พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 348 ตัวจริงตัวปลอม
ตอนที่ 348 ตัวจริงตัวปลอม
ปี้จูที่อยู่ด้านข้างก็ประเมินหลี่ซื่ออยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็เห็นบางอย่างที่ผิดปกติ
“ฮูหยินรองหลี่ คอท่านเป็นอันใดหรือเจ้าคะ ? ”
ปี้จูเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แต่สายตาแฝงไว้ด้วยความสงสัย
หลี่ซื่อยกมือขึ้นลูบที่ลำคอของตนก็มิพบความผิดปกติอันใดจึงย้อนถามอย่างตกใจ “มีอันใดหรือ ? ”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของอีกฝ่าย ปี้จูก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น
นางแค่ยิ้มเล็กน้อย แต่มิได้เผยความสงสัยที่อยู่ในใจออกมา
เนื่องจากอยู่ข้างกายอันหลิงเกอมานาน นางจึงเริ่มเรียนรู้ที่จักทำให้ผู้อื่นคล้อยตามความคิดได้
“มิมีอันใดเจ้าค่ะ บ่าวแค่จำได้ว่าเมื่อวานที่คอของฮูหยินรองหลี่เหมือนมีรอยแมวข่วน บ่าวเห็นรอยเล็บแมวยาวเป็นทาง แต่วันนี้มิเห็นรอยนั้นแล้วจึงมิรู้ว่าฮูหยินรองหลี่ใช้ยาอันใดเจ้าค่ะ”
ดวงตาของอันหลิงเกอเปล่งประกายขึ้นมาทันที นางนึกย้อนถึงตอนที่เจอหลี่ซื่อเมื่อวาน อีกฝ่ายแต่งกายงดงาม บนลำคอก็มิได้มีรอยขีดข่วนอันใดและการที่ปี้จูกล่าวเช่นนี้ก็แสดงว่ากำลังหยั่งเชิงหลี่ซื่ออยู่
นางยืนมองอย่างเงียบ ๆ เพื่อเป็นการยอมรับการกระทำของปี้จู
หลี่ซื่อที่เพิ่งกลับมาปกติ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วและมีท่าทีเหมือนกำลังครุ่นคิดอันใดบางอย่าง
เมื่อวานที่คอของฮูหยินรองหลี่มีรอยแมวข่วนด้วยหรือ ? เหตุใดนางมิทันสังเกตเห็นกันเล่า ?
นางปลอมตัวเป็นฮูหยินรองหลี่อย่างแนบเนียน แม้แต่จุดด่างดำที่มิใช่จุดสังเกตบนร่างกายของอีกฝ่ายก็ยังมิปล่อยผ่าน แล้วนางจักพลาดเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้หรือ ? ทั้งยังโดนปี้จูจับได้อีก
นางตระหนกอยู่ชั่วครู่พลางพยายามนึกย้อนไปว่าเมื่อวานที่คอของหลี่ซื่อมีรอยแมวข่วนหรือไม่
ภายในความทรงจำของนางคือบนคอของหลี่ซื่อมิมีสิ่งใดทั้งสิ้น แต่อยู่ดี ๆ ปี้จูคงมิทักเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาดื้อ ๆ หรอก ทำให้ตอนนี้ภายในใจของ ‘หลี่ซื่อ’ เกิดความมิมั่นใจเอาเสียเลย
เรื่องที่หลี่ซื่อเลี้ยง*แมวพันธุ์ปั๋วซื่อเอาไว้ตัวหนึ่ง ทุกคนในจวนต่างก็รู้ดี ส่วนเรื่องที่เมื่อวานนางโดนแมวข่วนหรือไม่ก็มิมีผู้ใดสนใจ
หลี่ซื่อเงยหน้าขึ้นสบสายตาจริงจังของปี้จู จากนั้นก็กัดฟันพูดออกมา “เมื่อวานนี้ข้าเรียกท่านหมอมาดูอาการและให้เขาจัดยาทาแก้แผลเป็นให้ด้วย ดังนั้นเช้าวันนี้แผลจึงหายดี”
ปี้จูร้อง อ๋อ ขึ้นมาแล้วส่งสายตาให้อันหลิงเกอวูบหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของอันหลิงเกอ
พวกนางสนทนาอันใดกัน ทุกคนในที่นั้นล้วนอยากรู้อยากเห็น
โดยเฉพาะ ‘หลี่ซื่อ’ นางกลัวว่าเรื่องในวันนี้จักมีช่องโหว่ กลัวว่าคนเจ้าเล่ห์เยี่ยงอันหลิงเกอจักจับผิดนางได้จึงอดจ้องหน้าอันหลิงเกออย่างตื่นเต้นมิได้ กลัวว่าอีกฝ่ายจักกล่าวอันใดที่นางมิอยากได้ยินออกมา
ทว่าสวรรค์ก็มิได้เข้าข้างนาง เหมือนว่านางยิ่งกลัวเผยพิรุธมากเท่าไรก็ยิ่งเผยช่องโหว่ออกมามากเท่านั้น
ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็ลืมตามองหลี่ซื่ออย่างประเมินอีกครั้ง อยู่ ๆ ท่าทางก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นทันที
“เจ้าเป็นผู้ใด ? เหตุใดต้องปลอมตัวเป็นหลี่อี๋เหนียงด้วย ? ”
คำถามของอันหลิงเกอเอ่ยออกมาโดยไร้สัญญาณเตือนและไร้ที่มาที่ไป สาวใช้ที่อยู่รอบข้างก็รู้สึกมึนงงไปตามตามกัน มิเข้าใจว่าอันหลิงเกอกำลังพูดเรื่องอันใด
หรือว่าเมื่อวานฮูหยินรองหลี่สงสัยคุณหนูใหญ่เป็นตัวปลอม วันนี้คุณหนูใหญ่ก็เลยแก้แค้นด้วยวิธีเดียวกันเพื่อให้ฮูหยินรองหลี่ได้ลิ้มรสชาติของการโดนใส่ร้าย ?
เป็นวิธีแก้แค้นที่ประหลาดเสียจริง
สาวใช้ที่มิรู้ความจริงก็พากันจินตนาการไปไกล ส่วนหลี่ซื่อรู้สึกตกใจมาก หัวใจเต้นแรงคล้ายจักหลุดออกมาข้างนอกก็มิปาน
“เกอเอ๋อ ข้ามิเข้าใจว่าเจ้าพูดเรื่องอันใด”
นางเอ่ยปากและพยายามรักษาสีหน้าให้สงบนิ่งเข้าไว้
อันหลิงเกอส่งเสียงมิพอใจออกมา ปี้จูจึงรีบก้าวออกไป รอยยิ้มบนใบหน้ากลมป้อมยังมิจางหาย ดวงตาเบิกกว้างพร้อมชี้นิ้วไปที่ ‘หลี่ซื่อ’ ด้วยท่าทางมีอำนาจของสาวใช้ขั้นหนึ่ง
“เจ้ามิใช่ฮูหยินรองหลี่ ! ” เสียงกังวานใสของนางดังขึ้นราวกับก้อนหินที่โยนลงในพื้นน้ำอันเงียบสงบและทำให้ผิวน้ำสั่นสะเทือนจนเกิดคลื่นขึ้นมา
เหล่าสาวใช้ที่ได้ยินก็ตื่นตกใจไปตามตามกันแล้วมองปี้จูราวกับคนเสียสติ
อันหลิงเกอจึงกระแอมออกมาทีหนึ่ง เหล่าสาวใช้จึงหลบสายตาเพราะมิมีผู้ใดกล้าล่วงเกินคุณหนูใหญ่
ปี้จูเหมือนมิได้รับรู้ถึงสายตาแผดเผาพวกนั้น ถ้าอยากทำงานอยู่ข้างกายคุณหนูใหญ่แล้วจักสนใจสายตาพวกนี้เพื่ออันใด
นางอ้าปากพูดต่อ “เมื่อวานตอนที่ฮูหยินรองหลี่มาที่เรือนฉีอู๋ บนลำคอมิมีรอยข่วนอันใดเลย เมื่อครู่ข้าพูดเช่นนั้นเพราะรู้สึกแปลกจึงลองหยั่งเชิงเจ้า แต่ผู้ใดจักคิดว่าเจ้าเป็นตัวปลอม รีบบอกมาว่าฮูหยินรองหลี่ตัวจริงอยู่ที่ใด ? ”
ตอนนั้นหลี่ซื่อส่งหมิงซินตัวปลอมเข้ามา ปี้จูเคยได้สนทนากับหมิงซินตัวปลอมอยู่ช่วงหนึ่งแต่ก็มิได้รู้สึกถึงความผิดปกติอันใด จนเมื่อหมิงซินตัวจริงกลับมาเรือนฉีอู๋แล้วเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง นางจึงได้รู้ว่ามีของประหลาดเยี่ยงหน้ากากหนังมนุษย์อยู่ด้วย
นับจากนั้นเป็นต้นมาปี้จูก็จดจำหน้ากากหนังมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
วันนี้เห็นว่าหลี่ซื่อพูดจาแปลกไป น้ำเสียงแหบแห้งผิดปกติแต่มิได้เป็นหวัด ทว่าโกหกเรื่องตนเป็นหวัดจนเสียงแหบเช่นนี้จึงทำให้ปี้จูสงสัยว่าอีกฝ่ายคือตัวปลอม ขณะเดียวกันก็นึกถึงหน้ากากหนังมนุษย์ขึ้นมา
ดังนั้นปี้จูจึงลองหยั่งเชิง ‘หลี่ซื่อ’ ออกไป แต่คาดมิถึงว่าคนที่สวมรอยจักหลงกลเข้าจริง ดังนั้นนางจึงมั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือตัวปลอมที่สวมหน้ากากหนังมนุษย์เอาไว้ มิใช่หลี่ซื่อตัวจริง !
หลี่ซื่อคาดมิถึงว่าปี้จูสามารถจับได้ว่านางคือตัวปลอมโดยใช้เวลารวดเร็วถึงเพียงนี้ ทั้งยังเปิดโปงต่อหน้าทุกคนอีกด้วย
แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของหลี่ซื่อตัวจริงแล้วแววตาของนางก็สั่นสะท้านทันที เป็นตายร้ายดีเยี่ยงไรก็ต้องยืนกรานมิยอมรับ
นางฉีกยิ้มมุมปากเลียนแบบท่าทางปกติของหลี่ซื่อ ทำทีโมโหและกล่าววาจาเย้ยหยันออกมา
“เดิมทีวันนี้ข้าต้องการมาขอโทษคุณหนูใหญ่อย่างจริงใจ ทว่านอกจากเจ้ามิรับคำขอโทษจากข้าแล้ว เหตุใดต้องให้สาวใช้มาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ? ”
นางมิได้สนใจปี้จูแต่มองไปยังอันหลิงเกอโดยตรง
ต่อให้ดวงตาสีนิลคู่นั้นของอันหลิงเกอทำให้นางรู้สึกเกรงกลัว แต่นางยังรวบรวมความกล้าแล้วพูดเลียนแบบหลี่ซื่อ “หรือคุณหนูใหญ่รู้สึกว่าการที่ข้าเดินไปพลางคุกเข่าคำนับไปด้วยตั้งแต่เรือนของตนมาถึงเรือนฉีอู๋ยังแสดงความจริงใจมิพอ ต้องการให้ข้าทำสักกี่ครั้งจึงจักพอใจ ? ”
นางเบี่ยงประเด็นมิยอมเอ่ยเรื่องตัวจริงตัวปลอมอีก แต่พุ่งเป้าโจมตีอันหลิงเกอโดยกล่าวหาว่าอันหลิงเกอทำเช่นนี้มิใช่เพราะสงสัยว่านางคือตัวปลอม ทว่าต้องการกลั่นแกล้งนางเท่านั้น
อันหลิงเกอยังมีสีหน้าเรียบนิ่ง ดวงตาที่เปล่งประกายราวไข่มุกสีดำลุ่มลึกยากคาดเดา
พลันมุมปากก็ยกขึ้นเผยรอยยิ้มออกมาทำให้ใบหน้าที่งดงามยิ่งงามจับตาเข้าไปอีก
ทว่าภายในดวงตาของนางเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง สตรีที่งดงามและดูเยือกเย็นเช่นนี้ยิ่งทำให้ยากคาดเดาความคิดได้
…
*แมวพันธุ์ปั๋วซื่อ คือ แมวเปอร์เซีย