พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 34 ของขวัญมูลค่าห้าแสนหยวน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 34 ของขวัญมูลค่าห้าแสนหยวน
บทที่ 34 ของขวัญมูลค่าห้าแสนหยวน
ตั้งแต่บุษบากรออกอากาศมา นี่นับเป็นครั้งแรกที่เจอบัญชีระดับจักรพรรดิ์มหาเศรษฐี เข้ามาที่ช่องของเธอ
เธอจึงให้ความสำคัญกับไอดีที่มีชื่อว่าดวงใจตะวันมาก ผู้หญิงหน้าตาดีอย่างเธอ ถึงจะอยู่ในกลุ่มผู้ประกาศข่าวหญิงมากมาย ก็นับว่าสวยเป็นอันดับต้นๆ ไอดีดวงใจตะวันนี้ ขอแค่ให้เป็นผู้ชายเท่านั้น ยังไงเธอก็ไม่มองข้าม
แต่ตั้งแต่ที่ไอดีดวงใจตะวันเข้ามาที่ช่องออกอากาศนี้ มีแค่กดติดตามเท่านั้น จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ มันทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย สงสัยว่าไอดีดวงใจตะวันก็แค่เข้ามาดูเล่นๆเท่านั้นเอง
“พี่ชายดวงใจตะวัน พูดอะไรหน่อยนะค้า บุษดีใจมากเลยที่พี่มาช่องของฉัน เรามาเป็นเพื่อนกันได้นะคะ” บุษบากรพูดผูกมิตร
ทันทีที่พูดจบ ชั่วพริบตา ยานบินอวกาศก็พุ่งเข้ามาเต็มหน้าจอออกอากาศไปหมด
อีกทั้งจำนวนยานบินอวกาศที่บินว่อนไปมากลางหน้าจอ ทำเอาบุษบากรช็อกค้างไปเลย
ไม่เพียงแค่เธอเท่านั้น ทุกคนที่ชมการออกอากาศอยู่ต่างก็สะดุ้งตกใจกับการมาอย่างกะทันหันของของขวัญชุดนี้ จนคนจำนวนไม่น้อยแอบคิดว่าตัวเองต้องตาฝาดไปแล้วแน่ๆ
“พระเจ้าช่วย !ตาฉันไม่ได้บอดใช่ไหม อยู่ๆก็เห็นยานบินอวกาศเป็นร้อยๆลำบินไปมา”
“นี่มันต้องเป็นภาพหลอนแน่ๆ เป็นไปได้ยังไงที่จะมีคนส่งของขวัญได้มากมายมหาศาลขนาดนี้ในครั้งเดียว โทรศัพท์ฉันต้องไวรัสเข้าเครื่องแน่ๆ”
“โทรศัพท์นายไม่ได้มีไวรัสอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันก็เห็นเหมือนกัน ยานบินอวกาศเป็นร้อยๆลำ ยังไงก็มองไม่ผิดโว้ย”
……
อารียาที่นั่งอยู่ข้างๆบุษบากรเห็นบุษบากรเพื่อนของตัวเองอยู่ๆก็สติหลุดไปเรียบร้อย ถามด้วยความสงสัยเปี่ยนล้นบนใบหน้า “บุษ เธอเป็นอะไรไปน่ะ ยานบินอวกาศนี่มันราคาแพงมากเลยหรอ”
บุษบากรหันขวับไปมองอารียา พูดเสียงสั่น “ยานบินอวกาศ ลำหนึ่งราคาห้าพันหยวน…..”
อารียาพยักหน้าหงึกๆ ในใจคิดแพงอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แต่ก็ไม่ได้แพงจนเกินจริง
“ผู้ชายคนนี้ส่งมาให้ฉันร้อยลำ “ บุษบากรพูดต่อ
อารียาเบิกตาโตเป็นไข่ห่าน ตามด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึง ”ตั้งร้อยลำอย่างนั้นหรอ อย่างนั้นก็ห้าแสนหยวนน่ะสิ…..”
บุษบากรเองก็ไม่กล้าเชื่อจำนวนที่มากมายขนาดนี้ แต่เบื้องหลังของเธอก็ถูกเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ยานบินอวกาศหนึ่งร้อยลำ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องโกหก
“พี่ชายดวงใจตะวัน ขอบคุณมากเลยนะคะสำหรับรางวัล พี่นี่ทำให้ทุกคนประหลาดใจมากๆเลยนะคะ รักพี่มากๆเลยอ่ะ”
ริมฝีปากเล็กๆของบุษบากรยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง แทบอยากที่จะจูบนายดวงใจตะวันอะไรนี่ผ่านหน้าจอสักทีสองที
“พี่ใหญ่สุดยอดไปเลย ของขวัญมูลค่าตั้งห้าแสนหยวน ชาตินี้ผมยังไม่มีปัญญาหาเงินได้มากขนาดนั้นเลย”
“พี่ชายดวงตะวัน ใจดีสุดๆไปเลย!สุดยอดไม่มีใครเทียบได้!”
“สุดยอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!”
“แม่เจ้า ชีวิตคนรวยมันเป็นแบบนี้เองใช่ไหม”
“มาดูให้เห็นกับตา ได้ยินว่ามีคนแจกของขวัญ ยานบินอวกาศตั้งร้อยลำ เรื่องจริงใช่ไหมเนี่ย”
“โคตรสุดยอด ผมกำลังดูเขาแข่งกันอยู่ อยู่ๆก็เห็นว่ามีคนแจกยานบินอวกาศตั้งร้อยลำ”
“แม่งจะเจ๋งไปแล้ว ผมเพิ่งมาจากช่องสคูดิโอของน้องดาหลา นี่มันเศรษฐีที่ไหนกัน รวยโคตรๆ”
“นี่มันเทพเจ้าชัดๆ……”
ช่องของบุษบากรจากเดิมที่มีข้อความอยู่แค่ไม่กี่สิบข้อความ ค่อยๆเลื่อนผ่านไปทีละเล็กทีละน้อย แต่อยู่ๆเพราะของขวัญจากรพีพงษ์ ทำให้บนหน้าจอออกอากาศ เหมือนกับถูกกลุ่มดาวหางขนาดใหญ่พุ่งชน ชุนละมุนวุ่นวายไปหมด
เรื่องของขวัญยานบินอวกาศร้อยลำกลายเป็นกระแสฮือฮายกใหญ่ เพียงแค่ชั่วพริบตาสั้นๆเท่านั้น จำนวนผู้เข้าชมช่องของบุษบากรกลับเพิ่มขึ้นเป็นแสนๆได้
บุษบากรมองดูจำนวนแฟนคลับในช่องออกอากาศของตัวเองที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าตัวอย่างรวดเร็ว ในใจตื่นเต้นไปหมด ของขวัญที่ดวงใจตะวันให้เธอครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้เธอได้รับส่วนแบ่งถึงครึ่งหนึ่ง ยังทำให้ช่องออกอากาศของเธอได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นไปด้วย
เธอรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าไอดีดวงใจตะวันคงจะต้องเป็นคุณชายอภิมหาเศรษฐีร้อยล้านพันล้านที่ไหนสักแห่งแน่ๆ ถูกใจเธอ ก็เลยส่งของขวัญให้
ในใจเธอคิดไปไกล ถึงขนาดฉากความรักที่จะเกิดขึ้นในอนาคตระหว่างเธอกับพ่อหนุ่มอภิมหาเศรษฐี
แต่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าของขวัญพวกนี้ คือของขวัญที่รพีพงษ์ตั้งใจแจกให้อารียาที่อยู่ในหน้าจอ
หลังจากดึงสติตัวเองกลับมา บุษบากรก็รีบกดส่งข้อความส่วนตัวหาไอดีดวงใจตะวัน “พี่ชายคะ นี่คือวีแชทของฉัน ไว้เราคุยกันบ่อยๆนะคะ”
รพีพงษ์กดดูข้อความ แต่กลับไม่สนใจอะไร
เขามองดูข้อความมากมายที่เด้งขึ้นในช่องออกอากาศ ในใจแอบรู้สึกตลก ก่อนจะกดปิดช่องออกอากาศไป
บุษบากรเห็นว่าไอดีดวงใจตะวันไม่ได้ตอบข้อความเธอกลับ แถมยังกดออกจากช่องของเธออีกด้วย ทำให้เธอรู้สึกผิดหวังไม่น้อย
แต่คิดดูอีกที เขาส่งของขวัญให้เธอมากขนาดนี้ คงต้องสนใจในตัวเธออย่างแน่นอน
ตอนนี้ไม่สนใจเธอ เดาว่าคงจะยุ่งอยู่ ไม่ทันตอบ
คิดไปคิดมาก็ใช่ ระดับอภิมหาเศรษฐีแบบนี้ คงจะตัวยุ่งเป็นเกลียวทุกวัน เดี๋ยวเขาว่างก็คงทักเธอมาเองนั่นแหละ
คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของบุษบากรก็อดที่จะยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ ตั้งหน้าตั้งตา รอคอยที่จะได้เจอกับคุณชายอภิมหาเศรษฐีคนนี้
“แคลร์ ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความรักแหละ” บุษบากรมองตาเยิ้มไปทางอารียาเหมือนคนสติไม่สมประกอบ
อารียาหัวเราะขึ้นมา พลางพูด “กับอีตาอภิมหาเศรษฐีที่ส่งของขวัญให้เธอน่ะหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันคิดว่านะ เขาจะต้องเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของฉันแน่ๆ จะต้องมีสักวัน ที่เข้าจะขี่เมฆสายรุ้งมารับฉันไปอยู่ด้วย” บุษบากรพูดด้วยตาเป็นประกาย
“ถ้าถึงเวลานั้น ฉันก็คงจะต้องไปร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับเขาสักมื้อซะแล้วล่ะ จะให้เอาเธอไปง่ายๆได้ยังไงกัน” อารียาพูดไปหัวเราะไป
ในใจเธอจริงๆ ก็อดที่จะอิจฉาบุษบากร ไม่ได้ ไม่มีใครเป็นศัตรูกับเงินทั้งนั้น ถ้าอยู่ๆมีคนให้เงินเธอมากมายขนาดนั้น แน่นอนว่าเธอก็ต้องดีใจมากเหมือนกัน
แต่คิดทบทวนดูแล้ว รพีพงษ์เองก็เคยซื้อสร้อยราคาสี่สิบห้าล้านหยวนให้เธอ แพงกว่ายานบินอวกาศพวกนี้ตั้งเยอะ ดังนั้นเธอไม่อิจฉาหรอก
ถ้าเธอรู้ว่าของขวัญพวกนี้ที่บุษบากรได้รับ จริงๆแล้วก็คือของขวัญที่รพีพงษ์ส่งให้เธอ เกรงว่าคงจะตกใจจนปากค้างจนคางร่วงลงไปถึงข้างล่าง
“นับแต่วันนี้ไป ฉันจะเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม รอเจ้าชายขี่ม้าขาวของฉันมารับ” บุษบากรพูดด้วยสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“แคลร์ ถ้าถึงเวลาที่เจ้าชายขี่ม้าขาวของฉันปรากฏตัว เธอต้องเป็นพยานให้ฉันนะ ตกลงไหม” บุษบากรเปิดปากพูด
อารียาพยักหน้ายิ้มๆ พร้อมตอบกลับ “ได้แน่นอนสิ ฉันเองก็แอบตื่นเต้นแทนเธอเหมือนกันนะ อยากเห็นจริงๆว่าเจ้าชายขี้ม้าขาวของเธอจะหน้าตาเป็นยังไง”
“ฮิฮิ เธออยากดูก็ได้อยู่นะ แต่ว่าห้ามคิดอะไรกับเขาเชียว เขาเป็นของฉัน” บุษบากรพูดอย่างจริงจัง
“วางใจเถอะ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย ใครจะไปรู้เจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอ อาจจะปาเข้าไปหกสิบกว่าแล้วก็ได้” อารียาหยอกเล่น
“ไปเลย อย่ามาพูดจาเลอะเทอะนะ เจ้าชายขี่ม้าขาวของฉันน่ะ ต้องหน้าตาหล่อเหลา ไม่ว่าผู้หญิงที่ไหน ก็ต้องอยากได้ไปครอบครองอย่างแน่นอน “
พอมาถึงตอนนี้ รพีพงษ์ก็เดินออกมาจากห้อง บุษบากรเห็นรพีพงษ์เดินออกมา ก็รีบเบ้ปากอย่างรังเกียจ พลางพูด “ขัดโชคขัดลาภจริงๆ เพิ่งพูดถึงเจ้าชายขี่ม้าขาวได้ไม่ทันไร ที่ไหนได้ คนไร้น้ำยาก็มาพอดี”
“ฉันว่ารพีพงษ์เขาก็ออกจะดี ไม่แน่ ไม่มีอะไรบกพร่องไปจากเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอหรอก” อารียา ยิ้มแป้น
“เขาน่ะหรอ เป็นแค่เด็กยกรองเท้าให้เจ้าชายขี่ม้าขาวของฉันยังไม่พอเลยด้วยซ้ำ แคลร์ ฉันไม่ได้ว่าเธอนะ แต่เธอแต่งกับเขาเพราะความจำเป็น สู้ตัดเขาออกตอนที่ยังมีโอกาสดีกว่า ถึงเวลาที่เจ้าชายขี่มาขาวของฉันมา ฉันจะให้เขาช่วยหาผู้ชายดีๆให้เธอสักคน รับรองว่าดีกว่ารพีพงษ์เป็นร้อยเท่า”
รพีพงษ์ฟังออกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวที่บุษบากรพูดออกมาจากปากก็คือเขาเอง เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าของขวัญที่เขากดๆส่งให้ไป จะทำให้บุษบากรคิดไปไกลขนาดนี้
แต่เขาก็ไม่ได้กะที่จะพูดออกมา ไม่รู้ว่าถ้าอีกหน่อยบุษบากรรู้ว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในใจเธอก็คือที่เธอด่าว่าเป็นคนเศษสวะอย่างรพีพงษ์ ผลมันจะออกมาเป็นยังไง