่าๆๆ"
ซูหนานอีได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับชะงักมือ
เสี่ยวเถากระซิบถามเบาๆ "คุณหนู เป็นอะไรหรือเจ้าคะ"
ซูหนานอีนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็ส่ายหน้าแล้วเอ่ย "ไม่เป็นอะไร"
หลังจากรับอาหารเช้าเสร็จ เสี่ยวเถาก็เอ่ยถาม: "คุณหนู พวกเราจะไปไหนเจ้าคะ หรือว่ากลับจวน"
ซูหนานอีคิดสักครู่ "ยังไม่กลับ ไปซื้อขนมงาก่อน จากนั้นไปดูร้านยาสักหน่อย"
"ร้านยาหรือเจ้าคะ"
"ใช่ ร้านยาไม่กี่ร้านที่ข้าพึ่งได้มาไง เป็นเจ้านายคนใหม่ต้องไปแสดงตัวสักหน่อย"
เสี่ยวเถาก็เข้าใจทันที ก็ยิ้มตาหยีพร้อมกับเปิดม่านออก "เจ้าค่ะ!"
ร้านยาของเซี่ยชื่ออยู่ทางฝั่งบูรพาของเมือง ถือเป็นร้านยาที่ใหญ่ที่สุด และค้าขายดีที่สุด
ตอนแรกครอบครัวของซูหนานอีย้ายมีที่เมืองนี้นั้น ร้านยาของเซี่ยชื่อไม่กี่ร้านก็ขาดทุนไปหลายร้านเลยต้องย้ายไปหาทำเลค้าขายที่อื่น และพึ่งจะค้าขายอยู่ตัวก็ถูกซูหนานอียึดมาเสียก่อน
รถม้าได้มาหยุดที่หน้าประตูร้าน เสี่ยวเถาพยุงซูหนานอีลงมาจากรถม้า
ซูหนานอีเงยหน้าขึ้นมอง ป้ายที่แขวนอยู่หน้าร้าน ร้านยาหรงเสียง หน้าร้านมีคนเดินเข้าออก ค้าขายถือว่าไม่เลว
มองไปข้างใน ก็เห็นโต๊ะที่วางถึงยาซ้อนทับกันโดยมีเชือกป่านผูกเอาไว้เป็นก้อนๆ
มีชายหนุ่มสองคนสวมชุดสีฟ้าเสื่อแขนสั้น มีใบหน้าที่สะอาดสะอ้าน ดูแล้วสบายตา
ข้างหลังพวกเขาเป็นตู้ยาเรียงรายกันอยู่ แบ่งแยกชนิดโดยละเอียด
ริมหน้าต่างมีโต๊ะอยู่หนึ่งตัว มีชายแก่ผมสีขาว ไว้หนวดยาวคนหนึ่งนั่ง
กำลังตรวจชีพจรให้คนไข้อยู่
ซูหนานอีมองดูอยู่ชั่วครู่ถึงได้เดินเข้าไป
ข้างในมีพนักงานของร้านสังเกตเห็นพวกนางก็เข้ามาต้อนรับ "โอะ คุณหนู ท่านมาหาหมอหรือว่ามาซื้อยา"
ซูหนานอียิ้มบางแล้วเอ่ยตอบ: "มาหาหมอ"
"ถ้าอย่างนั้นเชิญมารอทางนี้สักครู่ขอรับ"
ซูหนานอีเดินนำเสี่ยวเถาเข้าไป นั่งบนเก้าอี้ตัวยาว
เวลานี้ชายผู้เฒ่านั้นก็ตรวจชีพจรให้คนไข้เสร็จแล้ว บอกกับคนไข้ว่า : "เจ้านั้นมีได้รับผลกระทบทางจิตใจ ต้องซื้อยาไปบำรุงถึงจะดีขึ้น"
คนไข้รู้สึกลำบากใจ "ยาแพงหรือไม่"
"ชีวิตเจ้าแพงหรือว่ายาแพงกันเล่า" ท่านผู้เฒ่าพูดแค่ประโยคเดียวออกมา
คนไข้ก็ไม่พูดอะไรอีก ได้แต่กัดฟันพยักหน้าตกลง
ถึงคิวซูหนานอี ท่านผู้เฒ่ามองสังเกตนางอยู่ชั่วครู่ ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น "เจ็บป่วยตรงไหนมา"
ซูหนานอีหยิบผ้าขึ้นมาวางบนข้อมือของนางแล้วยื่นออกไป "รู้สึกไม่สบายแต่ก็ไม่รู้ว่าตรงส่วนไหน เถึงได้มาให้ท่านตรวจดูสักหน่อย"
ท่านผู้เฒ่าพยักหน้ารับรู้ กะพริบตาปริบๆ พร้อมกับลูบเคราของตัวเองและตรวจชีพจรดู
เพียงไม่นาน ท่านผู้เฒ่าก็ตรวจชีพจรเสร็จ "ท่านลำไส้ไม่ดี ต้องกินยารักษาสักหน่อย"
ซูหนานอีไม่ขยับเอ่ยถามต่อ "กินยาอะไร กินแล้วได้ผลหรือไม่"
ท่านผู้เฒ่าขมวดคิ้ว พินิจมองซูหนานอี "เจ้าจะซื้อยาหรือไม่"
"บอกรายการมา" ซูหนานอีเอ่ย
ท่านผู้เฒ่าก็เขียนๆ รายการบนกระดาษ อย่างรวดเร็วจนเสี่ยวเถาที่มองอยู่ถึงกับมึนหัว
ไปรับยาข้างหน้า ส่งรายการยาให้กับซูหนานอี นางก็ได้อ่านโดยละเอียด มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมา
จากนั้นก็ได้ไปที่โต๊ะจ่ายยา คนงานมีท่าทีชำนาญ เพียงไม่นานก็จัดยาเสร็จ ซูหนานอีมองโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
"เป็นเงินสองตำลึง" คนจัดยานำยามัดเข้าไว้ด้วยกัน "เจ้าไปจ่ายเงินที่ห้องจ่ายเงิน"
เสี่ยวเถาตกใจตาโต "นี่……ทำไมยาเพียงนิดเดียวถึงได้แพงอย่างนี้ล่ะ"
นางตกใจก่อนค่อยอารมณ์ดี ว้าว
คุณหนูท่านนั้นต่อไปจะไม่หาเงินได้เยอะหรือ
คนจัดยายิ้มอย่างภูมิใจแล้วเอ่ย: "ใช่แล้ว ยาของพวกเราเป็นยาของแท้ มีชื่อเสียงโด่งดังก็ต้องราคาแพงเป็นธรรมดา และยังมีค่าตรวจชีพจรอีกยังไงล่ะ"
เสี่่ยวเถามองหน้าซูหนานอี ซูหนานอีค่อยๆ จัดระเบียบแขนเสื่ออย่างใจเย็น "เรียกผู้จัดการร้านของที่นี่มา"
คนจัดยาถึงกับอึ้ง รอยยิ้มเมื่อสักครู่ก็พลันหายไป "คุณหนูท่านนี้ ท่านหมายความว่าอย่างไร"
"ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ ข้าพูดมีคำไหนไม่เข้าใจหรือ" ซูหนานอีย้อนถาม
คนจัดยาพิจารณานางอยู่ครู่ "ไม่ใช่ว่าข้าฟังไม่เข้าใจ แต่เพราะไม่จำเป็น ดูจากอาภรณ์ที่ท่านสวมใส่ เหมือนกับคนที่ไม่มีเงินสองตำลึงเสียมากกว่า ทำไม หรือว่าจะไม่จ่ายไง"
ซูหนานอีระบายยิ้มออกมา หยิบก้อนยาที่ถูกเชือกผ่านมัดไว้ขึ้นมา "ยาของเจ้าคุ้มราคา แน่นอนว่าข้าจ่าย แต่ข้าไม่ได้โง่"
คนจัดยากับหน้าซีด แล้วหันไปสบตากับอีกคน แล้วหันไปมองหน้าซูหนานอี "ข้าขอเตือนท่านไว้ก่อนว่าอย่ามาหาเรื่อง! ทราบหรือไม่ว่าร้านนี้เป็นของใคร"
"ใคร"
"ร้านนี้เป็นร้านของฮูหยินแห่งตระกูลซู เจ้ารู้หรือไม่ว่าฮูหยินแห่งตระกูลซูคือผู้ใด ข้าจะบอกให้ท่านรู้เอาไว้นะว่า เป็นแม่ของพระสนมเป่ยลี้ แม่ยายของท่านอ๋องเป่ยลี้! เจ้าคิดว่ารับไหวไหม เงินแค่สองตำลึง รีบเอามาจ่ายมิเช่นนั้นก็ต้องค่าเสียหายมาห้าร้อยอีแปะ"
"ฮูหยินแห่งตระกูลซูงั้นหรือ แม่ของพระสนมท่านอ๋องเป่ยลี้งั้นหรือ แม่ยายของท่านอ๋องเป่ยลี้งั้นหรือ" ซูหนานอีนั้นไม่ได้สนใจฟังจำนวนเงินห้าร้อยอีแปะอะไรนั่น เพียงแค่สามประโยคก็ทำให้นางหัวเราะออกมาแล้ว
คนจัดยาหัวเราะอย่างได้ใจ "ใช่ ถูกต้องแล้ว ดังนั้นอย่าคิดจะมาก่อกวนที่ร้านของเรา เข้าใจหรือไม่"
"พวกเจ้า ……" เสี่ยวเถาโกรธโมโหจนหน้าแดง
"เสี่ยวเถา ไม่ต้องไปเสียเวลากับพวกเขา" ซูหนานอีขวางเสี่ยวเถาไว้ แล้วหันไปพูดกับคนจัดยา "ข้ายังอยากที่จะซื้อยาดีอยู่ ถ้าไม่เจอกับผู้จัดการร้านของพวกเจ้า เกรงว่าพวกเจ้าจะเดือดร้อนแน่"
คนจัดยามีท่าทียังไม่เชื่อ ยื่นมือออกมาแล้วเอ่ย: "แล้วรายการยาเล่า เอาออกมา! เดือดร้อนไม่เดือดร้อน ข้าว่าเดี๋ยวก็รู้เอง"
ซูหนานอีส่งรายการยาให้เขา คนจัดยาก้มมองก็ขมวดคิ้วแน่น
รายการยาเหล่านี้เขาไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ดูแล้วราคาน่าจะแพงจริงๆ
ทั้งสองกัดฟันแน่น อีกคนหันหลังเดินไปหลังร้าน
ร้านยาเชื่อมต่อเป็นทางไปข้างหลังร้านที่เป็นเรือนเล็กๆ เป็นที่พักของผู้จัดการร้านนี่เอง และยังมีห้องเก็บยาและห้องรับแขกอีกหนึ่งห้อง ปกติแล้วเซี่ยชื่อมาก็จะเข้าไปคุยกับผู้จัดการร้านในห้องนั้น
ซูหนานอีรอเพียงไม่นาน คนจัดยาก็เดินมาพร้อมกับชายคนหนึ่ง อายุราว40ปี โครงหน้าเหลี่ยม ไว้หนวดยาว ดูแล้วเป็นผู้เก่งและมีความสามารถ
เขาเงยหน้าขึ้นมองซูหนานอี เป็นหญิงสาวยืดอกหลังตรง แววตาเฉียบคม
เขาก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา "คุณหนูท่านนี้ ท่านต้องการซื้อยาหรือ"
ซูหนานอียังไม่ตอบแต่ถามกลับ "ท่านเป็นผู้จัดการร้านใช่หรือไม่"
"ใช่" คนจัดยาที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้น : "นี่คือผู้จัดการร้านของเราผู้จัดการเซี่ย"
ซูหนานอีหันไปมองผู้จัดการร้านอย่างพิจารณา "ท่านแซ่เซี่ยหรือ ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเซี่ยอวี้เหลียน"
ผู้จัดการเซี่ยถึงกับตกใจเล็กน้อย "ฮูหยินแห่งตระกูลซูเซี่ยชื่อเป็นเจ้าของที่นี่ ท่านเป็นผู้ใดกัน ถึงได้บังอาจเอ่ยนามต้องห้ามของฮูหยิน ช่างไร้มารยาทเสียจริง"
ซูหนานอีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก: "ข้าเพียงแค่ถามว่าท่านมีความสัมพันธ์อะไรกับเซี่ยจินเหลียนก็ถือเป็นการไร้มารยาทแล้วหรือ นางยังไม่ทันได้มีหน้ามีตาขนาดนั้น"
ผู้จัดการเซี่ยถึงกับขมวดคิ้ว "ท่านหมายความว่าอย่างไร"
"ผู้จัดการเซี่ย" ซูหนานอีหมองเขาด้วยสายตาที่เหนือกว่า "บัญชีของร้านล่ะ เอาออกมาให้ข้าดูหน่อย"
ผู้จัดการเซี่ยหัวเราะขึ้นมาทันที : "อะไรนะ ท่านว่าอะไร ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่"
คนจัดยาที่ยืนอยู่ข้างก็เอ่ยเสริม: "เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ถึงกล้ามาถามหาสมุดบัญชีกับผู้จัดการ ร้านของเรานั้นมีคนคอยอยู่เบื้องหลัง! เจ้าอย่ามาหาเรื่องดีกว่า มิฉะนั้น……ข้าจะให้เจ้าไปนอนกินข้าวแดงในคุก!"
"อย่างนั้นหรือ"
ซูหนานอีขมวดคิ้วเล็กน้อย "ใครกันแน่ที่จะได้ไปนอนกินข้าวในคุก"