พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 107 ทำร้ายพี่น้องของฉันก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 107 ทำร้ายพี่น้องของฉันก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน
บทที่107 ทำร้ายพี่น้องของฉันก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน
เลปกรกัดฟันกรอด พูดเสียงเย็น “งั้นนายก็ไม่มีโอกาสได้พูดอีก! เตรียมตัวตาย!”
เขาจับช่องโหว่ของรพีพงษ์ได้ จากนั้นจึงซัดหมัดเข้าไปโดยตรง
แต่ในขณะที่หมัดของเขากำลังจะสัมผัสโดน มือข้างหนึ่งของรพีพงษ์ก็คว้าจับข้อมือของเขาเอาไว้อย่างว่องไวแล้วถอยไปข้างหลัง ก่อนจะเหวี่ยงเขาล้มลงกับพื้น
เลปกรลุกขึ้นจากพื้นจากรวดเร็ว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างดูไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่คงไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่
“เมื่อกี้นายมีช่องโหว่ชัดๆ ทำไมถึงยังตอบโต้ได้รวดเร็วขนาดนี้?” เลปกรพูดอย่างงุนงง
“ช่องโหว่? คิดว่าระดับนายจะมองเห็นช่องโหว่ของฉันงั้นเหรอ ยังห่างไกลน่า ที่นายเห็นคือสิ่งที่ฉันอยากให้เห็นต่างหาก”รพีพงษ์พูดพลางเหยียดยิ้ม
เลปกรตื่นตะลึง เมื่อกี้นี้พีรพงศ์จงใจเผยช่องโหว่ให้เขา เพื่อล่อเขาให้เข้าไปติดกับ จริงๆ แล้วเขาทำอะไรไม่ได้เลย
“แม่มเอ๊ยไอ้เวร ดูไปแล้วนายก็มีความสามารถแค่นี้ เมื่อกี้ฉันแค่ประมาทไป ต่อจากนี้ ก็ถึงคราวซวยของนายแล้ว!”
เลปกรกัดฟัน แล้วพุ่งเข้าใส่รพีพงษ์อีกครั้ง ใช้ขาราวกับแส้ เตะไปที่ตัวของรพีพงษ์
รพีพงษ์หลบหลีกอย่างรวดเร็ว ก่อนใช้เข่าตรงโจมตีเข้าใส่ท้องของเลปกร
เลปกรตื่นตะลึงเมื่อเห็นเช่นนั้น เพียงแต่ในเวลานั้นเขาไม่สามารถถอยกลับได้ ทำได้แค่จ้องมองเข่าของรพีพงษ์ที่พุ่งเข้าใส่ตัวเอง
หนักหน่วงมาก
เลปกรกระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดขาวอย่างมาก
พิชญุตม์ที่อยู่นอกสังเวียนกำหมัดแน่น ตัวตนของเลปกรนั้นไม่ธรรมดา ที่เขาเชิญเลปกรมาได้ก็เพราะมิตรภาพที่เขากับเลปกรมีกันมาแต่แรกเริ่ม
ในมุมของเขา โลกใต้ดินของเมืองริเวอร์ ไม่มีใครที่จะเป็นคู่มือของเลปกรได้เลย
แต่เจ้ากระจอกที่ธฤตญาณหามา คาดไม่ถึงว่าจะทำให้เลปกรกระอักเลือดได้ นั่นทำให้เขาสติแทบหลุด
ถ้าเลปกรเอาชนะรพีพงษ์ไม่ได้ อย่างนั้นเขาเองก็ชนะไม่ได้แน่ ถึงเวลานั้นน่ากลัวว่าคงจะซวยแน่ๆ
เขาเหลือกตาไปมา ในใจคิดว่าโชคดีที่พวกเขามากันแค่สองคน หลังจากนี้เขายังสามารถพึ่งลูกน้องของตัวเองเพื่อจะหาจังหวะหนีไปได้
หลังจากเลปกรกระอักเลือดออกมา เขาก็ไม่ใช่คู่มือของรพีพงษ์อีกต่อไป เขากัดฟันฝืนไว้ แต่มันก็ไม่ได้ผลมากนัก
“ทำร้ายพี่น้องของฉัน ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน”รพีพงษ์เอ่ยอย่างเย็นชา
“จ่ายแม่มึงน่ะสิ!” เลปกรชกใส่อีกครั้ง
รพีพงษ์จับแขนของเขาไว้ ก่อนสับมือมีดลงไปอย่างแรงราวสายฟ้าฟาด
กร๊อบ
ใบหน้าของเลปกรบิดเบี้ยว เหงื่อที่อยู่บนหน้ายิ่งพรั่งพรูออกมา
“แขนของฉัน!” เลปกรร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“มันยังไม่พอหรอก”รพีพงษ์เอ่ยขึ้นหนึ่งประโยค ก่อนชกเข้าที่อกของเลปกร
ร่างของเลปกรลอยออกนอกสังเวียน ล้มลงบนพื้นอย่างแรง ก่อนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
การโจมตีเมื่อครู่ของรพีพงษ์ ทำให้ซี่โครงของเขาหักอย่างน้อยสี่ซี่ เขาหักซี่โครงของไตรทศ รพีพงษ์จึงให้เขาได้ลิ้มรสชาติของการถูกหักซี่โครงบ้าง
เขาก้าวลงจากสังเวียน มายังเบื้องหน้าของ เลปกร ก่อนพูดขึ้น“นายไม่ควรมาทำร้ายพี่น้องของฉัน แขนอีกข้าง ก็ทิ้งมันไปเลยแล้วกัน”
เลปกรพลันตื่นตระหนก เขาขอร้องอ้อนวอนรพีพงษ์ “ฉันยอมแพ้ เมตตาด้วย ฉันเป็นคนของคุณชายกุมุท ถ้านายยังหักแขนอีกข้างของฉัน เขาต้องไม่ปล่อยนายไว้แน่”
“คุณชายกุมุท? ฉันไม่รู้จัก”รพีพงษ์ตอบกลับง่ายๆ เตรียมจะหักแขนอีกข้างของเลปกร
เมื่อพิชญุตม์เห็นความพ่ายแพ้ของเลปกร ในใจก็เริ่มอยู่ไม่สุข
เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์กำลังจะลงมือกับเลปกรอีก จึงรีบตะโกนออกไป “พวกแกยังยืนบื้ออะไรอยู่! รีบเข้าไปสิ!”
กลุ่มคนมุ่งเข้าหารพีพงษ์ไปทันที
ธฤตญาณเห็นดังนั้น จึงรีบเข้าไปหน้ารพีพงษ์ พูดพลางยิ้ม “ไม่ได้ขยับเนื้อขยับตัวซะตั้งนาน งั้นมาอุ่นเครื่องกับพวกนายหน่อยแล้วกัน”
ความแข็งแกร่งของธฤตญาณไม่ได้ด้อยไปกว่าไตรทศเลย แต่เพราะตอนนั้นบาดเจ็บ จึงไม่ได้แสดงฝีมือ ตอนนี้ชุติเทพได้รักษาแขนของเขาแล้ว ถึงกำลังจะเทียบไม่ได้กับเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ใช่แบบที่พวกคนของพิชยุตม์จะรับมือได้
ยังไงเสียในถนนแห่งการนองเลือดตอนนั้น พวกที่มาล้อมรอบก็เป็นพวกระดับสูงอย่างริชาร์ดทั้งนั้น ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรอดมาได้
รพีพงษ์เห็นธฤตญาณเริ่มเคลื่อนไหว ก็ยิ้มออกมา ก่อนหันมาทางเลปกร
ใบหน้าของเลปกรเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก คนของพิชยุตม์ถูกธฤตญาณขวางไว้ ไม่มีใครช่วยเขาได้จริงๆ แล้ว
“นายหักแขนฉันไปข้างหนึ่งแล้ว ปล่อยฉันไป เรื่องของเราให้ขาดกันแค่นี้ ไม่อย่างนั้นคุณชายกุมุทจะไม่ปล่อยนายไปแน่” เลปกรพูด
“นายไม่มีสิทธิ์มาเจรจาเงื่อนไขกับฉัน ฉันบอกแล้ว ทำร้ายพี่น้องของฉัน ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน”
รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา ก่อนทำลายแขนอีกข้างของเลปกร
สีหน้าของเลปกรเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทรุดลงกับพื้นไม่อาจลุกขึ้นได้อีก
พิชยุตม์เห็นรพีพงษ์โหดเหี้ยมขนาดนี้ แถมนึกไม่ถึงว่าธฤตญาณจะมีฝีมือขนาดนี้ด้วย เขาก็ขวัญหนีดีฝ่อขึ้นมาทันที เขามองไปรอบๆ จากนั้นก็ไม่คิดสนใจพี่น้องของตัวเองอีก แล้วหันหลังวิ่งไปที่บันได
“นายไปจัดการพิชญุตม์เถอะ คนพวกนี้ฝากฉันเอง”รพีพงษ์เข้ามาข้างธฤตญาณ
ธฤตญาณพยักหน้า เตรียมมุ่งไปทางที่พิชญุตม์หนีไปทันที
“พิชญุตม์ วันนี้แกหนีไม่รอดแน่”ธฤตญาณพูดกับพิชญุตม์อย่างเย็นชา
พิชญุตม์เห็นคฤตญาณไล่ตามมา ก็กัดฟันพูด “แกคิดว่าจะหยุดฉันได้รึไง?”
เขาตรงลงบันไดไป ตามไปด้วยธฤตญาณ ทั้งสองคนต่อสู้กันกลางบันได
พิชญุตม์เองก็ไม่ได้อ่อนแอ แข็งแกร่งกว่าอินทัชในตอนแรกซะด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่ธฤตญาณในตอนแรกก็รวมโลกใต้ดินของเมืองกรีนโคลไว้ได้แล้ว พิชญุตม์เทียบไม่ได้เลย
ศิลปะการต่อสู้เมื่อครู่ พิชญุตม์ก็เทียบธฤตญาณไม่ได้ จนถูกเขาซัดหมอบลงกับพื้น
“ในเมื่อแกอยากจะเก็บฉัน งั้นก็ควรคิดถึงด้วยว่าแกเองก็อาจจะโดนฉันเก็บได้เหมือนกัน วันของแก จะจบลงวันนี้แหละ”
ธฤตญาณฉุดเสื้อของพิชญุตม์ ลากเขาขึ้นไปชั้นบน
“อย่าหวังจะกำราบฉันได้ ถึงแกจะชนะก็เถอะ ข้างบนนั้นฉันยังมีพี่น้องอีกกว่าสามสิบคน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าลำพังแค่พวกนายสองคนจะจัดการทั้งสามสิบกว่าคนนั้นได้”พิชญุตม์พูดลอดไรฟัน
ธฤตญาณก็ไม่ได้สนใจอะไรเขา แล้วลากเขาขึ้นชั้นสอง
“อย่าประมาทกับพี่น้องสามสิบกว่าคนของฉัน ถ้าต้อนมากเข้า พวกเขาจะสุดชีวิตกับพวกแก ต่อให้พวกแกสองคนแกร่งแค่ไหนก็หยุดไม่ไหวหรอก!”
พิชญุตม์ยังคงมีความหวังกับลูกน้องของตัวเอง ในความคิดของเขา คฤตญาณกับรพีพงษ์ถึงจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็คงรับมือกับคนกว่าสามสิบคนไม่ได้หรอก
ธฤตญาณลากพิชญุตม์มาถึงชั้นสอง หลังจากเขาได้เห็นสถานการณ์ที่ชั้นสอง ก็ถึงกับผงะ
“เหล่าพี่น้อง รีบมา…..”พิชญุตม์ขึ้นมาถึงก็ตะโกนเรียกให้มาช่วยตัวเอง
แต่หลังจากเขาได้เห็นสถานการณ์ของชั้นสองแล้วก็ตกตะลึงทันที
จากนั้น ความเหลือเชื่อเผยออกมาทางสีหน้าของเขา เขามองออกไปด้วยริมฝีปากสั่นๆ แถมขาก็เริ่มสั่นแล้ว
เพียงแค่เห็นสภาพของชั้นสอง ที่ลูกน้องของพิชญุตม์ทั้งหมดถูกรพีพงษ์คว่ำหมดจนเกลื่อนพื้น มีเพียงรพีพงษ์ที่ยังยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น
“นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไง แต่เก่งการต่อสู้นิดหน่อย เขาจะไปซัดลูกน้องฉันหมอบหมดได้ยังไง?”พิชญุตม์มองรพีพงษ์ที่ยืนอยู่บนชั้นสองเพียงคนเดียวด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
คฤตญาณเองก็อึ้งไปเหมือนกัน เขารู้ว่ารพีพงษ์นั้นแกร่งมาก แต่ก็ไม่นึกว่ารพีพงษ์จะแกร่งขนาดนี้ เขาไล่ตามไปจับพิชญุตม์เพียงครู่เดียว คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะจัดการคนกว่าสามสิบคนไปแล้ว
นี่มัน…บ้าไปหน่อยรึเปล่า
คฤตญาณลากพิชญุตม์ไปยังหน้ารพีพงษ์ ก่อนพูด “นี่นายไปจ้างใครมารึเปล่า คนที่นายจ้างมาซ่อนอยู่ที่ไหน อย่าบอกนะว่านายคว่ำคนพวกนี้เองทั้งหมดน่ะ”
รพีพงษ์หัวเราะขึ้นมา “นายคิดว่าไงล่ะ”
คฤตญาณถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ดีว่ารพีพงษ์ไม่สามารถซ่อนใครไว้ที่นี่ได้ เพียงแต่เขารู้สึกไม่อยากจะยอมรับนิดหน่อย
“ตอนที่จะจัดการคนพวกนี้เมื่อกี้ เลปกรกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่างแล้ว คุณชายกุมุทที่หมอนั่นพูดถึงคือใครน่ะ?”รพีพงษ์ถาม
คฤตญาณหัวเราะ “นี่นายอยู่เมืองริเวอร์มานานกว่าฉันอีกนะ ถ้านายไม่รู้ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
รพีพงษ์พยักหน้า “งั้นก็ระวังหน่อย เลปกรนั่นถูกฉันหักแขนไปทั้งสองข้าง คงจะปล่อยไปไม่ได้”
คฤตญาณพยักหน้าอย่างจริงจัง
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นล่าง ต่อมาคนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งขึ้นมายังชั้นสอง โดยมีพัชรพลเป็นผู้นำ
พัชรพลวิ่งมาถึงคฤตญาณและรพีพงษ์ ก่อนพูดขึ้น”พี่รพี พี่ธฤต พวกเราไม่ได้มาสายใช่ไหม คนของพิชญุตม์ล่ะ เราจะมาคิดบัญชีกับพวกมัน”
ธฤตญาณและรพีพงษ์สบตากัน ก่อนลุกขึ้นยืน
“นายคิดว่านายมาสายรึเปล่าล่ะ?”ธฤตญาณพูดพลางยิ้ม
ในตอนนั้นพัชรพลเพิ่งจะสังเกตเห็น ว่าชั้นสองมีคนจำนวนมากล้มระเนระนาดไปหมด คนพวกนี้เขารู้จักทั้งนั้น เป็นลูกน้องของพิชญุตม์
แต่พิชญุตม์เองก็ถูกธฤตญาณจับตัวไว้อยู่
“นี่มัน….”พัชรพลตื่นตะลึง
พวกคนที่เขาพามาเองก็ตะลึงไม่แพ้กัน
พวกเขาสองคน ก็จัดการพิชญุตม์กับพวกลูกน้องได้แล้วงั้นเหรอ?
น่ากลัวอะไรขนาดนี้!
“จะจัดการกับเขายังไงดีล่ะ?”คฤตญาณถามรพีพงษ์
“นั่นนายตัดสินใจเองเถอะ จากนี้โลกใต้ดินของเมืองริเวอร์ ก็มีนายเป็นราชาเพียงคนเดียวแล้ว”รพีพงษ์พูดด้วยรอยยิ้ม
พิชญุตม์ได้ยินรพีพงษ์พูดดังนั้น ก็เข้าใจความหมายในทันที
ใบหน้าของเขาซีดขาว เอ่ยอ้อนวอน”ลูก…ลูกพี่ ปล่อยผมไปเถอะ ผมสามารถหาเงินให้พวกคุณ ให้อิทธิพลกับพวกคุณ ผมสามารถให้พวกคุณได้หมดทุกอย่าง”
รพีพงษ์ไม่สนใจเขา แต่หันไปพูดกับธฤตญาณ”ฉันไปที่สตาร์กายก่อนนะ ที่นี่นายจัดการก็แล้วกัน”
พูดจบ เขาก็ออกจากไฟต์คลับของพิชญุตม์ไป ส่วนเรื่องที่เหลือ เขาเชื่อว่าธฤตญาณจะสามารถจัดการได้
ตลอดทางไปจนถึงสตาร์กาย รพีพงษ์เดินตรงเข้าไปข้างใน ภายในนั้นครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่มาเที่ยวกัน
รพีพงษ์ตรงเข้าไปข้างใน ต้องการจะมาหาไตรทศ
ขณะเขาเดินเข้าไปตามทางเดิน ทันใดนั้นประตูห้องจะเปิดออก จากนั้นหญิงสาวสวมชุดเซ็กซี่ก็วิ่งออกมาแล้วพุ่งตรงมาหาเขา
“ช่วยด้วยค่ะ พวกเขาจะทำร้ายฉัน ช่วยฉันด้วย”หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ใบหน้าตื่นตระหนกเอ่ยอ้อนวอน
รพีพงษ์ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว ห่างออกจากหญิงสาว ในตอนนั้นเขาเพิ่งจะเห็นใบหน้าของหญิงสาวอย่างชัดเจน ก่อนฉายแววประหลาดใจออกมา
ไม่นึกว่าหญิงสาวคนนี้ก็คือบุษบากร!