พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 18 น่าขำ
บทที่ 18 น่าขำ
ข้างนอกกำแพงของวิลล่าฟ้าอนงค์ มีคนรูปร่างผอมสองคนกำลังเดินทำท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่ริมกำแพง
ทั้งสองคนมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางที่ชำนาญ ดูก็รู้ว่าเป็นโจรมืออาชีพ
พวกมันเป็นคนที่ธายุกรสั่งให้อินทัชหามาให้ ใน เมืองริเวอร์พวกมันขึ้นชื่อเรื่องการขโมยเป็นอย่างยิ่ง
“พี่ พี่ว่าข้างในจะมีการคุ้มกันอย่างหนาแน่นไหม ถึงแม้ว่าการเข้าไปขโมยวัตถุโบราณเราจะสามารถแฝงตัวเข้าไปกับคนที่มาร่วมงาน แต่ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆ” ชายรูปร่างค่อนข้างเล็กเอ่ยขึ้น
“มีลางสังหรณ์ไม่ดี แกไม่ได้ยินเหรอว่านิทรรศการนี้ อารียาคนในตระกูลฉัตรมงคลเป็นคนรับผิดชอบ แล้วผัวของอารียาก็คือคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสวะของเมืองนี้ พวกมันจัดงานนี้มันจะเอาปัญญาที่ไหนไปเชิญคนที่เก่งๆ มาล่ะ”
“แต่ผมสงสัยว่า พวกมันคงคิดไม่ถึงว่าวัตถุโบราณจะถูกขโมย แล้วความผิดนี้ก็จะไปตกอยู่กับรพีพงษ์ คงไม่มีใครมาเฝ้าวัตถุโบราณให้พวกมันหรอก”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายคนนั้นก็พยักหน้า “ใช่ ในตระกูลฉัตรมงคลจะมีใครเก่งล่ะ ตอนนี้พวกเรากลัวแค่ลูกน้องของไตรทศ ดูแล้วตระกูลฉัตรมงคลคงไม่มีปัญญาไปใช้คนของไตรทศหรอก ยิ่งไปกว่านั้นไอ้สวะรพีพงษ์ก็เป็นคนรับผิดชอบงานนี้”
พวกมันไม่กังวลอีกแล้ว พวกมันแฝงตัวเข้าไปในวิลล่าฟ้าอนงค์ แล้วเข้าไปในงาน
อารียากับรพีพงษ์กำลังทานข้าวเที่ยงอยู่ในปราสาท เขาจ้างเชฟมิชลินสามดาวชื่อดังชาวฝรั่งเศสมาปรุงอาหารให้พวกเขา
หลังทานเข้าเสร็จ อารียาเก็บสร้อยคอหัวใจวีตัส เพราะว่าสร้อยแพงขนาดนี้เธอไม่กล้าใส่ออกไปไหนมาไหน
ถ้าหากมันหายไปก็เท่ากับเงินสี่สิบห้าล้านหายไปด้วย
อีกทั้ง รพีพงษ์กำชับไม่ให้เธอพูดอะไรออกไป อย่าให้เรื่องนี้เล็ดลอดออกไป นี่คือวิถีของผู้มีอำนาจ
ทั้งสองออกมาจากปราสาทด้วยกัน จากนั้นก็เดินไปยังสวนดอกไม้
จนกระทั่งตอนนี้ อารียายังคิดว่าตัวเองฝันไป
หลังจากที่ทั้งสองอยู่ที่สวนดอกไม้ไม่นาน ก็เรียกสายตาผู้คนได้ไม่น้อย
“ดูสิ อารียาออกมาแล้ว”
“ไอ้สวะรพีพงษ์ ก็ออกมาด้วย แล้วเจ้าของวิลล่าฟ้าอนงค์ล่ะ หรือว่าเขาไม่อยากให้ใครเห็นหน้า”
“พวกเธอเห็นไหม อารียา ตาแดงเหมือนเพิ่งร้องไห้มาเลย”
ชรินทร์ทิพย์กับธายุกรก็เดินเข้าไปหา อารียา พวกเขาสังเกตเห็นเหมือนกับว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
ชรินทร์ทิพย์ตาเป็นประกายเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง
“ผู้หญิงต่ำตมคนนี้คงจะอยากจับเจ้าของวิลล่าฟ้าอนงค์ แต่เขาคงเห็นมันเป็นแค่ของเล่นเท่านั้น นี่ก็คงโดนเฉดหัวทิ้งมาสินะ”
“ฉันก็คิดว่าเจ้าของที่นี่ตั้งใจต้อนรับเธอจะเป็นเรื่องที่ดี สุดท้ายก็เผยธาตุแท้ออกมา ดูสารรูปของมันแล้วน่าจะร้องไห้ซะนานเชียวล่ะ” ชรินทร์ทิพย์ พูดอย่างหนักแน่น
“ที่น้องพูดก็มีเหตุผล ฉันว่าเจ้าของที่นี่คงจะเจอรพีพงษ์ มันไม่โผล่หัวมาเลย แล้วนี่มันคงทนไม่ไหวเลยโผล่หัวมาทำลายโอกาสดีๆ ของอารียา ไม่รู้ว่าอารียาจะหย่ากับมันไหม” ธายุกรก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน
พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้คิดไปในทางอื่นเลย คิดตามแต่ที่ตัวเองเข้าใจเท่านั้น
อีกอย่างรพีพงษ์ก็เป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ยังไงก็ไม่มีทางเกี่ยวข้องกับเจ้าของวิลล่าฟ้าอนงค์
ตอนที่ อารียากินข้าวกับรพีพงษ์ ชรินทร์ทิพย์ก็พูดให้ร้ายเธอไม่น้อย
แล้วนี่มาเห็นว่าเธอเหมือนร้องไห้มา คนจำนวนมากต่างก็พากันคิดว่าเธอเป็นแค่ของเล่นของเจ้าของที่นี่เท่านั้น
“น่าสงสารจัง อารียาคงอยากจะจับเจ้าของที่นี่ แต่น่าเสียดายที่เธอไปแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์อย่างรพีพงษ์เสียแล้ว”
“ได้ยินมาว่าเจ้าของที่นี่เป็นคนซื้อสร้อยคอหัวใจวีตัส ไม่รู้ว่าเขาเอาไปให้ใครเหมือนกัน”
“แต่ไม่น่าจะใช่อารียา ที่เธอร้องไห้ ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะอยากได้สร้อยเส้นนั้นก็ได้นะ”
ชรินทร์ทิพย์กับธายุกรเดินเข้าไปหารพีพงษ์ ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยท่าทียโส “โอ้ พี่ร้องไห้มาเหรอคะ ทำไมล่ะคะ หรือว่าเจ้าของที่นี่เขารังเกียจที่พี่แต่งงานกับรพีพงษ์ เขาเลยเฉดหัวพี่ทิ้ง”
อารียาส่งเสียงหึในลำคอ เธอไม่ได้สนใจคำพูดของชรินทร์ทิพย์
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ารพีพงษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นคิด ดังนั้นไม่ว่าใครจะพูดดูถูกเขาอย่างไร เธอก็จะไม่น้อยใจเด็ดขาด
ในทางกลับกันเธอกลับรู้สึกว่าคนพวกนี้ช่างน่าขำสิ้นดี
“อารียา เธอจำเรื่องวันนี้ไว้ให้ดี เพราะไม่ใช่แค่เธอจะโดนเจ้าของที่นี่เฉดหัวทิ้ง งานครั้งนี้เธอก็ไม่สามารถทำมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบเหมือนกัน คุณปู่จะต้องเฉดหัวแกกับไอ้สวะนั่นออกจากตระกูลแน่นอน”
ธายุกรแสยะยิ้มแล้วปรายตามองอารียา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความพออกพอใจ
เขาวางใจในฝีมือลูกน้องของอินทัช ในฐานะหนึ่งในสามราชาแถบเมืองชลาลัย ชื่อเสียงของอินทัชไม่ใช่เพียงแค่การคุยโม้โอ้อวดอย่างแน่นอน
ขอแค่ครั้งนี้ไม่มีคนของพิชญุตม์กับไตรทศเข้ามาจุ้นจ้าน เรื่องนี้จะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน
อีกอย่างรพีพงษ์กับอารียาจะมีปัญญาเชิญคนของพิชญุตม์กับไตรทศมาเหรอ
แน่นอนว่าไม่
ธายุกรเพิ่งพูดจบ ความโกลาหลก็ดังมาจากที่ไม่ไกลจากสวนดอกไม้
ทุกคนต่างพากันหันไปมองยังต้นเสียง
“รีบวิ่งเร็ว เราโดนจับได้แล้ว พวกมันเตรียมการเอาไว้แล้ว พวกเราสู้มันไม่ได้แน่นอน”
“พี่ ไหนพี่บอกว่าพวกมันจะไม่จัดคนไปเฝ้าวัตถุโบราณไง ทำไมถึงมีคนรู้ว่าเราจะมาขโมยล่ะ”
“แกถามข้า แล้วข้าจะไปถามใครล่ะ โอ๊ย พี่ เบาๆ หน่อย”
คนของไตรทศจัดการได้ด้วยความรวดเร็วโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม พวกเขากดพวกโจรที่มาขโมยวัตถุโบราณลงบนพื้น
ทุกคนต่างพากันมามุงดูโจรทั้งสองคนที่ถูกกดลงพื้นด้วยท่าทางแปลกใจ
“นี่คือขโมยที่ขึ้นชื่อในเมืองริเวอร์นิ ทำไมพวกมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“ยังจะต้องพูดอะไรอีกล่ะ ก็มาขโมยวัตถุโบราณไง”
“คิดไม่ถึงว่าอารียาจะฉลาดจัดคนไปเฝ้าวัตถุโบราณพวกนั้น”
หลังจากที่คนของไตรทศ จับหัวขโมยได้แล้ว จากนั้นก็พาพวกมันมาหารพีพงษ์กับอารียา
“พูดความจริงออกมา ถ้าแกตุกติก ฉันจะหักขาแก!” ชายร่างกายกำยำเอ่ยขึ้นด้วยเสียงดัง จากนั้นก็หันไปหารพีพงษ์ “พี่รพี ไอ้สองคนนี่มันจะมาขโมยวัตถุโบราณ แต่ถูกพวกเราจำได้ก่อน เราจะจัดการกับมันอย่างไรดีครับ”
ชายร่างกายกำยำคนนี้มีชื่อว่า พัชรพล เขาเป็นลูกน้องมือหนึ่งของไตรทศ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าของคนที่ ไตรทศส่งมาที่นี่
รพีพงษ์ปรายตามองสองคนที่อยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็หันไปมองธายุกร แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณเพิ่งพูดว่า งานครั้งนี้จะไม่สมบูรณ์แบบ พวกมันสองคนคือคนที่คุณส่งมาฉันไหม”