พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 227 กูรพีพงษ์กลับมาแล้วโว้ย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 227 กูรพีพงษ์กลับมาแล้วโว้ย
บทที่227 กูรพีพงษ์กลับมาแล้วโว้ย
ชิตวรตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จ้องไปที่รพีพงษ์แล้วไม่พูดอะไรอยู่นาน
ถึงแม้จะไร้เงาถิรมันของสำนักบูโด แต่จากคำพูดของรพีพงษ์นั้นสามารถรับรู้ได้ว่า ถิรมันได้แพ้รพีพงษ์แล้ว ตอนนี้น่าจะกำลังหนีไปแล้ว
สุดท้าย คนของตระกูลลัดดาวัลย์ ที่โดนไล่ออกไปนั้น รพีพงษ์ก็ยังมีสายเลือดของตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ ความเก่งกาจของเขา คนธรรมดาอย่างพวกเขาไม่มีทางจินตนาการได้อย่างแน่นอน
“คุณชาย ดูๆแล้วผมคงจะดูถูกคุณเกินไป ขอโทษครับ” ชิตวรกล่าว
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร ฉันเคยชินไปแล้ว ตอนที่อยู่เมืองริเวอร์ คนพวกนั้นไม่เห็นฉันอยู่ในสายตายิ่งกว่า”
ตรีภพที่นอนกองอยู่กับพื้นกัดฟัน แล้วกล่าว “รพีพงษ์ มึงร้ายกาจจริงๆ แม้แต่ถิรมันของสำนักบูโดก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของมึง แต่ไม่ว่าจะยังไง มึงก็โดนไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว ไม่มีตระกูลลัดดาวัลย์คุ้มกะลาหัว มึงก็เป็นได้แค่คนธรรมดาที่มีฝีมือเท่านั้น แต่ของกูมีลูกน้องมากมายคอยสนับสนุนอยู่!”
‘แม้วันนี้กูจะจัดการชิตวรไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ยังมี แต่มึงไม่สามารถปกป้องชิตวรได้ทุกวันหรอก ยังช้าก็เร็วกูจะให้ชิตวรลิ้มรสของความเจ็บปวด!”
รพีพงษ์จ้องไปที่ตรีภพ แล้วกล่าว “ถ้ามึงยังพูดแบบนี้ล่ะก็ งั้นกูก็ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเลยล่ะกัน”
ตรีภพหัวเราะเสียงดัง แล้วกล่าว “ตัดไฟเสียแต่ต้นลม? มึงจะจัดการกูยังไง? รพีพงษ์ มึงมันไอ้สวะที่ถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว มึงแค่คนเดียว มากสุดก็แค่ต่อยกูหนึ่งยก อยากจะเก็บกู แม้แต่ชิตวรยังไม่กล้าพูดประโยคนี้เลย แล้วมึงกล้าดีมาจากไหน?”
รพีพงษ์บึนปาก แต่ไหนแต่ไรเขาไม่รู้สึกว่าการที่จัดการใครสักคนเป็นเรื่องยากเลย ถึงแม้จะมีเขาแค่คนเดียว ก็ยังสามารถทำได้
ความคิดของตรีภพถูกจำกัดไว้แค่ในอดีตเท่านั้น ความอดทนอดกลั้นของรพีพงษ์ในช่วงหลายปีมานี้ ต่างจากเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก การฆ่าฟันเป็นเรื่องพริบตาเดียวเท่านั้น อยากจะกำจัดใครสักคน ก็แค่จัดการกับชีวิตของมันก็ได้แล้ว
“คุณชาย ตรีภพพูดไว้ไม่มีผิด เขายังมีลูกน้องมากมาย อยากกำจัดเขาเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย แต่คุณชายวางใจได้ วันนี้คุณช่วยผมจัดการมัน วันข้างหน้าผมไม่มีทางให้มันได้มีโอกาสเข้ามาที่นี่ได้ตามอำเถอใจ” ติชวรกล่าว
รพีพงษ์จ้องไปที่ตรีภพ แล้วกล่าว “ไม่จำเป็น เขาจะไม่มีวันข้างหน้าอีกต่อไป”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตลกจริงๆเลยหวะ แกไอ้เด็กกำพร้าชั่งหัวลั้นจริงๆนั้น กูก็อยากรู้ แค่มึงคนเดียว จะจัดการกูได้ยังไง ต่อยกูหรอ? หรือจะฆ่ากูหรอ? หรือมึงจะพึ่งตระกูลลัดดาวัลย์? ตระกูลลัดดาวัลย์กำจัดกูได้จริงๆ แต่มึงถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว ตื่นเถอะ มึงก็แค่ไอ้เด็กกำพร้าของตระกูลลัดดาวัลย์เท่านั้น มึงไม่มีปัญญากำจัดกูได้หรอก!”
ตรีภพไม่หวาดหวั่น มั่นใจว่ารพีพงษ์ไม่มีปัญญามากพอที่จะจัดการเขาได้ แล้วทุกคนในเกียวโตก็รู้เรื่องที่รพีพงษ์โดนไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล
หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้เสร็จแล้ว รถโฟร์คสวาเกนสีดำคันหนึ่งได้จอดอยู่ตรงประตูของjanhao ktv จากนั้นก็มีคนใส่ชุดสูทสีดำทั้งตัวลงมาจากรถ เป็นผู้ชายสวมแว่นกรอบสีดำ
ชายคนนั้นมองไปที่รพีพงษ์ แล้วรีบเดินไป
หลังจากที่ชิตวรเห็นชายคนนั้นแล้ว ก็หน้าถอดสี แล้วกล่าว “นภาดล ทำไมเขามาที่นี่? คุณชาย นภาดลนี้เป็นการ์ดข้างกายติดตามของแม่ของคุณชาย เขามาทางคุณหรือเปล่า คุณจะ……”
รพีพงษ์ส่ายหัว แล้วกล่าว “ไม่ต้องกังวล เขามารับฉัน”
ชิตวรชะงัก ไม่คาดคิดว่าคนของตระกูลลัดดาวัลย์จะมารับรพีพงษ์ ถ้าแบบนี้ รพีพงษ์ดีกับตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว?
ถ้าเป็นความจริงล่ะก็ งั้นคำพูดที่ตรีภพพูดเมื่อกี๊ ก็เหมือนกับหาที่ตายให้ตัวเองแล้วแท้ๆ ตอนนี้ก็รอแค่ให้เขาโดนเก็บก็เท่านั้น
เขาเยาะเย้ยไปที่ตรีภพ รู้สึกว่าวันนี้โชคดีมาก ไม่แน่อาจจะยืมมือรพีพงษ์ มาเก็บตรีภพซะ
ตรีภพก็มองไป หลังจากเห็นว่าเป็นนภาดลแล้ว ก็ชะงักไปครู่ เขาเดาว่าเพราะนภาดลได้ยินว่ารพีพงษ์กลับมาเกียวโต ดังนั้นจึงมาเพื่อฆ่าเขา แล้วมองไปที่รพีพงษ์อย่างเยาะเย้ย
“รพีพงษ์ มึงหยุดพูดว่าจะจัดการกูได้ล่ะ กูว่าวันนี้มึงน่าจะลำบากล่ะ เห็นคนนั้นที่เดินเข้ามาไหม นั้นคือการ์ดของตระกูลลัดดาวัลย์ เขามาจัดการมึงแน่นอน มึงรีบหนีไปเถอะ!” ตรีภพเหยียดหยาม
รพีพงษ์ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ในขณะนี้นภาดลเดินมาตรงหน้าของรพีพงษ์ คำนับเขา แล้วกล่าว ‘คุณชาย ผมมาช้าไป”
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “มาช้าไปหน่อยจริงๆ ถ้าแกมาเร็วกว่านี้สักหน่อย ฉันก็ไม่ต้องลงมือเองแล้ว”
เมื่อนภาดลได้ยินคำพูดนี้ของรพีพงษ์ ก็ชะงัก เมื่อกี๊เขาก็ได้สังเกตการณ์ที่นี่แล้ว ในใจก็พอจะเดาได้บ้าง แล้วถาม “คุณชายประสบปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ? บอกผมได้ เดี๋ยวผมช่วยคุณจัดการ”
เมื่อตรีภพได้ยินนภาดลเรียกรพีพงษ์ว่าคุณชายก็งงงวยขึ้นมาทันที เขามองไปที่รพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง แล้วพูดไปที่นภาดล “พี่ดน ไอ้รพีพงษ์นี่ถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์แล้วไม่ใช่หรอ ทำไมคุณยังเรียกเขาว่าคุณชายอยู่อีกล่ะ มันเป็นไอ้กำพร้าของตระกูลลัดดาวัลย์นะ”
เมื่อนภาดลได้ยินคำพูดของตรีภพแล้ว ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ก็ถีบลงไปที่หน้าเขาโดยตรง แล้วกล่าว “พูดมากไร้สาระ หาที่ตาย!”
“คุณชาย เมื่อกี๊มันล่วงละเมิดท่าน ท่านจะจัดการมันยังไง?” นภาดลหันไปมองรพีพงษ์
“เก็บมันซะ” รพีพงษ์พูดสั้นๆสามคำ
“ครับ! หลังจากวันนี้ไป เกียวโตจะมีคนนี้อยู่อีกต่อไป” นภาดลตอบรับทันที
จากนั้นเขาก็หยิบมือถือขึ้นมา แล้วโทรออก
“คุณคือชิตวรใช่ไหม เดี๋ยวอีกแป๊ปคนของตระกูลัดดาวัลย์จะมาถึง คุณเฝ้ามันอยู่ทีนี่หน่อยล่ะกันนะ ตอนนี้ผมต้องไปส่งคุณชายกลับบ้านก่อน” นภาดลมองไปที่ชิตวร
ชิตวรพยักหน้า แล้วกล่าว “ไม่มีปัญหา! มีผมดูมันอยู่ตรงนี้ เขาหนีไปไหนไม่ได้แน่!
“ถ้ามีโอกาสเจอกันใหม่” รพีพงษ์หันไปมองชิตวร ยิ้มให้เขา แล้วเดินไปที่รถโฟร์คสวาเกน นภาดลรีบเดินตามไป
ตรีภพสิ้นหวัง แล้วพูดออกมา “รพีพงษ์ ผมผิดไปแล้ว คุณปล่อยผมไปเถอะนะ ผมจะไม่พูดมั่วๆแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”
ชิตวรถีบไปที่หน้าของตรีภพ แล้วยิ้ม “ตรีภพ มึงรนหาที่ตายเอง มึงคงเข้าใจหลักธรรมนี้นะ เสียดาย หลักธรรมง่ายๆแบบนี้ ต้องแลกกับชีวิตของแก ตอนนี้ไม่ว่าแกจะขอร้องใคร ก็ไม่มีใครช่วยแกได้!”
คฤหาสน์ใหญ่ตะกูลลัดดาวัลย์ตั้งอยู่ที่เจริญรุ่งเรืองในเขตตะวันตกของเกียวโต เนื้อที่ประมาณห้าหมู่ คฤหาสน์หลังนี้ได้ยินมาว่าเป็นตำหนักอ๋องโบราณแห่งหนึ่ง ต่อมาตระกูลลัดดาวัลย์ได้ซื้อไว้ แล้วเปลี่ยนออกมาเป็นอย่างในปัจจุบัน
คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ได้เก็บรักษาตำหนักอ๋องโบราณนั้นไว้ด้วย เพียงแค่ปรับแต่งเพิ่มเติมในส่วนของโครงสร้างเท่านั้น กังนั้นคฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ในตอนนี้ยังคงมีกลิ่นอายโบราณอยู่
ถ้าทำตรงนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ธุรกิจจะต้องบูมมากแน่ๆ แต่ทว่าทุกคนก็รู้ นี่เป็นถิ่นของตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าใครกล้าบุกรุกเข้ามา งั้นก็มีเพียงรอความตายได้เลย
รถโฟร์คสวาเกนจอดที่ประตูคฤหาสน์ใหญ่ลัดดาวัลย์ รพีพงษ์ลงมาจากรถ กำลังมองไปที่คฤหาสน์หลังนี้ที่เค้าได้อาศัยตั้งแต่เด็กจนโต ในใจเต็มไปด้วยความหดหู่
ยังจำได้ในตอนนั้นที่พ่อเขาชอบพาเขาไปนั่งอยู่บนดาดฟ้าของคฤหาสน์เพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน เวลาผ่านไป ตระกูลลัดดาวัลย์ได้ถูกเปลี่ยนถ่ายอำนาจ แต่พ่อของเขาไม่รู้ว่าไปอยู่มี่ไหนแล้ว
“คุณชาย คุณเข้าไปเองแล้วกัน ผมไปจอดรถ หัวหน้าวงศ์ตระกูลได้กำชับไว้แล้ว คุณชายกลับมา ก็ไปหาเธอที่ห้องของเธอได้เลน แน่นอน ถ้าคุณชายยังไม่อยากเจอคุณท่านล่ะก็ สามารถเดินเล่นๆในบริเวณคฤหาสน์ เพื่อระลึกความหลังก็ได้” นภาดลกล่าว
รพีพงษ์ยิ้ม ในใจคิดวีธราอยากเอาอดีตมาทำให้ตนเองใจอ่อนหรอ เสียดาย หลายปีที่อยู่เมืองริเวอร์นั้น รพีพงษ์ได้เปลี่ยนเป็นคนที่จิตใจแข็งกระด้างไปแล้ว ความอ่อนโยนของเขา จะมีให้เพียงอารียาคนเดียวเท่านั้น
รพีพงษ์เดินตรงไปที่คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ทันใดนั้นความอัดอั้นที่อยู่ในตัวก็ระเบิดออกมา ความเกรี้ยวกราดราวกับราชาที่เคยอยู่ในตัวเขาได้กลับมาอีกครั้ง ในขณะนี้ เขาไม่ใช่ไอ้สวะของเมืองริเวอร์อีกต่อไป และเขาก็จะไม่ทนอีกต่อไป
ตระกูลลัดดาวัลย์ กูรพีพงษ์กลับมาแล้วโว้ย!