ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 31 คุณหนูเก่งจริงๆ
ซูหนานอีเมื่อชาติที่แล้วมุ่งมั่นทุ่มเทพยายามแต่จะช่วยกู้ซีเฉิน จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเมื่อครู่นี้คือยอดฝีมือ เป็นหัวองครักษ์ชื่อยวี่ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกู้ซีเฉิน
ผู้ชายคนนั้นช่างลึกลับยิ่งนัก ไม่เคยเผยโฉมหน้าที่แท้จริงต่อคนภายนอกเลย มีหน้ากากสีดำบดบังใบหน้าของเขาไว้ตลอด
เซี่ยหล่านรู้สึกว่าเรื่องมันแปลกๆ "เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่"
ซูหนานอีเอ่ย "จวนซูมีเรื่องบ่าวรับใช้เสียชีวิตกะทันหัน เดิมทีข้าคิดว่าบ่าวคนนั้นจะลงมือวางยาข้า ข้าเลยสั่งสอนเขาสักหน่อย แต่…….แต่เหมือนกับว่ามีใครทำร้ายเขา พอตอนค่ำเขาก็ตายแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาจะต้องถูกวางยาพิษแน่"
"คือคนที่เจ้าดูมาเมื่อกี้งั้นหรอ"
"ใช่แล้ว เดิมทียังคิดว่าเป็นใครที่ทำเยี่ยงนี้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว" ซูหนานอีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเขาเป็นแน่"
"เจ้าหมายถึงกู้ซีเฉินอย่างนั้นหรือ" เซี่ยหล่านยักคิ้วสงสัย "เขาสงสัยเจ้าแล้วหรือ จะเป็นไปได้ยังไง"
"แล้วถ้าใช่ล่ะ ทำไมหัวหน้าองครักษ์ชื่อยวี่ถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ได้ล่ะ เห็นได้ชัดว่าเขามาดักรอเจอข้าที่นี่ ถ้าหากสามารถจับตัวข้าได้ เกรงว่าเรื่องทั้งหมดก็จะถูกเปิดเผย"
ซูหนานอีทอดถอนใจออกมาเบาๆ "น่าจะเกี่ยวกับไปถวายธูปครั้งที่แล้ว ข้าวางยาพิษให้กับซูหว่านเอ๋อร์ ผลปรากฏว่าตอนที่ถวายธูปนั้นพิษกำเริบ กู้ซีเฉินก็อยู่ที่นั่นด้วย"
"ต่อไปเจ้าจะทำอย่างไร" เซี่ยหล่านได้ก็รู้สึกปวดหัว "งั้นข้าพาเจ้าไปจากที่นี่ดีไหม"
"ไม่ได้" ซูหนานอีปฏิเสธทันควัน "ข้าไม่อยากให้เจ้าพลอยลำบากไปด้วย อีกอย่างยังมีหยุนจิ่ง"
"ข้าดูแล้วน่าจะเป็นเพราะหยุนจิ่งเสียมากกว่า" เซี่ยหล่านร้องหึออกมา "เจ้าชอบเขาแล้ว"
"พอแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าขอค่อยๆ คิดก่อน ตอนนี้ข้ามีฐานะเป็นว่าที่พระชายา พวกเขาไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก อีกอย่าง ข้าเป็นคุณหนูซูแห่งตระกูลซูคือเรื่องจริง แม้พวกเขาจะสืบค้นตระกูลซูยังไงก็ไม่มีอะไรให้สืบ"
ซูหนานอีมองท้องฟ้าที่มืดมิดราวกับกำลังพูดกับตัวเองและเหมือนกับพูดกับเซี่ยหร่านว่า "จะต้องเก็บความโกรธแค้นเอาไว้ให้มิด ห้ามพลการเด็ดขาด เรื่องบางเรื่องทำตัวนิ่งไว้เดี๋ยวมันก็ผ่านไป"
เซี่ยหล่านรู้ว่านางเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองแต่ไหนแต่ไรมา "เช่นนั้นก็ได้ ข้าเชื่อฟังเจ้า"
ทั้งสองเดินกลับทางเดียวกัน เซี่ยหล่านได้ถามอีกว่า"อ้อ เจ้าติดต่อตาเฒ่าหูได้หรือยัง"
"อืม วันนี้ได้ลองตรวจสอบดูแล้ว ตอนที่ไปวัดกวนอิมค่อยคุย"
เซี่ยหล่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่ง "ยังไม่ได้ข่าวคราวของหมอเทวดา ตาเฒ่าหูอาจจะพอช่วยเจ้าได้บ้าง"
"ดี ขอบคุณเจ้ามาก"
พอเข้ามาในเมือง ซูหนานอีกับเซี่ยหล่านก็กล่าวลา กลับไปที่จวนของตัวเอง
พอมีเรื่องอย่างนี้นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าบ้าง พอเอนตัวลงนอนก็หลับไปเลย
……………….
เช้าตรู่ของอีกวัน ซูหนานอีตื่นแต่เช้า เดินออกไปยืดเส้นยืดสายในตอนตอนเช้าที่อากาศกำลังดี
เสี่ยวเถาก็เข้ามาคำนับแล้วเอ่ยถาม "คุณหนูท่านกำลังฝึกอะไรอยู่ น่ามองเสียงจริง!"
"อยากลองมั้ย"
"อยากเจ้าค่ะ!"
"มา ข้าจะสอนเจ้า"
สองนายบ่าวเล่นกันสักพัก เสี่ยวเถาก็ไปเตรียมอาหารเช้า ไม่นานก็วิ่งกลับมา "คุณหนู ท่านหมอเทวดาหูช่างเป็นหมดเทวดาจริงๆ ตอนนี้หน้าของคุณหนูรองดีไปกว่าครึ่งแล้ว"
ซูหนานอีพยักหน้า "ท่านหมอหูเสินมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ก็ต้องมีฝีมืออยู่แล้ว ปกติแล้วโรคต่างๆ นั้นต่างก็แพ้ให้กับเขา"
"คุณหนู ……….."
มองดูเสี่ยวเถาที่พูดแล้วก็หยุดพูด ซูหน้าอีเลยถาม: "เป็นอะไร เจ้ามีอะไรก็พูดมาตามตรง"
เสี่ยวเถากัดฝีปากตัวเอง "ข้าได้ยินเหล่าแม่ครัวในห้องครัวพูดว่า อีกสองวันคุณนายเซี่ยจะจัดงานเลี้ยงชมดอกบัว พอถึงตอนนั้นจะมีคุณหนูคุณชายมาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย เกรงว่าจะมีจุดประสงค์อื่นด้วย"
ซูหนานอีนึกถึงเมื่อวานก่อนได้ยินที่ซูชือยวี่กับเซี่ยชื่อคุยกัน ก็รู้ทันที "แน่นอนว่า งานเลี่ยงชมดอกบัวนั่นจัดที่จวนของเรา มีอะไรให้น่าชม ก็แค่จะหาคู่ให้กับซูหว่านเอ้อร์ก็เท่านั้น"
เซี่ยชื่อผู้นี้ช่างใจร้อนเสียงจริง หน้าของซูหว่านเอ้อร์ยังไม่หายดีก็รีบจัดงานเลี่ยงเสียแล้ว
"งั้นคุณหนู พวกเราจะทำยังไงดี"
ซูหนานอีก็หัวเราะออกมา "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า และข้าก็จะไม่เข้าไปยุ่งด้วย เจ้าวางใจเถอะ ไม่ว่านางจะได้ใคร ข้าก็ไม่ยอมให้นางมาเหยียบหัวข้าหรอก และก็จะไม่ยอมให้เจ้าถูกรังแกแน่"
แววตาของเสี่ยวเถาก็ลุกวาวขึ้นมา คุณหนูช่างเก่งกาจจริง!
ซูหนานอีพอกินอาหารเช้าเสร็จก็ออกไปเดินเล่นที่หลังจวน นางเปิดประตูออกก็เจอเข้ากับรถม้าจอดที่ใต้ต้นไม้หน้าประตู
พอเห็นนาง หยุนจิ่งก็รีบลงมาจากรถม้า "เหนียงจื่อ!"
ซูหนานอีเห็นเขาก็ดีใจเหมือนกัน "มารอนานหรือยัง"
"ไม่นานหรอก ก็ชั่วครู่เดียว"
"งั้นก็ดี ไปกัน เข้าไปข้างใน!"
"เหนียงจื่อช้าก่อน" หยุนจิ่งหันกลับขึ้นไปที่รถม้าแล้วนำกล่องอาหารลงมา "ข้างในนี้มีอร่อยๆ เอาไว้เยอะเลย"
ซูหนานอีไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องให้ดี กลัวว่านางจะอดตายที่จวนของตัวเองงั้นหรือ ทว่าน้ำใจของหยุนจิ่งทำให้หล่อนซาบซึ้งนัก
จากนั้นก็พาหยุนจิ่งเข้าไปในจวนของตน ซูหนานอีได้สั่งให้เสี่ยวเถาไล่คนอื่นๆ ออกไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงเสี่ยวเถาคนเดียว
"เหนียงจื่อ เจ้าพักอยู่่ที่นี่หรอ" หยุนจิ่งมองไปรอบๆ ด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น
"ใช่แล้ว ไม่ใหญ่เท่าตำหนักของเจ้าใช่ไหมล่ะ"
"อืม แต่ว่าก็ดี เหนียงจื่อ เจ้าชอบก็ดีแล้ว" หยุนจิ่งมองหน้านางแล้วเอ่ยถามอย่างจริงจัง "เหนียงจือ เจ้าชอบไหม"
"ข้า…….." ที่จริงแล้วซูหนานอียังไงก็ได้ สำหรับเรื่องนี้นางไม่เรียกร้องอะไรมาก "หยุนจิ่งชอบ ข้าก็ชอบ"
หยุนจิ่งก็ยิ้มตาหยีขึ้นทันที "เหนียงจื่อชอบอะไรจิ่งเอ้อร์ก็ชอบด้วย"
ซูหนานอีพาเขามาที่ห้องหนังสือเล็กๆ ซูหนานก็ฝนหมึก "จิ่งเอ้อร์เขียนอักษรได้ไหม"
"ได้สิ!" จากนั้นหยุนจิ่งก็หยิบพู่กันขึ้นมา
จากนั้นก็ใช้พู่กันเขียนลงไปบนกระดาษสองตัวอักษร
เหนียงจื่อ
ซูหนานอีก็ยิ้มออกมา "เขียนได้สวยมาก"
"สวยมั้ย" หยุนจิ่งพูดอย่างอารมณ์ดี " ‘งั้นข้าให้คนเอาไปใส่กรอบไว้ดีไหม’ "
"……….." ซูหนานอีคิดอยู่ชั่วครู่ "ไม่ต้องให้คนอื่นทำ ข้าทำเป็น ให้ข้าทำเถอะ"
"เหนียงจื่อทำเป็นด้วยหรอ เก่งจริงๆ !" หยุนจิ่งที่พูดพร้อมกับทำหน้าเหมือนเด็กชายตัวน้อยที่ชื่นชอบไม่มีผิด
"ไม่ใช่เรื่องยากอะไร จิ่งเอ้อร์ พวกเรามาอ่านหนังสือแล้วเขียนอักษรเจ้าว่าดีไหม"
"ดีๆ อยู่กับเหนียงจื่อ อะไรก็ไดีทั้งนั้น"
หยุนจิ่งตอบตกลงอย่างดีใจ นั่งตรงข้ามซูหนานอี แล้วลงมือเขียน
ซูหนานอีก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับชีพจรและตรวจชีพจรของเขา พร้อมทั้งพลิกหน้าหนังสือไปด้วย คุณหนูซูผู้นี้นิสัยอารมณ์ร้อน ยังเก็บหนังสือเอาไว้ไม่น้อย ดูแล้วก็น่าสนใจทีเดียว ทั้งสองอยู่กันอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
จนเสี่ยวเถาเดินเข้ามาอย่างร้อนรนแล้วกระซิบที่หูซูหนานอี "คุณหนู ข้างนอกมีนักพรตจินขอพบท่าน"
ซูหนานอีรู้สึกแปลกใจ "นักพรตจินอะไร"