พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1625 ไฟไหม้ป่า
พอได้ยินบวรวิทย์พูดดังนั้น รพีพงษ์ก็เอามือตบไหล่ของบวรวิทย์ แล้วพูดว่า “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ระหว่างคุณกับผมยังไม่รู้จักกันดีหรือไง คุณก็อย่าเชิดชูผมขนาดนั้น เดี๋ยวตกลงมาแล้วมันจะตัวเปล่าๆ”
บวรวิทย์ให้เขาไปพักผ่อน เขาเองก็อยากจะพักเสียหน่อย อยากจะสัมผัสถึงความรู้สึกที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรเลย
เวลาที่ไม่ต้องกังวลเรื่องใดเลย ก็คือตอนที่ได้อยู่กับอารียา หนูลินก็ไม่ได้ถูกตราชิงวิญญาณของนรเทพ ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก
ตอนนี้ทหารพวกนั้นของเดชา ใกล้จะสิ้นท่าแล้ว เรื่องนี้มันเป็นผลดีกับรพีพงษ์
และตอนนี้ก็มียอดฝีมืออยู่ที่นี่มากมาย ต่อให้รพีพงษ์ไม่ต้องสนใจอะไรเลยก็ยังสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ มีปริตร บวรวิทย์ และยัยหิมะ ทุกอย่างมันเรียบร้อยดี
ยัยหิมะและรพีพงษ์ พักผ่อนเหมือนกัน เธอก็ง่วงแล้ว พอเห็นว่ารพีพงษ์ไปพักผ่อน ก็เลยเดินไปข้างๆ รพีพงษ์ แล้วพูดว่า “ฉันตามคุณไปตลอด ตอนนี้ก็ง่วงเหมือนกัน ถ้าคุณไม่รังเกียจ ฉันก็จะขึ้นไปละนะ?”
รพีพงษ์นอนอยู่บนหลังของกิเลน กิเลนก็มองบนใส่ผลิน พูดว่า “บนหลังข้าเป็นที่ของเจ้านายข้า ไม่ใช่ที่ของเจ้า เจ้าจะมาถือโอกาสเอาเปรียบข้าทำไม?”
“ฉันเป็นน้องสาวของรพีพงษ์ เจ้าเป็นสัตว์พาหนะของรพีพงษ์ หรือถ้าพูดไปแล้ว ฉันก็เป็นเจ้านายของเจ้าเหมือนกัน ดังนั้นก็ต้องดูแลฉันให้ดีเหมือนกัน มันสมควรไหมล่ะ เจ้าลองคิดดูสิ?”
กิเลนก็คิด แล้วรู้สึกว่ามีเหตุผล แต่ว่ามันไม่ชอบผลินเอาเสียเลย คิดแต่จะมาเข้าใกล้เน้านายอยู่นั่น
ผลินก็มองกิเลน แล้วก็ยิ้มอย่างเอือมระอา จะว่าไปตนเองก็แค่พูดไปอย่างนั้น ถ้ากิเลนไม่ยินยอมก็ไม่เป็นไร
รพีพงษ์ก็เงียบอยู่อีกฝั่ง ระหว่างผู้หญิงผู้ชาย ต่อให้เป็นพี่ชายกับน้องสาวก็ต้องรักษาระยะห่าง ผลินไม่ขึ้นมา กิเลนเองก็ไม่ยอม ตนเองไม่ต้องพูดอะไร เรื่องนี้ก็จบได้
ในใจของผลินคิดอย่างไร เขาไม่สน ตอนนี้ต้องการเพียงนอนพักผ่อนให้อิ่ม ฟื้นสติของตนเองขึ้นมาให้ดี เดี๋ยวพอตื่นขึ้นมาได้เข้าแอบเข้าไปดูในป่า ว่าแผนยุแยงให้แตกแยกของตนเองนั้น ได้ผลหรือไม่
ผลินเห็นว่ารพีพงษ์ไม่พูดอะไร กิเลนก็ไม่คิดจะหาเรื่องผลิน แล้วก็โน้มตัวลงมา
ผลินรู้ว่ากิเลนล้อเล่น แต่ว่ารพีพงษ์ไม่พูด แสดงว่าไม่เห็นด้วย ผลินก็ไม่โง่ เธอก็เลยพูดอย่างไม่พอใจว่า “ฉันไม่ขึ้นไปละ พวกคุณก็พักผ่อนให้ดีก็แล้วกัน”
เธออยากจะกลับไปที่ตำหนักอ๋อง ตอนนี้นึกดูแล้ว ไม่มีที่ไหนสบายใจเท่ากับที่ตำหนักอ๋องแล้ว
เธอก็เลยนอนอยู่ที่เท้าของกิเลน รพีพงษ์เห็นเธอนอนแบบนั้น ก็เลยถามว่า “คุณจะกลับไปไหม ถ้าจะกลับ ผมจะได้ให้บวรวิทย์ไปส่งคุณ ดีไหม?”
“ไม่ไป พี่อยู่ที่ไหน ฉันก็อยู่ที่นั่นแหละ ฉันไม่อยากแยกกับคุณ” ผลินเปลี่ยนคำพูดที่พูดกับรพีพงษ์ เธอคิดว่ารพีพงษ์ได้ยินคำเรียกนี้ คงจะดีใจขึ้นมาบ้าง
ผลินคิดได้ไม่เลว เป็นอย่างนั้นจริง รพีพงษ์ได้ยินผลินเรียกตนเองว่าพี่ ก็ดีใจขึ้นมา
เขาพูดว่า “คำเรียกนี้ไม่เลวเลยนะ ต่อไปก็เรียกผมแบบนี้แล้วกัน เข้าใจแล้วใช่ไหม?”
“ฉันพูดออกมาแล้ว ต่อไปถ้าจะให้เปลี่ยน มันไม่ง่ายแล้วนะ พี่ว่าใช่ไหมล่ะ?” ผลินได้ยินรพีพงษ์พูด ก็หัวเราะปากกว้าง สรุปไม่ว่าอย่างไร ขอเพียงรพีพงษ์สบายใจ ผลินก็ดีใจไปด้วย
ในสายตาของผลินนั้น รพีพงษ์เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ
ตอนนี้ไม่ว่าผลินจะทำอะไรลงไป ก็เพราะเพื่อที่จะได้อยู่กับรพีพงษ์ ผลินไม่ยอมกลับไป รพีพงษ์ก็ขี้เกียจจะโน้มน้าวให้เธอกลับ จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้ไป ที่ปลายนิ้วของเขาเกิดเป็นแสงออกมา ใช้พลังสร้างบ้านหลังเล็กๆ ขึ้นมาข้างๆ กิเลน
ผลินก็มองอย่างตกใจ พูดว่า “สร้างมาให้ฉันใช่ไหมพี่?”
“ใช่ คนที่นี่มีแต่ผู้ชาย ถึงแม้จะมียัยหิมะด้วย แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่ลงมาจากภูเขาหิมะ ไม่ได้ใช้ของพวกนี้หรอก มีคุณคนเดียวแหละ เป็นไงล่ะ เตรียมที่ให้พักผ่อนด้วยเนี่ย”
ผลินเรียกรพีพงษ์ว่าพี่ ตนเองก็รู้สึกแปลกๆ ที่รพีพงษ์ชอบให้เรียกแบบนี้ ก็เพราะว่าก่อนที่ตนเองจะพบกับอารียานั้น เขาจะต้องไม่ให้อารียาเข้าใจผิดว่าตนเองกับผลินมีความสัมพันธ์อะไรกัน
ตอนนี้ผลินเรียกตนเองว่าพี่ พออยู่ต่อหน้าอารียา จะได้บอกได้ว่านี่เป็นน้องสาวที่ตนเองยอมรับเอง แบบนั้นอารียาก็จะไม่ได้คิดอะไรเป็นอื่น
นึกถึงหนูลิน ปากของเขาก็หลุดยิ้มออกมา หลับใหลในความฝัน ฝันเห็นภรรยาและลูกสาวของตนเอง
ทหารคนนั้นถูกบวรวิทย์จัดการให้ไปอยู่ที่ปลอดภัย ไม่เพียงปลอดภัย แถมยังมีของกินอย่างดี ทหารคนนั้นคิดว่านี่เป็นความสูงแบบเทพเซียนในแต่ละวันเลย เมื่อเทียบกับสภาพที่อยู่กับเดชาแล้ว ที่นั่นมันไม่ได้ดีเลย
ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปก็จะเลือกมาอยู่ฝั่งของบวรวิทย์นี่แหละ จริงๆ แล้วช่วงนี้เดชาบ้าไปแล้ว พูดอะไรก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้
พอนึกดูแล้ว หลายชั่วโมงก่อนที่เห็นสัตว์ตัวใหญ่ยักษ์นั้นเป็นเรื่องแรก ต่อมาก็เจอกับฝูงหมาป่า เขาล้วนสนใจแต่ตัวเอง คนอื่นจะเป็นตายอย่างไรไม่สนใจเลย
แม่ทัพแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร บวรวิทย์ก็ไม่รอช้า ก็เลยเข้ามาถามทหารคนนั้นที่บริเวณที่พัก “ตอนนี้เอ็งได้ออกมาแล้ว ยังคิดจะกลับไปไหม?”
“อยากกลับไปสิ ถ้าผ่านช่วงนี้ไป ผมยังมีพี่น้องข้างในอีกมากมาย ผมอยากให้พี่น้องทุกคนได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเดชา จะให้เดชาหลอกลวงต่อไปไม่ได้ เดชามันไม่ใช่คนดีอะไร พวกเราถูกมันหลอกมาโดยตลอด”
ยิ่งพูดยิ่งโมโห ที่สำคัญคือถูกเดชามันหลอกเอา แถมยังต้องมาตายแทนมันอีก ทหารคนนี้พูดอยู่ข้างหูของบวรวิทย์ ยิ่งพูดยิ่งโกรธ ที่บวรวิทย์ต้องการก็คือแบบนี้แหละ ทหารคนนั้นพูดออกมาเองแบบนี้ บวรวิทย์แค่ใส่ไฟเพิ่มลงไปนิดหน่อย ทุกอย่างก็สำเร็จ
ทางฝั่งของทหารคนนั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว บวรวิทย์ก็มองไปยังบ้านหลังน้อยๆ ทางกิเลน รู้ว่าผลินอยู่ข้างใน แล้วก็มองไปยังรพีพงษ์ แล้วก็รู้ว่ารพีพงษ์ตัดสินใจอย่างไร
นี่คือการสร้างระยะห่างระหว่างผลิน และรู้ว่า ถ้าจบเรื่องนี้ไป รพีพงษ์ก็จะกลับไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพ่อของเขาบอกว่ารพีพงษ์จะกลับไปตอนนี้มันยังไม่เหมาะ เกรงว่าตอนนี้รพีพงษ์ก็คงกลับไปยังสถานที่ของตนเองแล้วล่ะ
บวรวิทย์และรพีพงษ์อยู่ด้วยกันมาช่วงนี้ ก็รู้สึกว่าไม่อยากให้รพีพงษ์กลับไปเหมือนกัน แต่ว่าไม่มีงานเลี้ยงไหนไม่เลิกรา ต่อให้เสียดายก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ตอนที่ในใจคิดเรื่องนี้อยู่นั้น ก็เห็นว่าในป่ามีไฟพวยพุ่งสูงขึ้นฟ้า ปริตรก็พูดว่า “ทำไมไฟถึงไหม้ได้?”
ยัยหิมะก็ขมวดคิ้ว แล้วก็พูดอย่างกัวลว่า “พวกสัตว์ล้วนกลัวไฟ พวกนั้นคงจะจุดไฟเผาหมาป่า ถือว่าเป็นวิธีที่ดี แต่ถ้าไม่ระวัง ทั้งป่าก็จะได้รับเคราะห์ไปด้วย จะต้องห้ามไม่ให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด”
สีหน้าของยัยหิมะนั้น ปริตรก็เห็นเต็มสองตา ความคิดของยัยหิมะ เขารู้ดี ถ้าไฟไหม้ป่าขึ้นมา ระบบนิเวศของเมืองแฟรี่ทั้งหมด ก็จะถูกทำลายสิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องพลังทิพย์เลย มันจะกลายเป็นสูญเสียพลังทิพย์แบบบนโลก มันคือการสูญเสีย……