หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จผู้ใหญ่ก็ขึ้นไปพักผ่อน เหลือแค่ลิซ่าและลูซที่นั่งอยู่ข้างล่าง
“ลูซพี่จะออกไปไหนอีกรึเปล่า” ลิซ่าหันไปถามพี่ชาย
“ออกไป” เป็นประโยคที่สองที่พราวฟ้าได้ยินผู้ชายคนนี้พูด
“ไปเที่ยวอีกล่ะสิ”
“นัดเพื่อนไว้”
“นัดไว้ที่ไหน”
“ผับที่ไปประจำนั่นแหละ” พูดพร้อมกับกดโทรศัพท์ไปด้วย
“งั้นดีเลย ลิซฝากพี่ไปส่งพราวด้วยสิ ทางผ่านพอดีใช่ไหมพราว” มือใหญ่ชะงัก เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่เขาต้องไปส่ง
“ไม่ต้องๆ ฉันกลับเองได้ นี่ยังไม่ดึกเท่าไหร่” พราวฟ้ารีบปฏิเสธ เธอไม่อยากรบกวนใคร ยิ่งไม่รู้จักกันด้วย ไม่รู้จะทำตัวยังไง
“ไม่ได้ ฉันเป็นห่วง ถ้าเธอไม่ยอมให้พี่ชายฉันไปส่ง ฉันจะเดินไปส่งเธอเองแล้วฉันก็ต้องเดินกลับมาคนเดียว” ลิซ่าหาเหตุผลมาอ้าง
“แต่ ฉันกลับเองได้จริงๆ นะ”
“แต่ฉันอยากให้พี่ลูซไปส่ง ได้ไหมพี่ชาย” ลิซ่าหันไปเอาคำตอบกับพี่ชาย ที่จ้องหน้าเพื่อนสาวเธออยู่
“อืม” คำตอบสั้นๆ ทำให้ลิซ่ายิ้มกว้าง
“เยี่ยม งั้นฝากด้วยนะ จะไปตอนไหน”
“ตอนนี้” พูดจบก็เดินออกไปทันที
“อ้าว โอเคงั้นลุกเลยพราว ไปเร็ว”
“ลิซ ฉันกลับเองได้จริงๆ” เธอไม่อยากกลับกับพี่ชายของลิซ่าจริงๆ นะ เขาเป็นคนพูดน้อยและดูเหมือนไม่ชอบหน้าเธอด้วย เธอเองก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงด้วย
“บอกไม่ได้ก็ไม่ได้สิ” ลิซ่าลากเพื่อนสาวมาที่รถพี่ชาย จับร่างเล็กเข้าไปนั่งบนรถเสร็จสับ
“ฝากด้วยนะพี่ชาย บายบ๊ายพราว เจอกันที่มหาลัยพรุ่งนี้” ลิซ่ายิ้มกว้างพร้อมกับโบกมือลาเพื่อน
ลูซก็จัดการออกรถทันที ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ พราวฟ้าไม่รู้จะทำตัวยังไงได้แต่นั่งชิดขอบประตูรถ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอนั่งรถกับคนที่ไม่คุ้นเคย
“ถึงแล้วบอกด้วย” ลูซพูดขึ้นเสียงเรียบไม่ได้หันไปมองหน้าหญิงสาว
“ค่ะ” พราวฟ้าก็รับคำมองดูทางข้างหน้า ผับที่เขาจะไปน่าจะผ่านคอนโดเธอจริงๆ ลิซ่าคงไม่หาเรื่องให้เธอได้อยู่กับพี่ชายเขาหรอกนะ เพราะเขาก็ขับไปทางคอนโดเธอจริงๆ
อีกไม่ถึงห้าร้อยเมตรก็จะถึงคอนโดเธอโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้นซะก่อน ลูซกดรับ
“อะไร” ลูซพูดเสียงห้วน
“กูกำลังจะไป รีบอะไรนักหนา”
รถเคลื่อนผ่านหน้าคอนโดพราวฟ้าไปอย่างฉิวเฉียดเธอยังไม่ได้เอ่ยปากบอกเขาด้วยซ้ำเพราะว่าเห็นเขาคุยโทรศัพท์อยู่ กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาท
“รู้แล้ว ขอเวลาห้านาทีถึง” ลูซกดวางสาpอย่างอารมณ์เสีย เขาไม่น่าออกมาจากบ้านช้าเลย พวกเพื่อนมันเลยได้ที ใครไปถึงคนสุดท้ายเลี้ยง และมันก็โทรมาบอกว่าเหลือเขากับเพื่อนอีกคนที่ยังไม่มา ซึ่งเท่ากับว่าเขายังมีลุ้นที่จะไม่ต้องเลี้ยงเหล้าพวกมัน
“ถึงรึยัง” ลูซหันไปถามคนที่นั่งเงียบ
“ผ่านมาแล้วค่ะ ก็คุณคุยโทรศัพท์อยู่” พราวฟ้าตอบเขาเสียงแผ่วเบา
เสียงถอนหายใจยาวๆ ดังขึ้น
“นอนดึกได้ไหม” เขาถามขึ้นเสียงเข้ม ใบหน้าสวยหวานเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา
“ทำไม….”
“ถ้าไปช้ากว่านี้ฉันต้องเลี้ยงเหล้าเพื่อน ซึ่งฉันคิดว่ามันไม่จำเป็น ฉันคงวนรถกลับไปส่งเธอไม่ได้” ลูซอธิบาย ถึงเขาจะมีเงินเลี้ยงเหล้าเพื่อน แค่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เพราะครั้งนี้ไม่ใช่เลี้ยงแค่กลุ่มเพื่อนน่ะสิ แต่เลี้ยงทั้งผับเพราะวันนี้เป็นวันเกิดเพื่อนในกลุ่มมันปิดผับเลี้ยง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิดที่ต้องมาเสียเงินกับเรื่องอะไรแบบนี้
“จอดให้ฉันลงตรงนี้ก็ได้ค่ะ” พราวฟ้าเสนอ แต่ลูซกับเลิกคิ้วมองเธอ
“ฉันไม่อยากโดนยัยลิซแหกอกที่ส่งเพื่อนไม่ถึงบ้าน”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ฉันจะอธิบายให้ลิซฟังเอง” เกิดความเงียบขึ้นหลังจากที่พราวฟ้าพูดจบ ลูซไม่พูดอะไรอีกและไม่มีท่าทีว่าจะจอดรถด้วย มันทำให้พราวฟ้าไม่รู้จะทำยังไง
“ถึงพอดี ฉันจะกลับไม่เกินเที่ยงคืน” ลูซเปิดประตูลงจากรถโดยที่พราวฟ้าได้แต่อ้าปากค้างมองเขา ส่วนสถานที่ข้างหน้าคือผับขนาดใหญ่
พราวฟ้าถอนหายใจออกมาหนักๆ ชีวิตที่คิดว่าจะสงบสุขของเธอคงไม่สงบอีกต่อไปแล้วสินะ อีกอย่างการมาสถานที่แบบนี้ทำให้เธออดคิดถึงไคล์ไม่ได้ เธอไม่อยากมาเลยสักนิด
ก๊อกๆ เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นทำให้พราวฟ้าหันไปมอง
ลูซกระดิกนิ้วเรียกให้เธอลง พราวฟ้าจึงจำยอมเปิดประตูรถลงไป เธอควรบอกเขาว่าจะกลับเอง
“ฉันกลับเลยนะคะ” พอลงจากรถเธอก็บอกเขาทันที
“บอกแล้วไงว่าจะกลับไม่เกินเที่ยงคืน” แต่มีหรือที่คนเอาแต่ใจจะฟัง ทำไมชีวิตของเธอถึงพบเจอแต่คนเอาแต่ใจด้วยนะ มีหลายอย่างที่ลูซคล้ายไคล์ พูดน้อย อยากทำอะไรก็ทำ เธอรับรู้ได้หลังจากที่เจอเขาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
“แต่..”
“ไม่มีคำว่าแต่ เร็วก่อนที่ฉันจะเสียเงิน” ลูซไม่รอให้หญิงสาวพูดอะไรอีก เขาถือวิสาสะคว้าข้อมือของเธอแล้วดึงเธอเข้าไปข้างในด้วยกัน พราวฟ้าตกใจกับการกระทำของเขา เธอไม่ได้ตั้งตัวเลยสักนิด ทำให้เขาลากเธอเข้ามาได้ง่ายๆ
“ว้าว มาแล้วโวย แถมยังมีสาวสวยมาด้วย ที่ช้านี่เพราะแบบนี้เหรอวะ” เสียงแซวดังขึ้นทันทีที่ทั้งสองเข้ามาถึงโต๊ะเจ้าภาพ
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิด” ลูซแก้ตัว ดึงพราวฟ้านั่งลงข้างๆ โดยไม่พูดอะไร พราวฟ้าไม่กล้าจะสบตากับใครด้วยซ้ำได้แต่มองผ่านๆ เพื่อนส่วนมากของลูซเป็นหนุ่มฝรั่ง อาจจะมีลูกครึ่งเหมือนกับเขาบ้างบางคน สายตาแต่ล่ะคนที่มองเธอทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
ผู้ชายแถบยุโรปมองผู้หญิงเหมือนอาหารไม่มีผิด
“ไม่คิดจะแนะนำเลยรึไง” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น คนนี้เหมือนกับลูซที่หน้าออกแนวลูกครึ่ง
“ไม่จำเป็น” ลูซพูดเสียงเรียบ ทำให้พราวฟ้าเม้มปากเป็นเส้นตรง เธอมาทำอะไรที่นี่นะ
“ไม่เป็นไร ฉันแนะนำตัวเองก็ได้ ผมเอวานครับคนสวย” เอวานยืนมือออกมาทักทายหญิงสาว ซึ่งทำให้พราวฟ้ามองมันแล้วมองหน้าลูซ ไม่รู้ทำไมเธอถึงมองหน้าเขา แต่เขาไม่แม้แต่จะหันมามอง พราวฟ้าเลยไม่อยากเสียมารยาทยื่นมือไปจับทักทาย
“เอ๊ยๆ แนะนำตัวคนเดียวได้ยังไง ผมทิมมี่หรือเรียกทิมก็ได้ครับคนสวย”
หลังจากนั้นก็มีผู้ชายมากมายเข้ามาแนะนำตัวกับหญิงสาวซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนกับลูซทุกคน พราวฟ้าไม่รู้จะทำตัวยังไงเธอก็ได้แต่ทักทายทุกคนตามมารยาท บางคนถึงกับยกมือเธอไปสัมผัสกับริมฝีปาก เธอเองถึงกับสะดุ้งตกใจแต่ก็ไม่ถึงขนาดชักมือออก เพราะเข้าใจมันคือวัฒนธรรมของที่นี่
ส่วนคนที่พาเธอมาน่ะเหรอ นั่งจิบเหล้าอยู่ข้างๆ โดยไม่ช่วยอะไรสักนิด
“พอแล้ว กลับไปนั่งที่พวกนายได้แล้ว” ลูซพูดเสียงเรียบเมื่อพวกเพื่อนๆ ยังวอแวหญิงสาวไม่เลิก ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจเธอ แต่เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงที่เอาชนะใจน้องสาวเขาได้จะเป็นคนยังไง และเขาก็ได้เห็นว่าเธอไม่เหมือนกับคนอื่น ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงไทยที่ไม่หวือหวาหรือชอบเที่ยว ดูจากที่เธอนั่งนิ่งๆ ให้พวกเพื่อนๆ เขาเล่นหูเล่นตาด้วย แต่เธอก็เฉยๆ ไม่เล่นด้วยเพียงแค่ทักทายตามมารยาทเท่านั้น
ถือว่าน้องเขาตาถึง
“หวง” เอวานถามยิ้มๆ
“ไม่ใช่” ลูซตอบกลับทันที หวง อย่างนั้นเหรอ เขาจะหวงคนที่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงได้ยังไง
“โอเค วันนี้นายโชคดีที่ไม่ได้มาเป็นคนสุดท้าย”
“แล้วใครยังไม่มา”
“โน่นไงมาแล้ว” ทุกคนในโต๊ะให้ไปมองคนที่มาเป็นคนสุดท้าย
พราวฟ้าเองก็อดไม่ได้ที่จะมองด้วย เธอตาโตเมื่อเห็นผู้ชายคนนั้นชัดๆ
ไคล์
ไม่ใช่สิ คิง เขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับลูซงั้นเหรอ ทำไมโลกมันกลมแบบนี้นะ
MANGA DISCUSSION