“ขอโทษค่ะ” พราวฟ้าสะดุดเกือบล้มเพราะเธอเผลอชนเข้ากับใครก็ไม่รู้ระหว่างทางเดินไปที่ลานจอดรถของคณะวิศวะ
คณะเธอกับคณะวิศวะไม่ได้ไกลกันมาก
“เป็นอะไรไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” พราวฟ้าก้มหน้าขอโทษคนที่เธอเดินชน คงจะเป็นผู้ชายคณะนี้เพราะใส่เสื้อชอป ใช่สินะเธอเดินเกือบจะถึงลานจอดรถแล้วนี่นา
มัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่ได้สังเกตรอบๆ ตอนนี้นักศึกษากำลังเลิกเรียน มีเธอเพียงคนเดียวที่เป็นผู้หญิงคณะอื่นยืนอยู่ตรงนี้ จึงทำให้กลายเป็นจุดสนใจ
“อยู่คณะไหนครับ มาหาแฟนหรือมาทำอะไรครับ” คนที่เดินชนเธอถามขึ้น พราวฟ้าเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา และเบนสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาคนที่เธอมารอ แต่ก็ไม่พบ
“มารอพี่ชายค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดจบก็เดินเลี่ยงออกไป แต่ก็ช้ากว่า ผู้ชายคนนั้นจับแขนเธอเอาไว้ซะก่อน พราวฟ้าดึงแขนออกทันทีแต่ก็ไม่หลุดจากการเกาะกุมของเขา
“พี่ชายชื่ออะไรครับ เผื่อเรารู้จัก”
“เอ่อ…คือ” พราวฟ้าไม่แน่ใจว่าควรจะเอาชื่อไคล์ไปอ้างดีไหม เพราะถ้าเขารู้เขาต้องอาละวาดแน่
“พราว พี่บอกให้ไปรอที่ลานจอดรถไม่ใช่เหรอ”
ชายหนุ่มที่เข้ามาวอแวกับหญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามาทักหญิงสาว ซึ่งไม่ต่างจากพราวฟ้าที่ตกใจไม่แพ้กัน
ผู้ชายคนนี้
“นายมีอะไรรึเปล่า”
“เปล่าครับ ขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มเดินออกไปอย่างหวาดๆ ใครจะกล้ามีเรื่องกับรุ่นพี่ปีสี่ที่แสนน่ากลัว
กลุ่มของปกป้องเป็นกลุ่มพี่ว้าก ก่อนจะส่งต่อให้รุ่นน้อง ความร้ายกาจและความน่ากลัวเป็นที่พูดถึงกันเป็นทอดๆ แถมยังเป็นหนุ่มหล่อและรวยมากของมหาลัย
แต่ความรวยความหล่อไม่ได้เป็นที่เลื่องลือเท่าความน่ากลัวของกลุ่มนี้ ความเด็ดขาด และความกล้าได้กล้าเสีย แถมยังเป็นเจ้าของผับที่นักศึกษาไปใช้บริการมากที่สุดอีกด้วย
“มารอไอ้ไคล์เหรอ” คนที่เข้ามาช่วยเธอคือปกป้อง เธอไม่รู้ว่าเขามาได้ยังไง และรู้เรื่องของเธอกับไคล์ได้ยังไง
หรือว่าไคล์เป็นคนบอก
พราวฟ้าหาเสียงตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี เธอไม่ได้เตรียมตัวในการตอบคำถามเรื่องของเธอกับไคล์ เธอไม่คิดว่าเขาจะให้คนอื่นรับรู้เรื่องนี้
“มันบอกให้รอที่รถหนิ ไปสิ เดี๋ยวเดินไปส่ง สักพักมันคงตามมา” ปกป้องเห็นคนตรงหน้าไม่พูด เขาเลยสรุปเอง ปกติเขาเป็นคนพูดน้อย แต่พอมาเจอคนที่พูดน้อยกว่า เขาต้องเป็นฝ่ายพูดมากซะเอง
เขาเองก็สงสัยในความสัมพันธ์ของเพื่อนกับผู้หญิงคนนี้ ถามก็ไม่ยอมบอก พอจี้จุดหน่อยก็บอกเป็นแค่ของกินเล่น
แต่วันนี้เขาบังเอิญได้ยินไคล์คุยโทรศัพท์ บอกให้ใครสักคนมารอที่ลานจอดรถหลังเลิกเรียน พอเห็นผู้หญิงคนนี้มาที่นี่เขาเลยสรุปเอาเอง
ปกติก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านสักเท่าไหร่ แต่พอเห็นผู้หญิงของเพื่อนคนนี้เขากลับนิ่งดูดายไม่ได้ เขาคิดว่าเธอมีอะไรพิเศษมากกว่าคู่นอนทั่วไปของเจ้านั่น
ไคล์เป็นคนอ่านยาก ปากแข็ง ถ้าไม่กระตุ้นจริงๆ ไม่มีวันที่ความจริงจะหลุดออกมา
“ไปสิ เดินไปส่ง” ปกป้องเร่งเธออีกรอบ พราวฟ้าไม่รู้จะพูดอะไร เธอได้แต่ก้มหัวให้เขาแล้วเดินตามเขาไป
เธอคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ไหนไคล์บอกว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับคนอื่น แล้วทำไมผู้ชายตรงหน้าถึงรู้เรื่องเธอ
พอถึงใกล้ถึงลานจอดรถปกป้องกลับให้เธอไปนั่งรอที่ม้าหินอ่อน ก่อนที่จะถึง
“มันมาคงเห็นเอง”
พราวฟ้าเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้ เขาเองก็นั่งลงด้วย เธอนึกว่าเขาจะไปเลยซะอีก เธอเองก็ไม่กล้าเอ่ยปากไล่เขา แต่คิดว่าเธอควรจะขอบคุณเขาสักหน่อย
“เอ่อ…คือ ขอบคุณนะคะที่ช่วยเมื่อครู่” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณคนที่นั่งตรงข้ามเสียงแผ่ว ซึ่งปกป้องก็สังเกตเอาการของเธอเป็นพักๆ
“เลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนได้ไหมล่ะ”
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นม่านตาของหญิงสาวขยายกว้าง แถมยังมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ เป็นผู้หญิงที่ระวังตัวดีเหมือนกันแฮะ
“พี่ชื่อปกป้อง ไม่รู้จำได้รึเปล่า เราเจอกันครั้งนี้ครั้งที่สาม”
พราวฟ้าเม้มปากเข้าหากัน จำได้สิ เธอจำเพื่อนของไคล์ได้ทุกคน เจอกันครั้งแรกที่ผับ ครั้งที่สองที่ห้องสมุด เขาเป็นคนที่ช่วยหยิบหนังสือให้เธอ
“ค่ะ จำได้ค่ะ”
“งั้นตกลงแล้วนะครับ ขอโทรศัพท์หน่อย” การกระทำของปกป้องทำให้พราวฟ้าตั้งตัวไม่ทัน เขายื่นมือมาตรงหน้า จ้องหน้าเธอนิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้ข่มขู่ ว่าต้องเอามาให้เขาเดี๋ยวนี้
แต่สายตาของเขาก็ทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้ เธอยื่นโทรศัพท์ให้เขา
เขาก็จัดการทุกอย่างเองเสร็จสรรพ
“เดี๋ยวพี่จะโทรไปนัดวันอีกที หวังว่าจะว่างนะ ไปก่อนนะครับ” ปกป้องเดินออกไปทันทีที่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
พราวฟ้าขมวดคิ้วมองตามหลังผู้ชายคนนั้น เพื่อนของไคล์ เขาเป็นคนยังไงกันแน่ รู้ทั้งรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของเพื่อน เขามาทำแบบนี้ทำไม
สายตาคมกร้าวตวัดมองคนที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้กับเพื่อนที่เดินออกไปอย่างหัวเสีย เจ้านั่นทำอะไรของมัน ไคล์เดินเข้าไปหาหญิงสาว โดยไม่สนใจว่าใครจะเห็นหรือไม่เห็น
ถ้ามีคนถามเขาก็แค่บอกว่าเป็นคู่นอน แต่จะมีใครกล้ามาถามหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่อง ยกเว้นพวกเพื่อนเวรของเขานี่แหละ
“อย่าคิดแม้แต่จะอ่อยเพื่อนฉัน” วาจาร้ายกาจที่พ่นออกมาคำแรกหลังจากที่เดินมาถึง พราวฟ้าเม้มปากแน่น
เขาไม่ถามเธอสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น
“ค่ะ” เธอเลือกที่จะตอบรับเพียงสั้นๆ
“ตามมา” ไคล์หัวเสียยิ่งกว่าเดิมเมื่อคนที่ทำให้เขาหงุดหงิดไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากกว่านี้
ไคล์พาหญิงสาวมาที่บ้านตามคำสั่งของคุณทิพย์อาภาพอมาถึงแม่ของเขาก็เดินเข้ามากอดหญิงสาว ซึ่งภาพแบบนี้มันทำให้ไคล์ปวดใจ
เขาเกลียดพราวฟ้าที่เข้ามาแย่งความรักของแม่ไปจากเขา เกลียดทุกครั้งที่แม่ดุเขาเพราะผู้หญิงคนนี้ ไคล์เดินหน้านิ่งเข้าไปในบ้าน
วันนี้ไม่จำเป็นสักนิดที่เขาต้องทำตามคำสั่งของท่าน แต่อะไรดลใจไม่รู้ให้โทรหาพราวฟ้า แล้วบอกให้เธอมารอที่ลานจอดรถคณะ มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบที่บ้ามาก
เขาน่าจะรู้ตัว ว่ายิ่งอยู่ใกล้ยัยนี่มากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด
“พราววันนี้ค้างกับแม่ไหม พรุ่งนี้เรียนกี่โมง”
คุณทิพย์อาภาจูงหญิงสาวมานั่งที่โซฟา ไคล์ขมวดคิ้วมองการคุยกันของสองแม่ลูก
“คือ..พราวเรียนบ่ายค่ะ”
“งั้นดีเลย ค้างกับแม่นะ” คุณทิพย์อาภาขอร้องหญิงสาว
พราวฟ้าเหลือบตาไปมองทางไคล์ ดูว่าเขาจะว่ายังไง พอสบตากับเขาก็เจอกับสีหน้าหงุดหงิดของเขา
“คือ..พราวไม่ได้เอาหนังสือที่ต้องทำงานส่งอาจารย์พรุ่งนี้มาด้วยค่ะ” พราวฟ้าหลุบตาลงที่ต้องพูดเรื่องโกหก ตั้งแต่วันที่ไคล์ประกาศว่าเธอเป็นตัวแย่งความรักของเขาจากแม่ไป ต่อหน้าเขาเธอไม่กล้าที่จะอ้อนท่านมากนัก ยอมรับว่ากลัวสายตาของไคล์
ถึงแม้ทุกวันนี้เขาจะไม่พูดแบบนั้นก็ตาม
แต่มันมีครั้งหนึ่งที่เขาพูด ในวันที่เขากำลังจะก้าวขาออกจากบ้านไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เขาตะโกนใส่หน้าเธอว่า อยากได้นักก็เอาไป ฉันให้เธอยืม ถึงเวลาเมื่อไหร่ฉันจะมาทวงคืน
วาจาร้ายกาจของเขาทุกคำมันวนเวียนอยู่ในหัวเธอตลอด
ไคล์เป็นคนพูดจริงทำจริง เพราะวันที่เธอย้ายไปอยู่กับเขา เขาก็บอกเงื่อนไขทันทีเลยว่า ถ้าเธอทำให้เขารักไม่ได้ ก็ไสหัวออกไปจากครอบครัวเขาซะ
ซึ่งมันคงจะใกล้ถึงเวลาแล้ว
หกเดือน ข้อเสนอของไคล์คือหกเดือน ซึ่งเรื่องนี้เธอไม่เคยบอกคุณแม่เลย นี่ก็ผ่านมาสามเดือนกว่าแล้ว เธอเหลือเวลาอีกไม่มากนัก
“งั้นเหรอลูก เอาไว้วันหลังก็ได้ ไคล์พาน้องมาค้างที่บ้านบ้างนะ” คุณทิพย์อาภาหันไปหาลูกชาย
ไคล์กลอกตาไปมา
“เอากลับมาอยู่ด้วยเลยไหมล่ะ” เขาพูดพร้อมกับเหยียดยิ้มมุมปาก ซึ่งพราวฟ้าเข้าใจความหมายนั้นดี
หกเดือนกับทำให้เขารัก
ห้ามก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว
ห้ามบอกให้ใครรู้
ถ้าเธอเป็นฝ่ายย้ายออกมาเองถือว่าทุกอย่างล้มเลิก และเธอต้องออกไปจากครอบครัวเขาทันที
เงื่อนไขที่เขาตั้งขึ้น เขาเอามาบีบบังคับเธอทุกอย่าง ซึ่งเรื่องนี้คุณแม่ไม่รู้
“ไคล์ลูกก็ใจดีกับน้องหน่อย วันที่ไม่มีน้องแล้วลูกจะรู้สึก” คุณทิพย์อาภามองลูกชายค้อนๆ ท่านรู้ดีว่าทุกอย่างเป็นเพราะท่าน และท่านก็อยากแก้ไขมัน
แต่การแก้ไขของท่านมันก็พลาดอีกจนได้ เมื่อเอาความรักของคนคนหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง ท่านดูออกว่าลูกเลี้ยงของท่านรักลูกชายหัวดื้อของตัวเอง ท่านเลยอยากใช้ความรัก ความดี ที่หญิงสาวมีดัดนิสัยลูกชาย แต่มันคงยากหน่อยเพราะลูกชายของท่านหัวรั้นเกินไป ไม่ฟังอะไรเลย มองไม่เห็นความจริงใจที่คนอื่นมอบให้
แต่ท่านรู้ว่าลึกๆ แล้วไคล์มีความอ่อนโยนอยู่ในตัว ถึงมันจะอยู่ลึกมาก็เถอะ ท่านอยากให้พราวฟ้าเอาชนะใจไคล์ให้ได้ ถ้าถึงที่สุดแล้ว พราวฟ้าทำไม่ได้ท่านคงต้องยอมปล่อยหญิงสาวไป
“ผมคงรู้สึกดีใจมาก”
พราวฟ้าเม้มปากเข้าหากัน เจ็บทุกครั้งที่เขาพูดแบบนี้ ปากบอกเธอชินแต่ใจเธอเจ็บ
“ตาไคล์นี่” คุณทิพย์อาภามองหน้าพราวฟ้าอย่างเห็นใจ ซึ่งหญิงสาวก็ยิ้มตอบท่านส่งผ่านสายตาบอกว่าเธอไม่เป็นไร
ตอนนี้เธอยังไหว รอให้ครบกำหนดถ้าไม่มีอะไรดีขึ้นเธอจะถอยออกมาเอง
“งั้นเราไปทานข้าวกันเถอะลูก วันนี้แม่ทำของโปรดของทั้งสองคนเลยนะ”
“แม่รู้ด้วยเหรอว่าผมชอบอะไร” น้ำเสียงทุ้มเข้มพูดขึ้นแผ่วเบา แต่ก็ได้ยินหมดทุกคน
คุณทิพย์อาภาหยุดชะงัก หันไปมองทางลูกชาย แวบหนึ่งเหมือนเห็นแววตาน้อยใจอยู่ในนั้น ท่านเองก็เสียใจที่ทำให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้
หลังจากที่ไคล์ออกจากบ้านไม่มีวันไหนเลยที่เธอนอนหลับสนิท ลูกชายของเธอกลายเป็นคนเก็บกด พูดน้อย เย็นชา ไม่ฟังใครทั้งนั้น
ทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอเองที่เลี้ยงลูกไม่ดี
“ไคล์” คุณทิพย์อาภาเรียกลูกชายเสียงแผ่ว
ไคล์ได้ยินแต่เขาเลือกที่จะเมินน้ำเสียงนั้น เดินนำไปที่ห้องอาหารก่อนใครเพื่อน
หญิงสาวสองคนต่างวัยมองแผ่นหลังชายหนุ่มด้วยสายตาเดียวกัน
หลังจากทานข้าวเสร็จ ไคล์ก็พาพราวฟ้ากลับมาที่คอนโด เขามาส่งเธอแค่ข้างหน้าแล้วก็บึ่งรถออกไปทันที โดยไม่พูดอะไร
MANGA DISCUSSION