ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 39 เจ้าไม่ต้องการจิ่งเอ้อร์แล้วหรือ
เซี่ยหล่านรู้สึกว่าคุยกับหยุนจิ่งนั้นไม่มีประโยชน์อะไร เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าคุยกับหยุนจิ่งเป็นเรื่องสนุกอะไร
แต่ยังดีที่เขารู้ว่าหยุนจิ่งนั้นหวังดีกับซูหนานอี หรือว่ายังไม่โชคร้ายเท่าไหร่
เสียงประตูที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทั้งสองหันกลับไปพร้อมกัน ซูหนานอีเข็นลู่ซือหยวนออกมา
เซียหล่านมองไปที่ลู่ซือหยวน แม้จะเคยเจอกันเพียงครั้งเดียว แต่ก็พอจะยังจำได้ มองเห็นตัวเขาที่สะอาดสะอ้านขึ้น เซี่ยหล่านก็ถึงกับนึกโมโหขึ้นมา
"คุณชายลู่" เซี่ยหล่านยากที่เอ่ยออกมา "ที่นี่ปลอดภัย ท่านอยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถิด ขาดเหลืออะไรก็ให้บอกไม่ต้องเกรงใจ"
ลู่ซือหยวนปิดเปลือกตาลงพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ "ขอบคุณท่านมาก" ่
ซูหนานอีเอ่ย: "ให้เขาพักรักษาตัวที่นี่ ข้าถึงจะใส่ยาให้เขาได้ มิเช่นนั้นร่างกายของเขาจะรับไม่ไหว"
"ได้" เซี่ยหล่านพยักหน้า "ให้เป็นหน้าที่ของข้า ข้าจะเป็นคนจัดการเอง"
ตอนนี้เวลาก็ดึกมากแล้ว ซูหนานอีหันไปพูดกับลู่ซือหยวน "เจ้าพักรักษาตัวที่นี่ อย่าพึ่งคิดอะไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้ากับเซี่ยหลาน ข้าจะมาเยี่ยมเจ้าบ่อยๆ"
"ได้"
ซูหนานอีกับเซี่ยหล่านคุยกันไม่กี่คำก็จากไปพร้อมกับหยุนจิ่ง
หยุนจิ่งนั่งอยู่ข้างๆ ซูหนานอี รู้สึกเซ็งเล็กน้อยได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร
ซูหนานอีสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเขาเลยเอ่ยถามเบาๆ : "จิ่งเอ้อร์เป็นอะไรไป ไม่สนุกแล้วหรือ"
หยุนจิ่งเงยหน้าขึ้น กัดริมฝีปากแน่นราวกับกับน้อยใจ "เหนียงจื่อ เจ้าไม่ต้องการจิ่งเอ้อร์แล้วหรือ"
ซูหนานอีรู้สึกสงสาร "จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ไม่หรอก ข้าจะไม่ต้องการจิ่งเอ้อร์ได้อย่างไร"
แววตาของหยุนจิ่งก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที "จริงหรือ แม้จะมีเพื่อนที่ซื้อสัตว์ของเจ้าก็จะไม่ทิ้งใช่หรือไม่"
ซูหนานอีเข้าใจแล้วว่าเขากังวลเรื่องอะไร เลยพยักหน้า "ใช่แล้ว จิ่งเอ้อร์วางใจเถอะ ไม่ว่าจะมีผู้ใดก็ตาม ข้าก็ยังต้องการเจ้าอยู่"
นางถอนหายใจออกมาเบาๆ "ซือหยวนเป็นเพื่อนเก่าของข้า ข้าทำให้เขาเดือดร้อน จนกลายเป็นแบบนี้ ข้ารู้สึกเสียใจ ละอายใจ ดังนั้นเลยต้องดูแลเขา จิ่งเอ้อร์เข้าใจไหม"
หยุนจิ่งครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ "เข้าใจแล้ว จิ่งเอ้อร์จะดูแลเขากับเหนียงจื่อ"
"จิ่งเอ้อร์ช่างดีเหลือเกิน" ซูหนานอีจับเข้าที่มือของเขา "แต่จิ่งเอ้อร์ต้องจำไว้ว่า เรื่องของคืนนี้ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาด รวมถึงโจวเฉิงด้วย และยังมีเรื่องของซือหยวน โดยเฉพาะเรื่องของซือหยวน ห้ามคุยเรื่องของซือหยวนกับใครเด็ดขาด มิเช่นนั้น……ข้าจะตกอยู่ในอันตราย"
สายตาของหยุนจิ่งที่ดำสนิทนิ่งไปชั่วครู่ แล้วกำมือของนางแน่นพร้อมกับพยักหน้า "จิ้งเอ้อร์เข้าใจแล้ว ไม่บอกใครแม้แต่เสร็จแม่หรือฮ่องเต้ข้าก็จะไม่บอก"
ซูหนานอีคิ้วขมวดเล็กน้อย "ฮ่องเต้มักมาถามเจ้าบ่อยๆ หรือ"
"ใช่ เขาเป็นห่วงข้า ดีกับข้าและเสด็จแม่มาก เขายังเคยหาหมอดีๆ มารักษาอาการป่วยของข้า"
ซูหนานอีนิ่งเงียบ กู้ซีเฉิน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะเป็นคนดี
หลังจากมาส่งซูหนานอีแล้วหยุนจิ่งก็กลับไป
คืนนี้ซูหนานอีนั้นนอนไม่หลับ ฝันร้ายตลอดทั้งคืน ฝันถึงลู่ซือหยวนกำลังถูกทำร้าย
ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาฟ้าก็ใกล้สางแล้ว นางก็ไม่นอนต่อลุกขึ้นมาแล้วไปนั่งที่โต๊ะหนังสือแล้วเขียนรายการยาที่จะนำมาใช้รักษาขาของลู่ซือหยวน
ขาของเขานั้นรับบาดเจ็บและยังถูกทำร้ายอย่างสาหัส คิดแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่รอดมาได้
ยังดีที่นางมีร้านยาของเซี่ยชื่ออยู่ไม่กี่ร้าน และยังมีเซี่ยหล่านคอยช่วยเหลือ น่าจะผ่านเรื่องยากนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
เขียนๆ หยุดๆ อยู่นั้น จนเวลานี้ฟ้าก็สว่างมากแล้ว
เสี่ยงเถาที่อยู่ข้างนอกก็ตื่นแล้ว แต่นางคิดว่าซูหนานอียังหลับอยู่ เลยไม่กล้าที่จะเข้ามารบกวน
จนถึงช่วงเวลาที่ควรจะตื่นแล้ว เสี่ยวเถาถึงเข้ามามีคนใช้ตักน้ำจากข้างนอกเข้ามา กระซิบอย่างดีใจกับเสี่ยวเถา: "พี่เถา ข้ามีเรื่องสนุกเล่าให้ท่านฟัง"
เสี่ยวเถากระซิบถามเสียงเบา "มีเรื่องอะไร"
"ข้าได้ยินมีเด็กรับใช้ที่รับผิดชอบจัดซื้อ พวกเขาออกไปซื้อของเมื่อเช้าได้ยินมาว่าบุตรชายของท่านเสนาบดีกระโดดน้ำสังเวยรักกับนางรำเมื่อคืนนี้"
เสี่ยวเถาตกใจทำหน้าอย่างเหลือเชื่อ "ยัยเด็กน้อยนี่ หายุ่งเรื่องของชาวบ้าน อะไรนางรำเรือบุปผา อะไรจบชีวิตสังเวยรัก ว่างนักหรือไง"
สาวใช้ได้แต่ยิ้มแหย "ข้าก็ไม่ได้พูดกับคนอื่นนี่ ข้าเพียงมาเล่าให้ท่านฟังเฉยๆ ท่านว่านางรำคนนั้นจะสวยสักแค่ไหน"
"น่าจะสวยนะ เป็นถึงนางรำนี่ คงไม่อัปลักษณ์หรอก" เสี่ยวเถาเอ่ย "โอ๊ย ไม่ต้องพูดแล้ว ระวังคุณหนูจะได้ยินเข้า รีบไปทำงานได้แล้ว!"
ซูหนานอีที่อยู่ที่นี่นั้นได้ยินอย่างชัดเจน ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเป็นแม่นางจิ่น งามหรือไม่เล่า
แต่ก็ไม่ได้งามเท่าไหร่หรอก อีกทั้ง…… ต่อไปคงไม่งาม หึ!
เสี่ยวเถาค่อยๆ แหวกม่านเข้ามาในห้อง เห็นซูหนานอีนั่งอยู่ที่โต๊ะก็ตกใจเล็กน้อย: "คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ"
"อืม" ซูหนานอีเก็บรายการยาที่เขียนเสร็จแล้ว "รีบล้างหน้าล้างตาเถอะ เดี๋ยวจะไปกินข้าวเช้าที่ถนน"
"เจ้าค่ะ!"
สองนายบ่าวเดินออกไปทางหน้าประตูใหญ่อย่างไม่ต้องแอบ และเมื่อถึงหน้าประตูก็ต้องตกใจ
หน้าประตูเกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น ซึ่งมาจากควันธูปฟุ้งกระจายไปทั่ว และยังมีกระดาษยันต์สีเหลืองติดทั้งสองฝั่งหน้าประตู
ผู้คนที่เดินผ่านมาล้วนแต่ต้องหยุดหันมอง แล้วก็ซุบซิบกัน
ซูหนานอีลูบจมูกเบาๆ ได้ นางคงต้องการแบบนี้
เสี่ยวเถากระซิบเบาๆ : "ที่หน้าประตูใหญ่ยังถือว่าเล็กน้อย ได้ยินว่าเรือนคุณหนูรองกับคุณนายเซี่ยหนักกว่านี้อีก"
ซูหนานอียิ้มกริ่มออกมา สมควรแล้ว!
"ประเสริฐ ประเสริฐ" เสียงดังจากข้างหลัง นักพรตจินก็ทำท่าพนมมือ เดินอ้อมมาจากข้างหลังพวกหลังนาง
ซูหนานอีมองเขาหน้าเรียบ นักพรตจินได้ยินเสียงของซูหนานอีก็รู้สึกเกรงใจ ตั้งแต่ซูหนานอีกระซิบที่ข้างหูครานั้น เขาก็ไม่เคยอยู่อย่างสบายใจ
เมื่อถูกเซี่ยชื่อถามและต่อว่า เขาก็ได้แต่บอกว่าเป็นลิขิตของสวรรค์
เขามองไปรอบๆ กระซิบเบาๆ : "คุณหนูซู ขอคุยอะไรกับท่านสักหน่อยได้หรือไม่"
ซูหนานอีอมยิ้ม อากาศตอนเช้าที่ยังเย็นสบาย แววตาสว่างไสว "ข้ายุ่งมาก ไม่มีเวลา"
"……" นักพรตจินนั้นกลั้นความไม่พอใจเอาไว้เกือบจะเผลอหลุดออกมาแล้ว
"เสี่ยวเถา ไปกันเถอะ"
ซูหนานอีร้องเรียก แล้วเดินนำเสี่ยวเถาขึ้นรถม้าแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ร้านอาหารเช้าบนถนนมีคนอยู่หนาแน่นทีเดียว ที่นี่นั้นไม่ได้ควบคุมสตรี หญิงวัยรุ่นวัยเยาว์ต่างก็ออกมาเดินบนถนน
ซูหนานเปลี่ยนห้องอาหาร เปิดหน้าต่าง ลมหัดเข้ามาปะทะใบหน้า เปิดประตูเล็กน้อยได้ยินเสียงข้างนอกได้อย่างชัดเจน
"เฮ่อ พวกเจ้าได้ข่าวรึยัง คุณชายของตระกูลโจวช่างชู เมื่อคืนกระโดดน้ำสังเวยรัก เพราะถูกห้ามแต่งงานกับเอ่อ……"
"กับผู้ใด เจ้าจะบอกว่าเป็นแม่นางจิ่นหรือ ข้าได้ข่าวมานานแล้ว! ได้ยินว่าคุณชายใหญ่ได้พาคนกลับจวนไปด้วย"
"พวกเจ้าว่าเรื่องนี้จะจบแบบง่ายๆ ไหม"
"ข้าว่ายาก จวนช่างชูเป็นตระกูลระดับไหน ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นลูกสาวของขุนนางถึงจะเหมาะสม แล้วดูอีกคนสิเป็นแค่ผู้หญิงบนเรือบุปผา โจวช่างชูนั้นเป็นคนเที่ยงธรรมมาแต่ไหนแต่ไร จะยอมให้ผู้หญิงอย่างนี้เข้ามาในบ้านได้อย่างไร"
"ก็ไม่แน่ การจบชีวิตสังเวยรักครั้งนี้ ุ ถ้าไม่รับปาก คุณชายโจวฆ่าตัวตายอีกจะทำยังไง จะยอมให้ลูกชายจบชีวิตอีกได้หรือ"
"ข้าว่าอาจจะเป็นไปได้ แม้ไม่ได้เป็นภรรยา เป็นสนมเอกก็ได้แล้วมั้ง ได้ข่าวว่าคุณชายโจวนั้นไปขลุกอยู่ที่เรือบุปผาทั้งวัน และพวกเจ้าอย่าลืมนะว่าฮูหยินของคุณชายใหญ่ก็ไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่โตอะไร"
"แล้วยังไง ฮูหยินของคุณชายใหญ่ถึงแม้จะมาจากชาติตระกูลต่ำต้อย แต่นิสัยใจคอนั้นงดงาม และเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลโจว"
"ห๊ะ จริงหรือ เรื่องเป็นมายังไงไหนเล่ามาซิ!"
"ข้าได้ยินว่า ตอนนี้พ่อของฮูหยินท่านนี้เคยช่วยชีวิตของท่านโจวช่างชูไว้ และยังเคยบริจาคช่วยให้เขาไปสอบจองหงวนถึงสองครา มิอย่างนั้น ตอนนั้นเขาจะได้มาเป็นขุนนางได้ยังไง และจะมีตำแหน่งสูงอย่างทุกวันนี้หรือ"
"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เฮ่อ แต่เท่าที่ข้ารู้มา ฮูหยินของช่างชูนั้นไม่ค่อยชอบพอฮูหยินใหญ่……"
ซูหนานอีค่อยๆ ถอยออกไปกินอาหารเช้า เรื่องนินทาเล็กน้อยอย่างนี้ไม่ว่าจะจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง ถึงอย่างได้ตระกูลโจวก็อยู่อย่างไม่เป็นสุข โจวเฉิงช่วงนี้ก็ไม่ออกไปไหนชั่วคราว
คิดถึงว่าตระกูลโจวมีเรื่องให้เดือดร้อน ซูหนานอีก็รู้สึกอารมณ์ดี
ฟังมาเรื่อยๆ คนที่พูดนินทาอยู่ข้างนอกก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา