พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 203 แกไม่คู่ควร
ตอนที่ 203
แกไม่คู่ควร
คืนนั้นที่ไนต์คลับ
เจกำลังนั่งรอซ่งอวี่ซีอยู่ในห้องส่วนตัวที่มีแสงไฟสลัว
เขาถือแก้วไวน์สีขาวอมเหลืองสดใสที่กระเพื่อมไปมา
มู่อวี้เฉิงเป็นคนจัดเตรียมห้องส่วนตัวดังกล่าวขึ้นมาในตอนเช้า โดยมีจุดประสงค์จะหลอกล่อให้ใครบางคนตกหลุมพราง
เจมองดูแก้วไวน์ในมือด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ตอนนี้เขากำลังรู้สึกกังวล เพราะความสำเร็จและความล้มเหลวล้วนขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ภายในคืนนี้
หากเขาจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดีพอ เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความตายที่กำลังรอคอยเขาอยู่
เขาพยายามคิดอย่างรอบคอบว่าถ้าหากซ่งอวี่ซีมาถึงแล้ว เขาควรจะทำอย่างไรดี?
จะต้องทำอย่างไรถึงจะดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด?
เจหรี่ตาลงและจิบไวน์เล็กน้อย
คำถามนี้ค่อนข้างยากเกินไปสำหรับเขา
เจถอนหายใจและค่อย ๆ คิดหาวิธีการทีละขั้นตอน
“ก๊อก ๆ ๆ” หลังจากที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจก็ยกมือขึ้นมา กำมือและกระแอมไอเบา ๆ จากนั้นจึงปรับสีหน้าให้เรียบตรงและพูดเสียงทุ้ม “เข้ามา”
ผู้ที่อยู่ข้างนอกผลักบานประตูเข้ามาทันทีเมื่อได้รับการอนุญาต แต่หลังจากที่บานประตูถูกเปิดออก ชายที่สวมชุดสูทสีเทาและแว่นตากรอบทองก็เดินเข้ามา
เจขมวดคิ้วและมองดูคนที่เดินเข้ามาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แกเป็นใคร? ซ่งอวี่ซีล่ะ?”
“คุณหนูอวี่ซีไหว้วานฉันให้มาจัดการเรื่องนี้แทน และฉันจะแก้ไขเรื่องนี้แทนเธอทั้งหมด” ชายตรงหน้ามีท่าทางสงบและพูดตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
เจขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น หากซ่งอวี่ซีไม่มาก็หมายความว่าแผนการของเขาในค่ำคืนนี้ล้มเหลวใช่ไหม
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะเสียชีวิตลงจากฤทธิ์ยาดังกล่าว
เจนึกไม่ถึงว่าซ่งอวี่ซีจะระมัดระวังตัวขนาดนี้
เจแสร้งทำเป็นไม่พอใจอย่างมากและพูดตอบกลับอย่างเหยียดหยาม “ไหว้วานอะไรแก ฉันอยากคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว”
ถ้าซ่งอวี่ซีไม่มา การแสดงทั้งหมดในวันนี้ก็จะไร้ประโยชน์
ไม่เพียงแต่เท่านั้นแต่เขายังต้องเสี่ยงชีวิตอีกด้วย
เจหรี่ตาลง ไม่ เขาจะต้องทำให้ซ่งอวี่ซีมาที่นี่ให้ได้
ในอีกด้านหนึ่ง ชายที่ซ่งอวี่ซีส่งมาหยิบเอกสารข้อตกลงออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้เจ
เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบปราศจากอารมณ์ใด ๆ “หลังจากลงชื่อบนเอกสารข้อตกลงแล้ว แกกับคุณหนูอวี่ซีจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมใด ๆ อีกต่อไป”
“ถ้าฉันเซ็นชื่อแล้วพวกแกจะเอาเงินให้ฉันหนึ่งล้านเหรอ?” เจถามเพื่อความมั่นใจ
ชายตรงหน้าพยักหน้าและบอกว่า “คุณหนูอวี่ซีเซ็นเช็คมาให้เรียบร้อยแล้ว ขอแค่แกเซ็นชื่อลงบนข้อตกลงในการรักษาความลับแผ่นนี้ ฉันก็จะเอาเซ็คให้แก”
เจมองดูเอกสารข้อตกลงแล้วพบว่าเงื่อนไขภายในนั้นชัดเจนและเป็นระเบียบมาก
กฎเกณฑ์กำหนดชัดเจนว่าเขาจะต้องเก็บรักษาความลับนี้ไว้
เจโยนเอกสารข้อตกลงทิ้งพร้อมกับพูดเยาะเย้ย “คิดจะให้ฉันเซ็นชื่อบนเอกสารรักษาความลับงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเงินเท่านี้คงไม่พอหรอก เชื่อมั้ยว่าถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกมู่อวี้เฉิงเขาคงจะเอาเงินให้ฉันสิบล้าน”
ชายตรงหน้าหรี่ตาลงและแสดงสีหน้าเย็นชา “พูดดี ๆ ด้วยแล้วไม่ชอบชอบให้ใช้กำลังสินะ!”
“เฮอะ คิดว่าขู่ฉันแบบนี้แล้วจะมีประโยชน์หรือไง?” เจยิ้มเยาะโดยไม่สนใจคำคู่ของเขาแม้แต่น้อย
ชายตรงหน้าขมวดคิ้วและพูดเตือนว่า “คุณหนูอวี่ซีบอกว่าถ้าแกเฉไฉก็ให้ฉันจัดการได้เลย”
เจหงุดหงิดที่ชายตรงหน้าบอกว่าจะจัดการเขา
เขาจึงพูดเหน็บแนม “อย่างแกนะเหรอจะมาจัดการฉัน? ประเมินความสามารถตัวเองสูงเกินไปแล้ว”
ชายตรงหน้าแสดงสีหน้ามืดมนและถามว่า “แกจะเซ็นสัญญาดี ๆ มั้ย?”
“ไม่เซ็น” เจตอบโดยไม่ลังเล
ใบหน้าของชายคนนั้นดูไร้ความอดทนมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มจะดังขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันหยาบคายแล้วกัน”
หลังจากพูดจบ เขาก็เหวี่ยงหมัดหนักออกไป
เจถอยหลังไปหนึ่งก้าวจนสามารถพอที่จะหลีกเลี่ยงได้ และจ้องมองชายตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อผู้ชายตรงหน้าเห็นว่าหมัดพลาด เขาก็เหวี่ยงขาออกไป
เขาหลบได้อีกครั้งและก้าวไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้กับเขา
หลังจากเคลื่อนไหวได้ไม่กี่ครั้ง เจก็ตระหนักได้ว่าผู้ชายตรงหน้าเรียนศิลปะการต่อสู้มาเช่นกัน
เพียงแวบเดียวก็รู้ได้ว่าการเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วมาก ร่างกายแข็งแรงกำยำ รูปลักษณ์ดูเหมือนคนโหดเหี้ยม
เจนึกไม่ถึงว่าซ่งอวี่ซีจะเป็นคนเด็ดเดี่ยวโหดเหี้ยม ขนาดนี้
แต่จู่ ๆ แววตาของเจก็แข็งข้อขึ้น
ซ่งอวี่ซีประเมินทหารรับจ้างต่ำเกินไป ทักษะร่างกายของพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาจากขุมประตูนรก แล้วคนตรงหน้าจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?
เจเคลื่อนไหวอีกครั้งและหัวเราะเยาะ “แกไม่คู่ควรจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของฉันหรอก”
“เลิกพูดไร้สาระสักที” ชายตรงหน้าพูดและเหวี่ยงหมัดไปทางเขา
เจยกยิ้มมุมปากขณะคว้ากำปั้นของชายตรงหน้าเอาไว้ได้ทันเวลา ล็อกไหล่อีกฝ่ายจนแน่นและทุ่มร่างเขาลงกับโต๊ะ
แรงกระแทกที่มีมากจนเกินไปทำให้โต๊ะกระจกใสแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ชายคนนั้นลุกขึ้นมาหลบหมัดของเจ และกระโจนเข้าใส่เจอีกครั้ง
เจรีบเตะเขาลงกับพื้นและกระหน่ำกำปั้นใส่เขาอีกสองสามครั้งโดยไม่ปล่อยให้เขาได้พักหายใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ชายที่ซ่งอวี่ซีส่งมาก็ถูกเจทุบตีจนสลบไป
การต่อสู้ของทั้งสองคนทำให้เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องถูกทุบตีจนแตกออกเป็นชิ้น ๆ
เจปราบปรามชายคนนั้นแล้วถอนหายใจอย่างเย็นชา รู้สึกว่าคนตรงหน้าประเมินความสามารถของตัวเองสูงจนเกินไป
หลังจากนั้นโทรศัพท์ของซ่งอวี่ซีก็มีสายเรียกเข้า เธอมองดูเบอร์โทรศัพท์ตรงหน้าด้วยสายตาที่ตกตะลึงและสีหน้าที่เปลี่ยนไป
ดูเหมือนว่าคนที่เธอส่งไปจะทำภารกิจล้มเหลว หากเจโทรศัพท์มาหาเธอแบบนี้เขาคงจะจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
หากเธอบ่ายเบี่ยง เจจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกมู่อวี้เฉิง แน่ ๆ และสุดท้ายแล้วเธอจะขาดทุนมากกว่าได้รับผลกำไร
ซ่งอวี่ซีคิดอยู่พักหนึ่งและกดรับสาย
ทันทีที่กดรับสาย น้ำเสียงเย็นชาก็ดังลอดออกมาจากปลายสาย “คุณซ่ง ช่วยอธิบายเรื่องนี้เกิดขึ้นในคืนนี้ให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ?”
ซ่งอวี่ซีขมวดคิ้วและแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “อธิบายอะไร? ฉันก็ให้คนเอาเงินไปให้แกแล้วไง แกจะมาไม่พอใจอะไรอีก?”
เจเห็นว่าเธอปฏิเสธทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวจึงขึ้นเสียงเย็นชา “คุณซ่ง คุณรู้ทุกอย่างดีแก่ใจ แต่วิธีการที่คุณกำลังทำอยู่มันทำให้ผมไม่พอใจมาก”
ซ่งอวี่ซีที่ได้ยินเช่นนั้นรีบถามขึ้นทันที “แล้วแกจะเอายังไง?”
“เอาเงินมาให้ผมอีกห้าล้าน ไม่อย่างนั้นผมจะเปิดโปงเรื่องนี้” เจหรี่ตาลงขณะพูดเตือน
คืนนี้เขาจะต้องหลอกล่อให้ซ่งอวี่ซีมาที่ไนต์คลับให้ได้ และจะต้องไม่ทำผิดพลาดอีก
ไม่อย่างนั้นชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตราย
เจรีบพูดขู่อีกครั้งโดยไม่ให้เวลาซ่งอวี่ซีคิด “มู่อวี้เฉิงเสียคนรักไปแล้ว ถ้าเขารู้ว่าผมมีข้อมูลของฆาตกร เขาคงจะจ่ายให้ผมห้าสิบล้านโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย”
ซ่งอวี่ซีรีบพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน “อย่าลืมว่าแกเป็นคนลงมือฆ่านังนั่น ถ้าเกิดฉันล้มลงแล้วคนอย่างแกจะได้ประโยชน์อะไร”
เจตอบกลับอย่างโศกเศร้าราวกับว่าเขาไม่สนใจไยดีชีวิตของตนเองเลย “ผมมันตัวคนเดียว ตายไปก็ไม่สำคัญอะไรหรอก แต่คุณซ่งลองคิดดู ถึงตอนนั้นตระกูลซ่งทั้งหมดจะต้องถูกฝังจนจมดินเลยไม่ใช่หรือไง”