พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 198 คุกเข่าขอโทษรพีพงษ์
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 198 คุกเข่าขอโทษรพีพงษ์
บทที่198 คุกเข่าขอโทษรพีพงษ์
บจีมึนงงขึ้นมาทันที จับที่หน้าของตนเองแล้วมองไปที่จิรายุศอย่างไม่เชื่อ
ทุกคนของตระกูลเขมพงศ์ตะลึง พวกเขาไม่คาดคิด แม้แต่คนใหญ่คนโตอย่างจิรายุศ ก็เรียกรพีพงษ์ว่าคุณรพี
พวกเขาได้ยินผิดหรือเปล่า?
ศศินัดดาตะลึง ไม่คิดว่าคนใหญ่คนโตของอำเภอหยกอย่างจิรายุศ จะยินดียินร้ายกับคนนอกพื้นที่อย่างรพีพงษ์ขนาดนี้
เธอหันหน้าไปมองรพีพงษ์ เต็มไปด้วยความสงสัย แล้วถาม “นี่มันคืออะไรกัน?”
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “เขาเป็นเพื่อนของผม คุณรอดูละครก็พอแล้ว”
บจีเพ่งไปที่จิรายุศ แล้วถามอย่างกลัวๆว่า “ท่านยุด คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ไอนั่นมันคือสวะ แล้วยังไม่ใช่คนของอำเภอหยกของเราอีก เขาอยู่ที่นั่นชื่อเสียงแย่มากๆ คุณจำคนผิดหรือเปล่า?”
จิรายุศตบเข้าไปบนหน้าของบจีอีกฉาด แล้วด่า “เย็ดแม่ แม้แต่พี่รพีกูจะจำผิดเลยหรอ? ถ้ามึงยังกล้าว่าเขาเป็นไอ้สวะ กูจะทำให้ตระกูลเขมพงศ์ของพวกมึงอยู่ในอำเภอหยกไม่ได้อีก!”
สีหน้าของไวทยุตเปลี่ยนไป แล้วรีบตะเพิด “บจี แกยังไม่รีบขอโทษท่านยุดอีก หรือแกอยากจะสร้างปัญหามาให้ตระกูลเขมพงศ์ของเรา!”
บจีโมโหเกรี้ยวกราด โดนตบติดกันสองครั้ง แม้เธอจะกลัวจิรายุศ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ทำได้แค่ทน
บจีมองไปที่จิรายุศอย่างโกรธแค้น แล้วกล่าว “ท่านยุด คุณทำแบบนี้ก็รุนแรงเกินไปหน่อยแล้ว เพื่อไอ้สวะนี่ คุ้มกันไหม?”
จิรายุศเห็นบจียังคงต่อร้องต่อเถียงกับเขาอยู่ จึงเตะไปที่ตัวเธอทันที แล้วด่า “มึงฟังคำพูดเมื่อกี๊ที่กูพูดไปไม่รู้เรื่องใช่ไหม? กูจะบอกให้นะ ในอำเภอหยก กูนี่แหละหัวรุนแรง คนที่มันไม่พอใจ ถูกส่งลงนรกไปนานแล้ว ทำไม มึงก็อยากเหมือนพวกเขาใช่ไหม?”
บจีถูกเตะลงไปกับพื้น หลังจากได้ยินคำพูดของจิรายุศแล้ว ใจเธอก็เต้นแรงขึ้นมา เพิ่งจะนึกได้ว่าตนเองกำลังพูดอยู่กับใคร เหงื่อไหลออกมาเต็มหลังในทันที
ปรางทิพย์เห็นบจีถูกเตะลงกับพื้น แล้วรับวิ่งไปพยุงเธอขึ้นมา
เธอมองจิรายุศด้วยสายตาอาฆาต ไม่เข้าใจว่าทำไมแม้แต่เขาก็ออกหน้าช่วยไอ้สวะรพีพงษ์นั่น
“คุณกล้าดียังไงตบแม่ฉัน ในอำเภอหยกคุณเก่งกาจแล้วยังไง สามารถทำร้ายใครก็ได้งั้นหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ยังไงก็เป็นไอ้สวะ ถ้าคุณจะตบก็ต้องตบเขา!” ปรางทิพย์ตะโกน
สีหน้าของบจีเปลี่ยนทันที คำพูดเมื่อกี๊ที่เธอพูด เธอก็รู้สึกเสียใจที่พูดไปแล้ว ไม่คิดว่าปรางทิพย์ก็พูดแบบนี้อีกแล้ว ถ้าจิรายุศลงโทษจริงๆ ครอบครัวพวกเขาต้องจบเห่แน่ๆ
ตุลยวัตรีบเดินไป ตบไปที่หน้าของปรางทิพย์หนึ่งฉาด แล้วด่า “แกพูดบ้าอะไร ท่านยุดเป็นคนที่แกจะพูดอะไรด้วยก็ได้หรอ? แกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?”
ปรางทิพย์จับไปที่หน้าของเธอ มองตุลยวัตอย่างไม่เชื่อ
“พ่อ คุณตบฉัน! ตั้งแต่เล็กจนโตคุณไม่เคยตีฉันเลย!” ปรางทิพย์ตะโกน
ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรท่านยุดแล้ว เธอรู้เพียงแค่ตนเองโดนเอาเปรียบ ความจริงวันนี้ควรจะเป็นครอบครัวอารียาโดนไล่ออกจากตระกูลเขมพงศ์ เธอต้องมีความสุขสิ แต่ทำไมตอนนี้กลับไปเธอและแม่เธอล่ะที่โดนตบ ด้วยนิสัยของเธอ ยังไงก็ยอมไม่ได้
แต่ทว่าเธอกลับไม่คิดทบทวนว่าตัวเองมีสิทธิ์จะต่อกรกับจิรายุศได้ไหม ความโกรธทำให้เธอหน้ามืดตามัว
“ฉันตบไปก็เพราะเป็นผลดีกับแก ตอนนี้รีบขอโทษท่านยุดเสีย มิเช่นนั้นแม้จะเป็นฉันก็ช่วยอะไรแกไม่ได้นะ!” ตุลยวัตขึ้นเสียงด้วยความโกรธ
“ทำไมฉันต้องขอโทษเขา ฉันไม่ขอโทษ หรือเขาจะฆ่าฉัน?” ปรางทิพย์ตะโกน
ทุกคนตกใจมาก ปรางทิพย์กำลังรนหาที่ตายจริงๆ
แกไม่ขอโทษ จิรายุศอาจจะจัดการแกจริงๆก็ได้นะ
ไวทยุตมองไปที่ปรางทิพย์อย่างบูดบึ้ง ปกติเขาชอบหลานสาวคนนี้มากที่สุด ไม่คาดคิดว่าช่วงเวลาสำคัญ หลานสาวคนนี้จะรนหาที่ตายแบบนี้ นี่เป็นการทำให้ตระกูลกำลังดิ่งลงเหวจริงๆ
“ปรางทิพย์ รีบขอโทษท่านยุด มิเช่นนั้นแกอย่าว่าฉันเปลี่ยนไปนะ!” ไวทยุตตะโกน
ปรางทิพย์มองไปที่ไวทยุต ไม่คาดคิดว่าคุณปู่ที่รักเธอที่สุดก็ให้เธอขอโทษ ในใจเธอเกิดความต่อต้านขึ้นมา
“ฉันไม่ขอโทษ ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย คุณปู่ ตระกูลเขมพงศ์ของเราเป็นตระกูลใหญ่ ทำไมต้องกลัวเขา เขาเก่งกาจแล้วยังไง หรือสามารถกวาดล้างตระกูลเขมพงศ์ของเราได้หรอ?” ปรางทิพย์ตะโกน
ไวทยุตโดนยั่วโมโหจนพูดไม่ออกแล้ว คำพูดนี้ของปรางทิพย์กำลังบีบให้ตระกูลเขมพงศ์ไม่มีทางไปแล้วจริงๆ
จิรายุศมองไปที่ปรางทิพย์อย่างเยือกเย็น แล้วกล่าว ความจริงกูยังคิดอยู่ว่าตระกูลเขมพงศ์ของพวกมึงก็ถือเป็นตระกูลที่มีมาช้านาน การอบรมสั่งสอนก็ไม่น่าจะแย่ วันนี้ได้เห็น ถึงรู้ว่า คนของตระกูลเขมพงศ์ของพวกมึง แต่ล่ะคนที่เก่งใช่ย่อยเลยนะ กล้ายั่วกูได้ขนาดนี้ ดูๆแล้วถ้ากูไม่แสดงตัวตนออกมา พวกมึงคิดว่ากูจะไม่กล้าทำอะไรกับพวกมึงแล้วใช่ไหม?
ใบหน้าของบจีปละตุลยวัตเคร่งเครียดขึ้นมา แล้วรีบอ้อนวอน “ท่านยุด ลูกสาวฉันไม่ได้ตั้งใจ เธอเพิ่งจะอกหัก ยังเสียใจไม่หาย ท่านยุดได้โปรดอย่าถือสาเลย”
“เหอะเหอะ เธออกหักแล้วเกี่ยวอะไรกับกู กูแค่ให้ความสำคัญกับตำแหน่งในอำเภอหยกของกู เธอกล้ายั่วกู งั้นกูก็จะไม่มีทางปล่อยไป กูคิดก่อนนะครั้งที่แล้วใครที่พูดกับกูแบบนี้ คิดออกล่ะ ครั้งที่แล้วคือตระกูลวัชรชัย ลูกชายเขาก็แบบแกนี่แหละ ไม่เอากูจิรายุศไว้ในสายตา เสียดาย ตอนนี้ที่อำเภอหยกหาคนอีกครึ่งของตระกูลวัชรชัยไม่เจอแล้ว” จิรายุศกล่าวอย่างเยือกเย็น
หลังจากที่ปรางทิพย์ได้ยินคำพูดนี้ของจิรายุศแล้ว ในใจก็เต้นรัวๆ เมื่อก่อนเธอและคุณชายนั้นของตระกูลวัชรชัยคือเพื่อนที่ดีต่อกัน ทั้งคู่เล่นด้วยกันบ่อยครั้ง ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในค่ำคืนเดียวตระกูลวัชรชัยก็ได้หายไปทั้งหมด หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้เจอกับคุณชายแห่งตระกูลวัชรชัยนั้นอีกเลย
ตอนนี้ได้ยินจิรายุศพูดแบบนี้ เธอถึงนึกออก บางทีตระกูลวัชรชัยอาจจะถูกจิรายุศกวาดล้างไปแล้ว
ทันใดนั้นปรางทิพย์ก็รู้สึกตัวขึ้นมา เมื่อกี๊เป็นเพราะความไม่พอใจและเสียเปรียบอย่างมาก จึงทำให้เกิดอารมณ์บ้าขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่ทันได้คิดว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ที่จะไปต่อกรใดๆกับท่านยุด
จนมาถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าจิรายุศนั้นเป็นเจ้าแห่งปฐพีของอำเภอหยก ไม่ต้องพูดถึงตระกูลเขมพงศ์ ทั้งอำเภอหยก ก็ไม่มีใครที่จะเทียบกับจิรายุศได้อีกแล้ว
นึกถึงตอนนั้นที่เธอพูดกับจิรายุศ ร่างกายของปรางทิพย์ก็สั่นขึ้นมาไม่หยุด ถ้าจิรายุศทำอะไรกับตระกูลเขมพงศ์เพราะเธอ งั้นเธอก็จะถือเป็นคนร้ายของตระกูลเขมพงศ์ทันที
“ท่านยุด ฉันผิดไปแล้ว เมื่อกี๊สมองฉันเบลอไป ขอคุณได้โปรดปล่อยฉันไปด้วยเถิด ฉันไม่ได้อยากที่จะยั่วคุณจริงๆ” ปรางทิพย์รีบกล่าว
“เหอะเหอะ ตอนนี้พูดแบบนี้ เกรงว่าจะสายไปแล้ว” จิรายุศยิ้มอย่างเยือกเย็น
ไวทยุตเห็นดังนี้ รีบเดินไปข้างหน้าของจิรายุศ จากนั้นก็เปล่งเสียง แล้วคุกเข่าต่อหน้าจิรายุศ
“ท่านยุด ขอคุณเห็นแก่ผู้เฒ่าอย่างผมเถิดนะ ปล่อยปรางทิพย์ไป ตระกูลเขมพงศ์มาถึงจุดนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย หวังว่าท่านยุดจะเมตตา แม้ต้องให้ผมก้มหัวให้ ผมก็จะไม่ปฏิเสธ!” ไวทยุตกล่าว
จิรายุศยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วกล่าว “แกก้มหัวให้ฉันก็ไม่มีประโยชน์ ที่พวกเขายั่วโมโหหนะไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคุณรพี ถ้าพวกแกไม่อยากโดนกวาดล้าง ก็ไปก้มหัวกับรพีพงษ์พวกเขานู่น”
ไวทยุตหันไปมองรพีพงษ์พวกเขา ในแววตาสะท้อนความลำบากใจออกมา แต่ตอนนี้เป็นช่วงความเป็นความตายของตระกูลเขมพงศ์ ถึงแม้ไม่อยากทำ เขาก็จำเป็นต้องทำ
เขาหันไปมองครอบครัวบจีทั้งสาม แล้วพูดอย่างเยือกเย็น “พวกแกทั้งสามยังจะรออะไรอีก ยังไม่รีบไปคุกเข่าขอโทษรพีพงษ์อีก!”
ใบหน้าของบจีและปรางทิพย์ไม่เต็มใจ ให้พวกเขาคุกเข่าขอโทษรพีพงษ์ เปรียบเสมือนได้ฆ่าพวกเขาแล้วจริงๆ
แต่ทว่าตอนนี้เป็นเหตุการณ์พิเศษ จิรายุศได้พูดออกมาแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ขอโทษ ตระกูลเขมพงศ์จบเห่แน่ๆ
ตุลยวัตมองไปที่แม่ลูกทั้งคู่ เสียใจที่แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ ไม่งั้นวันนี้ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน
“ไปเถอะ วันนี้ไม่ขอโทษไม่ได้แล้ว” ตุลยวัตกล่าว
ทั้งสามเดินไปที่หน้าครอบครัวรพีพงษ์พร้อมกัน แล้วคุกเข่า
ศศินัดดาเห็นครอบครัวบจีคุกเข่าให้พวกเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความสะใจ สุดท้ายพวกแกก็มีวันนี้ ตอนนั้นที่ไล่พวกเราออกจากตระกูลเขมพงศ์นั้น ทำไมไม่เห็นพวกแกเป็นแบบนี้
บจีกัดฟัน ทำไมเธอถึงได้ยอมคุกเข้าให้ศศินัดดา แต่ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เธอที่ตัดสินใจแล้ว
ใบหน้าของปรางทิพย์เต็มไปด้วยความโกรธแค้น รู้สึกว่าเรื่องเปลี่ยนไปเช่นนี้นั้น เป็นเพราะอารียาและรพีพงษ์สองคนนี้ทั้งหมด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเธอเลย
เธอรู้สึกว่าตนเองถูกทำร้าย แล้วยังต้องคุกเข่าขอโทษอารียาอีก นี่มันชั่งไม่ยุติธรรมจริงๆ
“พวกเราขอโทษพวกแก หวังว่าพวกแกจะยกโทษให้พวกเรา ทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าทะเลาะกันขนาดนี้อีกเลย” ตุลยวัตกล่าว
“ขอโทษนะ พวกเราไม่รับคำขอโทษจากพวกแก”รพีพงษ์มองพวกเขาทั้งสามอย่างเยือกเย็น
การกระทำทั้งหมดของครอบครัวบจีทั้งสาม ในสายตารพีพงษ์ ไม่ใช่คุกเข่าขอโทษแล้วจะจบ พวกเขาต้องได้รับบทลงโทษ
“รพีพงษ์ แกหยุดได้คืบแล้วจะเอาศอก! แกอย่าคิดว่ามีท่านยุดคอยปกป้องแกอยู่ แล้วจะมาอวดเก่งกับพวกเราได้ ยังไงแกก็ยังเป็นไอ้สวะอยู่ดี ไม่มีท่านยุด แกก็ไม่มีค่าอะไรแล้ว!” ปรางทิพย์ตะโกน
รพีพงษ์ยิ้ม และไม่ได้สนใจเธอ
จิรายุศมองไปที่รพีพงษ์ แล้วถาม “คุณรพี คุณจะจัดการพวกเขาอย่างไร ผมฟังคุณ”
“รพีพงษ์ ก่อนหน้านี้พวกเราเป็นฝ่ายผิด แกช่วยเห็นแก่ผู้เฒ่าคนนี้ แล้วปล่อยตระกูลเขมพงศ์ไปเถอะนะ”ไวทยุตอ้อนวอน
รพีพงษ์มองไปที่เขา แล้วกล่าว “ผมปล่อยตระกูลเขมพงศ์ได้ แต่คุณต้องยอมรับเงื่อนไขของผม”
ไวทยุตถามทันที “เงื่อนไขอะไร?”
“ก่อนหน้านี้พวกเราให้ของขวัญคุณ คุณได้ไล่พวกเราออกจากตระกูลเขมพงศ์แล้ว ถึงตอนนี้ครอบครัวปรางทิพย์ได้ทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุขนาดนี้ คุณก็ควรที่จะใจกว้าง ไล่พวกเขาออกจากตระกูลเขมพงศ์เช่นกัน ถ้าเรื่องนี้ยังทำไม่ได้ งั้นตระกูลเขมพงศ์ของคุณ ก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องปล่อยไว้” รพีพงษ์กล่าว
บจีทั้งสามเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด บจีเพ่งไปที่รพีพงษ์ แล้วตะคอก “รพีพงษ์ แกหยุดคิดว่าตัวเองสำคัญได้ล่ะ ท่านไวทยุตจะไล่พวกเราออกจากตระกูลเขมพงศ์ได้ยังไงกัน แกพอเหมาะพอควรก็พอแล้ว หรือแกคิดว่าตัวเองสามารถลิขิตชะตาของตระกูลเขมพงศ์ได้งั้นหรอ?”
ไวทยุตลังเล ในสายตาเขา รพีพงษ์ไม่สามารถกำหนดชะตาของตระกูลเขมพงศ์ได้ แต่จิรายุศทำได้ ตอนนี้จิรายุศออกหน้าแทนรพีพงษ์ ถ้าเขาไม่ทำให้รพีพงษ์พอใจ จิรายุศจะต้องเล่นงานตระกูลเขมพงศ์เป็นแน่
หลังจากที่ได้ไตร่ตรองดูแล้ว ไวทยุตถอนหายใจยาวๆ แล้วกล่าว “ได้ ฉันตกลง”