พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 257 คว้าโอกาส
ตอนที่ 257
คว้าโอกาส
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เธอเม้มปากก่อนจะเอ่ยถามด้วยความลังเล “แค่กินข้าวกันเหรอ?”
นับตั้งแต่ที่ลิ่นอวี๋เหยียนพาเสี่ยวเป่าไปในวันนั้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็คอยระวังเธอมาโดยตลอด
วันนี้ลิ่นอวี๋เหยียนถึงกับเอ่ยปากขอให้มู่อวี้เฉิงกลับไปหา มันจะต้องไม่ใช่แค่กินข้าวธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกังวลว่าเธอจะวางแผนทำอะไรกับ เสี่ยวเป่าอีกหรือไม่
มู่อวี้เฉิงมองตาเธอและพยักหน้าเบา ๆ “วันนี้มีแขกมาน่ะ แม่ก็เลยขอให้ผมแวะเข้าไปทักทาย”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ได้ยินดังนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก
มู่อวี้เฉิงสังเกตเห็นว่าร่างกายของเธอผ่อนคลายลงอย่างชัดเจน
“ไม่ต้องกังวลไป” มู่อวี้เฉิงพูดปลอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ผมบอกคุณแล้วไงว่าตระกูลมู่จะไม่ทำอะไรเสี่ยวเป่า ในเมื่อบอกแล้วว่าจะไม่ทำอะไรก็จะไม่ทำอะไรนั่นแหละ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าเบา ๆ
คำพูดปลอบประโลมของมู่อวี้เฉิงทำให้เธอสบายใจขึ้นมาก
“เอาล่ะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน คุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ” มู่อวี้เฉิงพูดเบา ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“อืม” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบกลับ
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเดินกลับเข้าไปในห้อง
…
ณ คฤหาสน์ตระกูลหลังเก่า
หลังจากที่มู่อวี้เฉิงกลับออกไปแล้ว ลิ่นอวี๋เหยียนก็พูดคุยกับสองแม่ลูกตระกูลหลัวสั้น ๆ เท่านั้น
ไม่นานพวกเธอทั้งสองก็กล่าวอำลา
“คุณนายมู่ มันเย็นมากแล้ว ฉันกับฉิงคงขอตัวกลับก่อนนะคะ” คุณนายหลัวพูดเบา ๆ
ลิ่นอวี๋เหยียนแสดงสีหน้าไม่เต็มใจนัก “ยังไม่ดึกเลยค่ะ ทำไมไม่อยู่ต่อกันอีกสักหน่อยล่ะคะ”
ทว่าในความเป็นจริงนั้นคำพูดดังกล่าวเป็นเพียงแค่คำกล่าวตามมารยาทเท่านั้น
หลังจากที่มู่อวี้เฉิงกลับออกไป ลิ่นอวี๋เหยียนก็ไม่มี ความตั้งใจจะพูดคุยอะไรกับพวกเธอทั้งสองคนอีก
ตอนนี้คุณนายหลัวกำลังใช้มันสมองในการคิดบทสนทนาต่อไปอย่างหนัก ทว่าลิ่นอวี๋เหยียนกลับไม่เว้นช่องว่างให้เธอเลย
สองแม่ลูกจากตระกูลหลัวเป็นผู้มากประสบการณ์ ดังนั้นจึงไม่มีทางมองเห็นอาการเหม่อลอยของพวกเธออย่างแน่นอน
จากนั้นทั้งสองจึงปฏิเสธอีกครั้ง
หลัวฉิงคงจึงรีบพูดหาข้ออ้าง “คุณนายมู่ ฉันกับแม่ก็อยากอยู่กับคุณต่อสักพักนะคะ แต่ว่าถ้าพวกเรากลับถึงบ้านดึก กลัวว่าพ่อจะกังวลเอาน่ะค่ะ”
ลิ่นอวี๋เหยียนไม่ได้ตั้งใจจะรั้งพวกเธอเอาไว้แต่แรก เธอจึงไหลตาม หลังจากที่ได้ยินคำตอบ
เธอยิ้มมุมปากบาง ๆ และพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นให้อยู่ต่อคงจะยาก เดี๋ยวฉันเดินไปส่งพวกคุณเองค่ะ”
สองแม่ลูกตระกูลหลัวรู้สึกปีติยินดีมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เกรงใจจังค่ะ”
“ทำให้คุ้นเคยก็ดีนะคะ” ลิ่นอวี๋เหยียนยิ้มอย่างมีความหมาย
เธอเดินพาสองแม่ลูกจากตระกูลหลัวไปส่งที่หน้าประตูรั้ว
แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะขึ้นรถยนต์ พวกเธอก็หันมาส่งยิ้มให้ลิ่นอวี๋เหยียนก่อน “คุณนายมู่ พวกเราไปก่อนนะคะ”
ลิ่นอวี๋เหยียนตอบกลับเบา ๆ “ค่ะ”
หลังจากที่ทั้งสองขึ้นรถยนต์แล้ว พวกเธอก็ลดบานหน้าต่างลงและโบกมือลาลิ่นอวี๋เหยียน
ขณะที่หลัวฉิงคงกำลังเอนตัวแนบหน้าต่างกระจกรถยนต์ ลิ่นอวี๋เหยียนก็โน้มตัวลงมาหาและพูดเตือนว่า “วันนี้ตอนที่หนูหารือความร่วมมือกับอวี้เฉิงดีมากเลยจ๊ะ ถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็มาร่วมมือกับมู่กรุ๊ปได้นะจ๊ะ”
น้ำเสียงของเธอไม่ได้ดังมาก แต่เพียงพอที่จะทำให้สองคนในรถยนต์ได้ยิน
ทันใดนั้นดวงตาของหลัวฉิงคงก็เป็นประกาย
คุณนายมู่กำลังหมายความตามที่เธอคิดหรือเปล่า
หลัวฉิงคงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยไปชั่วขณะหนึ่ง
เธอเงยหน้ามองลิ่นอวี๋เหยียน ขณะที่ลิ่นอวี๋เหยียนพยักหน้าให้เธอและโบกมือลา
สองแม่ลูกตระกูลหลัวที่เห็นเช่นนั้นรีบโค้งคำนับเล็กน้อยและจากไปอย่างมีความสุข
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ความสง่างามที่คุณนายหลัวพยายามประคับประคองเอาไว้ก็จางหายไปจนหมดสิ้น
เธอจับมือหลัวฉิงคงขณะที่มือสั่นเทาเล็กน้อย
ตอนนี้เธอรู้สึกราวกับพายชิ้นใหญ่ตกลงมาจากฟากฟ้า กระแทกใส่เธออย่างแรง แม้จะรู้สึกสับสนไปบ้างแต่กลับมีความสุขมาก
“ฉิงคง ไหนลูกบอกซิว่าคุณนายมู่ตั้งใจจะจับคู่ให้พวกลูกสองคนใช่มั้ย?” คุณนายหลัวถามออกไปอย่างไม่มั่นใจ
“หนูคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ” หลัวฉิงคงตอบ
หากคุณนายมู่ไม่ต้องการจับคู่ให้เธอกับมู่อวี้เฉิง วันนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องเชิญพวกเธอไปรับประทานอาหารที่บ้านและเรียกมู่อวี้เฉิงกลับมา
ไม่จำเป็นต้องบอกให้มู่อวี้เฉิงพาเธอออกไปเดินเล่นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ
เธอรู้สึกว่าวันนี้คุณนายมู่พยายามจะสร้างโอกาสให้เธอกับมู่อวี้เฉิงได้มีเวลาพูดคุยกัน
ดังนั้นการคาดเดาของเธอจึงค่อนข้างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
คุณนายหลัวรีบพูดเตือน “หลังกินข้าวกันในวันนี้ถือว่าลูกกับมู่อวี้เฉิงได้เจอหน้ากันอย่างเป็นทางการแล้ว เห็นว่าเพิ่มเพื่อนกันด้วย อย่าลืมติดต่อไปล่ะ”
“ค่ะ” หลัวฉิงคงพยักหน้าขณะพูดตอบ
หลัวฉิงคงรู้สึกว่าผลพลอยได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวันนี้คือการได้รับข้อมูลติดต่อของมู่อวี้เฉิง
นอกจากนี้มู่อวี้เฉิงดูสนใจโครงการปัญญาประดิษฐ์ที่หลัวกรุ๊ปนำเสนออย่างมาก
บางทีเธออาจจะใช้ประโยชน์จากโครงการนี้ติดต่อหามู่อวี้เฉิงให้มากขึ้น
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้นั้นคือชื่อบัญชีผู้ใช้ที่เธอเพิ่งเพิ่มเป็นเพื่อนเป็นเพียงบัญชีสำหรับการติดต่องานธุรกิจเท่านั้น
คุณนายหลัวพูดต่อ “คืนนี้ลูกไปตั้งหน้าตั้งตาดูรายละเอียดโครงการที่คุณมู่พูดถึงมาด้วยล่ะ แม่เห็นเขาถามรายละเอียดเยอะแยะเลย น่าจะดูพอใจไม่น้อย หากบ้านเราได้ร่วมมือกับมู่กรุ๊ปจริง ๆ ชื่อเสียงของบริษัทเราจะต้องดังเป็นพลุแตกแน่ ลูกต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้นะ”
หลัวฉิงคงพยักหน้าเบา ๆ
เธอเข้าใจในสิ่งที่คุณนายหลัวกำลังพูดบอก และจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้
วันต่อมา
จนกระทั่งเวลาเกือบเที่ยง ลู่หมิงเดินเข้ามาเคาะห้องประธานแล้วเดินเข้าไป
เขารีบพูดรายงานด้วยความเคารพ “ท่านประธาน รองประธานหลัวกรุ๊ปมาขอเข้าพบครับ”
“หลัวฉิงคง?” มู่อวี้เฉิงพูดถามเบา ๆ เขายังคงจดจำคนที่เจอหน้าเมื่อวานได้
“ครับ เธอต้องการหารือเรื่องความร่วมมือครับ” ลู่หมิงพูดอย่างใจเย็น
มู่อวี้เฉิงประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่เขาพอจะรู้จุดประสงค์การมาของเธอจึงตอบรับเบา ๆ “ให้เข้ามา”
“ครับ” ลู่หมิงตอบ
หลังจากเขาหันหลังกลับไป บุคคลดังกล่าวก็เดินเข้ามา
“คุณมู่” หลัวฉิงคงเดินเข้ามาและยิ้มทักทาย
มู่อวี้เฉิงพยักหน้าตอบรับอย่างสุภาพ “ผมได้ยินผู้ช่วยบอกว่าวันนี้คุณหลัวเข้ามาหารือเรื่องความร่วมมือเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ” หลัวฉิงคงพยายามวางตัวอย่างเหมาะสม
มู่อวี้เฉิงพูดอย่างใจเย็น “แต่ผมจำได้ว่าเมื่อวานผมบอกคุณว่าจะติดต่อไปเมื่อจำเป็นนี่ครับ”
หลัวฉิงคงจำคำพูดของเขาได้เป็นอย่างดี แต่เธอไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าเขาจะติดต่อ ดังนั้นเธอจึงเริ่มเป็นฝ่ายติดต่อก่อน
หลัวฉิงคงยังคงยิ้มอย่างสง่างาม “หลังจากคุยกับคุณมู่เมื่อวานนี้ เช้านี้ฉันก็ให้คนเตรียมแผนการมาเลยค่ะ ฉันอยากให้คุณมู่ได้เห็นมันก่อน ยังไงซะก็ขอรบกวนคุณมู่ด้วยนะคะ”
หลัวฉิงคงพูดขณะหยิบแฟ้มเอกสารออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้เขา แฟ้มเอกสารดังกล่าวคือแผนการที่พวกเธอจัดเตรียมไว้
มู่อวี้เฉิงรับแผนการมาอ่านพิจารณาอย่างรอบคอบ เขาจึงเข้าใจรายละเอียดในโครงการนี้มากขึ้น
หลังจากอ่านจบ เขาวางแฟ้มเอกสารลงและเคาะโต๊ะ เบา ๆ
“ผมขอถามคุณหลัวได้มั้ยครับว่าทำไมถึงอยากร่วมมือกับมู่กรุ๊ป?” มู่อวี้เฉิงถามเบา ๆ
“เพราะมู่กรุ๊ปเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่หลัวกรุ๊ปอยากจะให้ร่วมมือในโครงการนี้ด้วยกัน” หลัวฉิงคงตอบตามความจริง