พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 13 เรียกไตรทศออกมาพบฉัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 13 เรียกไตรทศออกมาพบฉัน
บทที่ 13 เรียกไตรทศออกมาพบฉัน
เมื่อพี่ฮันน่าได้ยินตัวเลขที่พนักงานบอก เธอถึงกับเบิกตาโพลง เธอคิดว่าตัวเองหูฝาดไป จึงรีบวิ่งไปดูหน้าจอคอมพิวเตอร์
“หน่วย สิบ ร้อย สิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน มะ หมื่นล้าน!”
เธอตกใจจนแทบจะสะดุ้งออกมา
“ในบัตรของนายมีเงินหมื่นล้านจริงๆ!” พี่ฮันน่ารู้สึกว่าตัวเองหายใจแรง มือทั้งสองข้างสั่นไปหมด
รพีพงษ์ยื่นมือไปหยิบบัตรกลับมา แล้วพูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้ผมดูเหมาะที่จะเข้าไปร่วมงานแล้วหรือยัง”
พี่ฮันน่ากลืนน้ำลายลงคอ เธอมีสีหน้าละอายใจ แล้วรีบพูดขึ้นมาว่า “มะ เหมาะสมค่ะ คุณผู้ชาย เมื่อกี้ฉันขอโทษจริงๆ นะคะ ฉันมีตาหามีแววไม่ แสดงกิริยาที่ไม่ดีกับคุณผู้ชาย หวังว่าคุณผู้ชายจะไม่ถือโทษโกรธนะคะ เดี๋ยวฉันจะพาคุณเข้าไปในทางของแขกวีไอพีค่ะ แล้วจะจัดห้องส่วนตัวให้คุณด้วยค่ะ”
รพีพงษ์ไม่พูดอะไรแล้วเดินออกมาพร้อมกับพี่ฮันน่า พวกเขาเดินเข้าไปตามทางเดินสำหรับแขกวีไอพี เมื่อเดินเข้าไปถึงในงานประมูล เขาเข้าไปในห้องส่วนตัวเฉพาะแขกวีไอพีเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ เขาสามารถทำการประมูลผ่านปุ่มที่ติดตั้งอยู่ในห้อง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้ประมูล นับว่าเป็นการป้องกันความปลอดภัยให้กับแขกวีไอพีด้วย
เมื่อพี่ฮันน่าส่งรพีพงษ์เข้าไปในห้องเรียบร้อย เธอจึงเดินออกมา เธอถอนหายใจพรวดออกมา เมื่อกี้ตอนที่เธอส่งเขาเข้าไปในห้อง มือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ
ชายสองคนที่กันรพีพงษ์เอาไว้เมื่อตอนแรกเดินเข้ามาหาเธอ สีหน้าของชายทั้งสองดูงุนงง
“พี่ฮันน่า คุณให้ไอ้ขอทานนั่นเข้าไปในนั้นทำไมครับ แถมยังให้มันเดินทางสำหรับแขกวีไอพีด้วย มันให้อะไรคุณเหรอครับ” ผู้ชายหนึ่งในนั้นเอ่ยปากถาม
เธอไม่พูดอะไรแล้วตบผู้ชายคนนั้นไปหนึ่งฉาด จากนั้นก็ก่นด่าว่า “ระวังปากแกไว้ให้ดี ท่านนั้นคือแขกวีไอพีของเรา ถ้าใครกล้าเรียกเขาว่าขอทานอีก ก็เก็บของแล้วไสหัวออกไปซะ!”
……
ไม่นานงานประมูลก็เริ่มขึ้น
ของที่นำมาประมูลในครั้งนี้ล้วนเป็นของที่หรูหราและมีราคา แต่รพีพงษ์ก็ไม่ได้สนใจ
เป้าหมายเดียวของเขาคือสินค้าชิ้นสุดท้ายของการประมูลนี้ ซึ่งก็คือสร้อยคอหัวใจวีตัส
เวลาผ่านไป สินค้าแต่ละชิ้นถูกประมูลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงสินค้าชิ้นสุดท้ายนั่นก็คือสร้อยคอหัวใจวีตัส
คนที่กำลังจะหลับอย่างรพีพงษ์รีบตั้งสติ เขามองออกไปทางหน้าต่างเห็นพิธีกรกำลังพูดแนะนำสร้อยคอหัวใจวีตัส เขาคิดในใจว่าไม่ว่าจะต้องใช้เงินมากเพียงใด เขาก็จะประมูลสร้อยคอเส้นนั้นมาให้ได้
“ทุกท่านครับ สร้อยคอหัวใจวีตัสมาจากฝีมือของนักออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นเครื่องประดับที่ควรค่าแก่การสะสม สร้อยคอเส้นนี้ หลักสร้อยทำจากเพชรชั้นดีจำนวน 108 เม็ด และ…”
“ราคาเริ่มประมูลของสร้อยคอเส้นนี้คือสิบล้าน เริ่มประมูลได้ครับ”
หลังจากที่พิธีกรพูดจบ ทุกคนก็เริ่มประมูล แต่ราคามันเพิ่มขึ้นครั้งละหนึ่งล้าน และยังมีคนเพิ่มห้าแสนด้วย รพีพงษ์รู้สึกหงุดหงิด เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตรงหน้าต่าง จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างเสียงดังว่า “ฉันให้สามสิบล้าน!”
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง แล้วหันหน้าไปมองรพีพงษ์ที่อยู่ในห้องวีไอพีพร้อมกัน แต่ทว่ามีกระจกคั่นอยู่พวกเขาเลยมองไม่ออกว่าเป็นใคร
“ไอ้หนุ่มคนนี้มันบ้าไปแล้ว ประมูลสามสิบล้านเนี่ยนะ มันเกินราคาของสร้อยเส้นนี้แล้ว”
“ผู้ที่ให้ราคาสามสิบล้านคือใครกันครับ ให้ราคาเยอะขนาดนี้ น่าจะเป็นเศรษฐีในเมืองริเวอร์ไหมครับ”
“ตายจริง ฉันคิดว่าจะซื้อสร้อยเส้นนี้ให้ภรรยาของฉันได้ในราคาประมาณสิบห้าล้าน ดูท่าแล้วน่าจะได้แค่ฝันแล้วล่ะ”
“นี่มันวัดระดับกันชัดๆ เขาเป็นคนรวยตัวจริงเลยล่ะ เงินอันน้อยนิดของเรา คือเงินที่เขาเอาไปซื้อสร้อยคอเท่านั้น”
……
“สามสิบล้านครั้งที่ 1 ยังมีใครจะประมูลเพิ่มไหมครับ” พิธีกรพูดอย่างตื่นเต้น เขาก็เพิ่งเคยเจอคนที่ให้ราคามากขนาดนี้
ขณะนั้นเองคนที่อยู่ในห้องวีไอพีอีกห้องหนึ่ง น้ำเสียงที่ฟังแล้วเหมือนเป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวตะโกนออกมาว่า “ผมให้สามสิบห้าล้าน!”
“สี่สิบห้าล้าน!” รพีพงษ์ประมูลอย่างไม่ต้องคิด ในสายตาของเขาเงินก็แค่ตัวเลข ถ้าเขาซื้อสร้อยคอมาได้ ก็จะเอามาเป็นของขวัญให้อารียา
คนที่อยู่ในห้องวีไอพีอีกห้องหนึ่งเงียบลง ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจ
ทุกคนต่างพากันตกใจกับราคาที่รพีพงษ์ประมูล สี่สิบห้าล้านนี่มันสามารถซื้ออาคารพาณิชย์ได้สี่ห้าหลังเลยนะ แต่นี่เขาใช้เงินเยอะขนาดนี้เพื่อซื้อสร้อยเพียงเส้นเดียว
นี่สิถึงจะเรียกคนรวยตัวจริง!
สุดท้ายก็ไม่มีใครสู้ราคาประมูลของรพีพงษ์ได้ สร้อยคอหัวใจวีตัสจึงตกเป็นของเขาในราคาสี่สิบห้าล้าน
ทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าใครคือคนที่ใช้เงินเยอะขนาดนี้เพื่อซื้อสร้อยเพียงเส้นเดียว
แต่ทว่าที่งานประมูลมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของแขก คนพวกนี้จึงไม่สามารถเห็นหน้าของรพีพงษ์ได้
เมื่อเขาเดินออกมา ก็มีคนมาดักหน้าเขาไว้ คนคนนั้นก็คือพี่ฮันน่า
พี่ฮันน่าดูมีเสน่ห์กว่าเมื่อครู่ กระดุมเสื้อเม็ดบนของเธอถูกปลดออกสองเม็ด ใบหน้าของเธอก็ดูออกว่าได้รับการแต่งหน้ามา
เธอมองรพีพงษ์ด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณผู้ชาย ฉันมาขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อครู่”
“ไม่จำเป็น” รพีพงษ์เดินตรงไปข้างหน้า
เธอรีบเดินตามมาทันที “คุณผู้ชาย อย่าเฉยชาแบบนี้สิคะ เมื่อครู่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันสำนึกผิดแล้ว เพื่อที่จะชดใช้ความผิดครั้งนี้ ฉันเต็มใจทำทุกอย่างตามที่คุณต้องการ”
“นี่เป็นนามบัตรของฉัน รอให้ฉันเลิกงาน คุณโทรมาได้นะคะ ฉันจะรีบไปหา เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะทำตามสิ่งที่คุณบอกทุกอย่างโดยไม่ขัดขืน”
พูดจบ พี่ฮันน่าก็ขยิบตาให้รพีพงษ์ แล้วเดินจากไปด้วยท่าทีเขินอาย
รพีพงษ์เดินถือนามบัตรไว้แล้วก็เดินตรงออกไปข้างนอก ตอนที่เขาเดินมาถึงหน้าถังขยะ ชายหนุ่มก็มองนามบัตรในมือแล้วก็เบะปากจากนั้นแล้วทิ้งมันลงไปในถังขยะ
หลังจากที่ซื้อสร้อยคอหัวใจวีตัสได้แล้ว รพีพงษ์ก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านทันที แต่เข้านั่งแท็กซี่ไปยังสถานบันเทิงสตาร์กาย ที่อยู่ในเมืองริเวอร์
สถานบันเทิงสตาร์กายเป็นสถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงมากในเมืองริเวอร์ ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าสวรรค์ของบรรดาหนุ่มๆ ไม่ว่าวัยรุ่นหรือวัยทำงานที่รู้สึกเหงาหรือเปล่าเปลี่ยวใจในยามค่ำคืน ก็มักจะมาที่นี่เพื่อคลายความเหงา
สถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงด้านสาวงาม แต่นั่นก็เป็นเพียงเหตุผลรอง เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงก็คือที่นี่เป็นของไตรทศหนึ่งในสามของราชาใต้ดินที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองริเวอร์
ไตรทศเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาเป็นผู้ที่มีความสามารถในการต่อสู้ อีกทั้งยังมีอำนาจ เขาคนเดียวสามารถต่อกรกับชายนับสิบซึ่งแข็งแกร่งกว่าเขาได้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไตรทศอาศัยสองมือของตัวเอง จนได้เป็นราชาใต้ดินแห่งเมืองริเวอร์เขามีลูกน้องที่ภักดีอยู่ในกำมือจำนวนมาก
ราชาที่เหลืออีกสองคนก็คือพิชญุตม์และอินทัช ยังต้องเกรงกลัวอำนาจของเขา
รพีพงษ์เดินมาถึงหน้าประตูสถานบันเทิงสตาร์กาย จู่ๆ ก็มีชายร่างกายกำยำสองคนมากันตัวเขาไว้
“ไอ้เด็กน้อย มาทำอะไร ไม่เห็นเหรอว่าร้านยังไม่เปิด รีบไสหัวไปซะ อย่ามายุ่งเวลาเล่นมือถือของฉัน” ชายร่างกำยำเอ่ยขึ้นมา
รพีพงษ์ปรายตามองทั้งสองคน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เรียกไตรทศออกมาพบฉัน”