“มันไม่ตอบวะ”
“กูไม่ได้บอกให้มึงไปคอมเมนต์มัน กูให้มึงโทร” โจชัวว่าอย่างปลงๆ
“ก็ไม่บอกไอ้นี่ ไคล์มึงโทรสิ”
“ทำไมต้องกู”
“เพราะกูขี้เกียจหาเบอร์มัน” ไคล์เหลือบตามองเพื่อนอย่างเซ็งๆ แต่เขาก็กดโทรออก
รอสายไม่นานทางนั้นก็รับ
“มึงจะเข้ามารึเปล่าวันนี้”
“อืม เข้าสิวันนี้เวรกู”
“ให้ไวกูขี้เกียจฟังพวกเวรนี่มันบ่น”
“อืม”
“ว่าไงบ้างวะ”
“มันจะเข้ามา แล้วพวกมึงเป็นเหี้ยอะไร เป็นเมียมันรึไง จิกอยู่ได้” ไคล์พูดอย่างหัวเสีย
“วันนี้กูจะกลับเร็ว แค่ตามมันมาอยู่เวรแค่นั้น” โจชัวพูดหน้ามุ่ย
“เหรอ งั้นกูกลับก่อน”
“อ้าว”
“อ้าวไอ้สัส มึงจะรีบไปไหนวะ”
“กูง่วงนอน” ไคล์ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทันที โดยไม่หันไปมองเพื่อนที่ทำหน้าเหวอ
“ง่วงนอนเหี้ยอะไรของมัน พึ่งจะทุ่ม” โจชัวพูดอย่างไม่เข้าใจ เจฟยักไหล่ให้
“กูว่าช่วงนี้มันแปลกๆ”
“แปลกเพราะ…” เจฟเว้นวรรคไว้
“รอดูต่อไป” พวกเขาไม่อยากคาดเดาอารมณ์ของไคล์มากนัก ไม่รู้ว่าที่คิดจะเป็นจริงแค่ไหน เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
พราวฟ้ากลับมาที่ห้องหลังจากแยกกับปกป้อง เธอยังรู้สึกแปลกๆ อยู่เลย
จากตอนแรกคิดว่าจะกินข้าวมาจากข้างนอก แต่ก็ต้องเปลี่ยนแผนเพราะคนที่บอกเธอว่า หิว จะให้เลี้ยงข้าวสุดท้ายก็ได้กินแค่น้ำแตงโมปั่นแล้วก็เล่นกับแมว
ข้าวก็ไม่ได้กิน พราวฟ้าเดินเข้าไปในครัวเพื่อดูว่ามีอะไรกินบ้าง เธอก็ลืมซื้อกลับมาด้วย เปิดตู้เย็นก็ต้องผิดหวัง เธอยังไม่ได้ซื้อของมาใส่ไว้เลย
คงต้องต้มมาม่าอีกตามเคย เพราะตอนนี้เธอขี้เกียจออกไปอีกรอบ
ว่าแล้วก็จัดการต้มมาม่าเพื่อประทังชีวิตในวันนี้ เสร็จสับก็ยกมานั่งกินที่โต๊ะ ยังไม่ทันที่เธอจะกินก็มีเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา
พราวฟ้าขมวดคิ้ว ยกนาฬิกาขึ้นดู นี่พึ่งจะสองทุ่มทำไมเขากลับมาไวจัง พราวฟ้ากลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ไม่ใช่ว่าเขารู้แล้วหรอกนะว่าเธอออกไปกับเพื่อนเขา
พราวฟ้าพยายามทำตัวนิ่งเฉยทั้งที่ใจเต้นระทึก แต่คิดอีกแง่เขาคงไม่สนใจเธอเท่าไหร่หรอก
ไคล์เดินเข้ามาในห้องครัวเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำออกมากรอกเข้าปาก อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองหญิงสาวที่มีถ้วยมาม่าอยู่ข้างหน้า
“วันๆ นี่กินแต่ของไม่มีประโยชน์” คำพูดของชายหนุ่มเหมือนจะพูดลอยๆ แต่ใครๆ ฟังก็รู้ว่าเขาว่าเธอ
เขาเหลือบตามองสำรวจคนที่นั่งกินมาม่าอยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
แรงกระชากที่แขนทำให้ช้อนที่อยู่ในมือตกลงพื้นสร้างความตกใจให้กับผู้ถูกกระทำเป็นอย่างมาก
“อะไร” พราวฟ้าหันไปถามคนที่อยู่ๆ ก็เข้ามากระชากแขนเธอ อย่างไม่เข้าใจ อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ เพราะสายตาของเขามันน่ากลัวมาก
“เธอไปไหนมา” น้ำเสียงเย็นยะเยือก บวกกับสีหน้าถมึงทึง ทำให้เธอหลบสายตาของเขา เม้มปากเข้าหากัน
“ฉันถามว่าเธอไปไหนมา” ไคล์กดเสียงต่ำ
“สนใจเรื่องของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” เธอไม่ได้ตั้งใจจะรวนเขา เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาไม่เคยสนใจเรื่องของเธอสักนิด
“หึ เธอคิดว่าฉันอยากสนใจเธอนักรึไง ถ้าไม่เพราะเธอเอานิสัยร่านๆ มาหลอกล่อเพื่อนฉัน” เสียงห้าวทุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มพร้อมกับกดเสียงต่ำอย่างกักเก็บอารมณ์
“ฉันไม่ได้หลอกใคร” หญิงสาวเองก็กลั้นใจโต้กลับ
“อ่อ เหรอ ฉันเตือนนี่ไม่ฟังกันเลยใช่ไหม อยากเจอหนักกว่านี้”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ไม่ผิดเหรอ แล้วนี่มันอะไร นี่อะไร เธอคิดว่าฉันเป็นควายรึไง” ไคล์กระชากเสื้อของพราวฟ้าด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว กระชากน้ำเสียงใส่ด้วยความเกรี้ยวกราด
ขนแมวที่ติดอยู่ตรงเสื้อเธอ มันเป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเธอไปไหนมา
พราวฟ้าหัวใจเต้นระทึก มองหลักฐานที่เขาบอก
“ฉันยังยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด” การที่เธอออกไปกับเพื่อนเขา เธอไม่ได้ไปทำเรื่องเสียงหาย
ถึงแรงบีบที่แขนทำให้เธอต้องนิ่วหน้าเพราะเจ็บ แต่เธอก็ไม่ร้องออกมาสักแอะ
“ไม่ผิดงั้นเหรอ ไม่ผิด” ไคล์จ้องหน้าเธอเขม็ง เขาอยากบีบคอผู้หญิงคนนี้ให้ตายคามือนัก
“โอ๊ย…” ร่างบางกระแทกเข้ากับตู้เย็นอย่างแรงเพราะการกระทำอันป่าเถื่อนของผู้ชายตรงหน้า ตาจ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้
เมื่อคิดจะทำแล้วเธอก็ต้องรับผลของการกระทำนั้นให้ได้พราวฟ้า
“เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่แม่ฉันเก็บมาเลี้ยง ไม่ได้มีความสำคัญอะไรสักนิด”
ไคล์จับร่างบางหันหลัง การกระทำของเขาทั้งป่าเถื่อนและหยาบคาย มือแกร่งดึงกางเกงยีนให้หลุดออกจากสะโพกอย่างไม่เบามือ
ความอุ่นร้อนแทรกเข้ามาแนบชิดอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ดวงตาสวยเบิกโพลงอย่างตกใจและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย เจ็บ”
“เจ็บก็ดี จะได้จำ เมื่อคืนฉันปรานีเธอไปใช่ไหม วันนี้ก็รับกรรมไปแล้วกัน” ไคล์พูดเสียงเย็นเฉียบ โหมสะโพกเข้าหาความคับแน่นอย่างไม่ปรานี
พราวฟ้าหลับตา กัดฟันแน่น น้ำตาซึม ยอมรับความเจ็บปวดที่เขามอบให้
การลงโทษของไคล์ครั้งนี้หนักกว่าทุกครั้ง เขาข่มขืนเธอ กว่าเขาจะยอมถอดถอนออกจากตัวเธอ เธอก็แทบจมลงกับเตียง
ร่างใหญ่ลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องไป
เสียงสะอื้นไห้ลอยออกมาตามหลัง
“เธอทำตัวเองทั้งนั้น”
เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาไม่ขาดสาย แต่ก็ไม่ทำให้คนที่นอนซมอยู่รู้สึกตัวสักนิด ร่างบางกลับมาเป็นไข้อีกครั้งทั้งที่พึ่งจะหาย ร่างกายบอบช้ำจนแทบทำให้เธอไม่สามารถลุกไปเรียนได้
“มันเกิดอะไรขึ้นอะตอม นี่มันเรื่องอะไร ฉันงงไปหมดแล้ว” ปริมถามเพื่อนอย่างร้อน เธอกดโทรศัพท์มือแทบพันกัน
ทางด้านชายหนุ่มที่โดนถามอยู่ในอาการช็อก
“พวกแก เห็นนี่รึยัง นี่มันยัยพราวใช่ไหม ใช่ไหมปริม” เอมม่าวิ่งเข้ามาหาเพื่อนถามอย่างร้อนรนไม่ต่างกัน
“ฉันก็ไม่รู้ แกคิดว่าใช่ไหมล่ะ” ปริมถามกลับ ทั้งที่ใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เช้าวันนี้เป็นอะไรที่แย่มากสำหรับเธอ มันไม่น่าจะเกิดขึ้น แล้วเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ถึงจะยังไม่ได้รับการยืนยันจากเจ้าตัว เธอดูก็รู้ว่าผู้หญิงในรูปเป็นใคร ถ้าคนที่สนิทกันจริงๆไม่เห็นหน้าก็มองออก
เช้าวันนี้มีภาพผู้หญิงคนหนึ่งนอนหลับเปลือยหลังเห็นแค่ซีกหน้าด้านข้างนอนอยู่บนเตียง โดยที่ตามตัวมีรอยบอบช้ำเต็มไปหมด ภาพนั้นไม่ได้มีการเซนเซอร์ใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนคนปล่อยภาพจงใจให้คนอื่นรู้ว่าคนในรูปคือใคร
“ฉันว่าต้องใช้แน่ๆ นี่มันยัยพราวชัดๆ” เอมม่าออกความเห็น คิ้วขมวดเข้าหากัน มองภาพนั้นตาไม่กะพริบ
“อาจจะไม่ใช่ก็ได้ พราวไม่ได้เป็นคนแบบนั้น” ปริมภาวนาให้มีคนหน้าเหมือนเพื่อนของเธอด้วยเถอะ เพราะเธอยังเชื่อว่าพราวฟ้าไม่ใช่คนอย่างนั้น อีกอย่างเพื่อนเธอยังไม่มีแฟนเลยด้วยซ้ำ
“เหรอ แล้วนายละอะตอมคิดว่าไง” เอมม่าหันไปถามเพื่อนชายอีกคนที่นั่งนิ่ง
“ฉันไม่รู้” อะตอมพูดจบก็เดินออกไปทันที มือกำเข้าหากันแน่
วันนี้เขาต้องรู้ให้ได้ว่าอะไรมันเป็นอะไร เขาไม่อยากเก็บความสงสัยไว้อีกแล้ว
MANGA DISCUSSION