พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - ตอนที่ 221 แอบกินโลหิต?
บทที่ 221 แอบกินโลหิต?
ทันทีที่หลิงตู้ฉิงรักษาอาการบาดเจ็บของโม่หยูถังเสร็จแล้ว เหลียงเฟ่ยเอ๋อก็เข้ามาหาเขา
หลังจาก 7 วันติดต่อกันของการบ่มเพาะแบบคู่ ภรรยาทุกคนต่างได้รับความพึงพอใจอย่างเพียงพอ สิ่งนี้ทำให้ในตอนนี้ใบหน้าของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ จึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและงดงามยิ่งขึ้น
“สามี!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อเดินอย่างสบาย ๆ และเข้ามากอดหลิงตู้ฉิงอย่างรักใคร่
“มีอะไรเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถาม
เหลียงเฟ่ยเอ๋อเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิงและกระซิบ “พี่หญิงเหมิงลู่ ให้มาถามท่านว่า ท่านต้องการหาภรรยาเพิ่มอีกสัก 2-3 คนหรือไม่?”
ก่อนหน้านี้พวกนางกลัวว่าหลิงตู้ฉิงจะพาผู้หญิงเข้ามาเพิ่มในคฤหาสน์ของเขา และเขาจะรักพวกนางน้อยลง
อย่างไรก็ตามหลังจากการบ่มเพาะแบบคู่ครั้งที่แล้ว พวกนางก็ตระหนักว่า ขณะนี้ตัวพวกนางเองไม่สามารถรับมือกับหลิงตู้ฉิงได้อีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พวกนางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า หลิงตู้ฉิงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบ่มเพาะพลังแบบคู่ที่ฉกาจฉกรรจ์
นั่นคือเหตุผลที่พวกนางปรึกษากันว่าควรให้หลิงตู้ฉิงหาผู้หญิงมาเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองการบ่มเพาะแบบคู่ของเขาให้ได้เพียงพอ
“ไม่จำเป็น!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว
เส้นทางที่แท้จริงของการบ่มเพาะของเขาคือเต๋าตู้ฉิง มันเป็นการระเบิดของอารมณ์ที่เกิดจากการบ่มเพาะแบบคู่ หากปราศจากความรู้สึกร่วมใด ๆ ก็คงไม่สำคัญว่าจะมีผู้หญิงอย่างพวกนางสักกี่คน
เหลียงเฟ่ยเอ๋อยิ้มและพูดว่า “เราจะไม่ตำหนิท่าน ถ้าท่านต้องการ พวกเราจะช่วยเลือก!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “มันไม่จำเป็นจริง ๆ!”
“เอาล่ะ ต่อไปท่านไม่จำเป็นต้องขอความเห็นจากเรา หากท่านต้องการพาใครเข้ามาอยู่ด้วย ท่านสามารถคิดได้เลยว่าพวกเราทุกคนถือว่าเห็นด้วยกับท่าน” เหลียงเฟ่ยเอ๋อยิ้มขณะที่นางมองไปที่หลิงตู้ฉิง “มาหาข้าคืนนี้นะ!”
หลังจากพูดอย่างนั้นนางก็จากไปอย่างสง่างาม
หลิงตู้ฉิงยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากมองไปที่โม่หยูถังและซือโถวเหวินหยวน ซึ่งทั้งคู่กำลังฝึกฝนกันอยู่ เขาก็หันกลับมาและไปหาโจวจื่อซิน
“ท่านมาแล้ว!” โจวจื่อซินยิ้มไปพูดไปอย่างมีความสุข
หลิงตู้ฉิงมองไปที่น้ำที่มีสมุนไพรและโอสถมากมายลอยอยู่ด้านในอ่างเหล็กขนาดใหญ่ เขาพยักหน้าและพูดว่า “ดีมาก เมื่อวัตถุดิบชุดนี้ถูกดูดซึมจนหมดเจ้าก็เกือบจะถึงขอบเขตนภาระดับ 3 แล้ว”
โจวจื่อซินที่ในตอนนี้มีเจตจำนงแห่งขอบเขตสวรรค์อยู่ในร่าง ซึ่งมันถูกสืบทอดมาจากสายเลือดของบรรบุรุษนาง ดังนั้นหากนางตั้งใจอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะนางจะใช้เวลาอีกไม่นานในการที่จะทะลวงไปถึงขอบเขตสวรรค์
โจวจื่อซินทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “นายท่าน ข้าแช่ในถังนี้มาหลายปีแล้ว ข้าจะออกไปได้เมื่อไหร่?”
“เร็ว ๆ นี้!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เจ้าควรจะรู้ดีว่าตอนนี้เจ้าควรจะมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะให้เร็วที่สุด และอีกอย่างบรรดาสมุนไพรและโอสถที่สำนักสวนร้อยพฤกษาส่งมายังเหลืออยู่ถึงครึ่งหนึ่ง!”
โจวจื่อซินหัวเราะคิกคัก “ข้าอยากออกไปหาท่าน!”
“ไม่ต้องรีบ!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “แล้วความสัมพันธ์ของเจ้ากับดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตเป็นยังไงบ้าง? จงอย่าลืมว่ามันจะเป็นทั้งผู้ใต้บังคับบัญชา สหายและอาวุธในอนาคตของเจ้า เจ้าต้องผูกสัมพันธ์กับมันให้ดี”
ทันทีที่หลิงตู้ฉิงพูดเป็นการเป็นงาน สีหน้าของโจวจื่อซินก็เริ่มจริงจัง
“ตอนนี้ข้าเริ่มคุ้นเคยกับมันแล้ว และดูเหมือนว่าข้ากับมันจะเข้ากันได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ แต่ในเรื่องของการช่วยฟังคำสั่งนั้น ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ค่อยยอมทำตามข้าสักเท่าไหร่ เนื่องจากข้ายังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งให้มันเห็น แต่ข้าคิดว่าหากเมื่อไหร่ที่มันได้รู้พลังของข้า มันจะเชื่อฟังข้าแน่นอน”
รอยยิ้มภาคภูมิใจปรากฏบนใบหน้าของโจวจื่อซิน “แต่ถ้ามันไม่เชื่อฟังข้าและอยากจะกินข้า ข้าจะจับมันมาย่างกินทันที!”
“ดีมาก!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย หุ่นเชิดที่เฝ้าประตูส่งข้อความมา “นายท่าน หมิงเซียนจ้าวมาที่นี่อีกแล้ว”
หลิงตู้ฉิงพูดยิ้ม ๆ “ให้เขาทำตามกฎ แล้วค่อยปล่อยให้เข้ามา!”
ในช่วงไม่กี่ปีนี้ ในทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ปะทุของพลังวิญญาณในคฤหาสน์สราญรมย์และตามมาด้วยกลิ่นอายหอมของพืชพรรณลอยแพร่ไปในอากาศ หมิงเซียนจ้าวก็จะมาเยือนที่คฤหาสน์ของเขาทันที
ในแง่หนึ่งคือการป้องกันไม่ให้หลิงตู้ฉิงกินโจวจื่อซินล่วงหน้า และในทางกลับกันก็เป็นการตรวจสอบว่าโจวจื่อซินได้เติบโตขึ้นไปถึงไหนแล้ว
และคราวนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนพลังวิญญาณภายในคฤหาสน์สราญรมย์ก็ได้ปะทุขึ้นอีกครั้งพร้อมกับความผันผวนอย่างรุนแรง แต่รอบนี้พวกเขาไม่ได้กลิ่นอายของพืชพรรณใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมหมิงเซียนจ้าวจึงต้องรอจนถึงวันนี้เพื่อลองมาตรวจสอบหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงมองไปที่โจวจื่อซิน โจวจื่อซินเองก็รู้งานนางเริ่มแปลงกายนางให้กลายเป็นมนุษย์พฤกษาที่เต็มไปด้วยพืชพรรณอันเขียวชอุ่มเกาะขึ้นตามร่างกายอย่างหนาแน่นเหมือนเดิม
เมื่อแปลงกายเสร็จ นางยิ้มให้กับหลิงตู้ฉิงอีกหนึ่งครั้ง จากนั้นนางจึงปรับสีหน้าของนางให้กลายเป็นแข็งทื่อไร้ซึ้งอารมณ์เพื่อเตรียมตัวที่จะไปพบกับผู้มาเยือน
ไม่นานต่อมา หลิงตู้ฉิงจึงเดินนำโจวจื่อซินมาที่ห้องโถงรับแขก
หมิงเซียนจ้าวที่เดินเข้ามาในห้องโถงพอดี เขามองไปที่โจวจื่อซินและหัวเราะขณะที่พูดว่า “ท่านหลิง สายเลือดของนางคงใกล้จะถูกเปิดสมบูรณ์แล้วใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “อีกไม่นาน ตอนนี้มันจะอยู่ที่ขอบเขตนภาระดับ 3 แล้ว ในอีกไม่เกิน 2 ถึง 3 ปีมันน่าจะพร้อมสมบูรณ์สำหรับการใช้งาน”
แววแห่งความวาดหวังฉายผ่านใบหน้าของหมิงเซียนจ้าว เขามองไปที่ร่างของโจวจื่อซิน และพูดกับหลิงตู้ฉิง “ท่านหลิง ตอนนี้ท่านสามารถให้เลือดของนางกับข้าล่วงหน้าก่อนบ้างได้ไหม?”
หลิงตู้ฉิงตอบ “ไม่มีปัญหา แต่ข้าเคยพูดไปแล้วว่าหนึ่งหยดตอนนี้เทียบเท่ากับหลายสิบหยดในอนาคต!”
หมิงเซียนจ้าวรีบพูด “เฮ้อ…งั้นท่านคิดซะว่าข้าไม่ได้พูดอะไรออกไปก็แล้วกัน”
เนื่องจากหมิงเซียนจ้าวยังไม่เข้าใจเจตนาของสำนักว่าจะนำเลือดของโจวจื่อซินไปทำอะไร หากเขาเป็นต้นเหตุทำให้สำนักต้องสูญเสียเลือดเป็นสิบหยดไป เขาอาจจะถูกลงโทษจากเจ้าสำนักได้
“เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้ท่านก็ได้ตรวจสอบสถานะของนางแล้ว ตอนนี้ท่านควรออกไปได้แล้ว” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
หมิงเซียนจ้าวพยักหน้า แต่ในขณะที่เขากำลังจะจากไป เขาก็ได้เหลือบไปที่หลิงตู้ฉิงและสังเกตเห็นระดับการบ่มเพาะที่เปลี่ยนแปลงไป เขาอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าแปลก ๆ ออกมา
ทุกคนต่างรู้ระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงเป็นอย่างดีว่าเขาติดอยู่ในขอบเขตรวบแน่นลมปราณมานานแล้ว แต่เหตุใดในตอนนี้หลิงตู้ฉิงถึงได้ทะลวงไปยังขอบเขตประสานทะเลปราณอย่างกะทันหัน?
เมื่อเขาจากไป เขารีบไปรายงานเรื่องนี้กับจือหมิงฮ่าว
“ขอบเขตประสานทะเลปราณ?” จือหมิงฮ่าวพูดด้วยความสับสน
“ผู้อาวุโสท่านคิดว่าเขาแอบกินโลหิตของโจวจื่อซินหรือไม่?” หมิงเซียนจ้าวเดา “ไม่งั้นทำไมจู่ ๆ มันถึงกลายเป็นขอบเขตประสานทะเลปราณ เมื่อมันเคยค้างอยู่ที่ขอบเขตควบแน่นลมปราณอยู่ตั้งนมนาน?”
จือหมิงฮ่าวพยักหน้าและพูดว่า “มันก็ดูจะเป็นไปได้เช่นกัน!”
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดี? ข้าหวังว่าเราคงไม่เป็นอย่างสุภาษิต จ่ายค่าสินสอดแต่สุดท้ายเจ้าสาวไปแต่งงานกับคนอื่น…” หมิงเซียนจ้าวพูดอย่างกังวล
จือหมิงฮ่าวขมวดคิ้ว เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “เจ้ากลับไปที่สำนักทันทีและดูว่าท่านเจ้าสำนักจะมาที่นี่เมื่อไหร่ ส่วนข้าจะไปหาเหลียงซานเดี๋ยวนี้และถามเขาว่าต้องการลงมือตอนไหน”
ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าเหลียงซานได้ไปขอกำลังเสริมมาและกำลังเสริมของเขาก็ได้มาถึงที่นี่แล้ว แถมผู้ที่มาช่วยเขายังเป็นกองทหารที่มาจากอาณาจักรอ้าวเทียน
ซึ่งผู้คนที่มีการบ่มเพาะระดับสูงทุกคนรู้ดีว่า อาณาจักรอ้าวเทียน เป็นอาณาจักรมหาอำนาจนอกเขตทะเลชางหมาง และพวกเขายังเป็นมหาอำนาจที่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์อยู่หลายคน
ดังนั้นแม้ว่าจือหมิงฮ่าวต้องการลงมือตอนนี้ พวกเขาก็ยังต้องไว้หน้าถามเหลียงซานก่อนว่าเหลียงซานจะขัดข้องไหม
เนื่องจากเจ้าสำนักของพวกเขายังไม่ได้ทะลวงไปยังขอบเขตสวรรค์ พวกเขาจึงยังไม่มีอะไรไปต่อต้านกับเหลียงซานหากทำให้เขาไม่พอใจ
แต่เมื่อใดที่เจ้าสำนักของพวกเขาเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาย่อมไม่จำเป็นต้องสนใจความคิดเห็นของเหลียงซานอีกต่อไป
Related