“รีบเปลี่ยนจะได้มาช่วยเปิ่นหวางแต่งกาย”
ตรัสจบก็เดินออกไปทันที
อันใดของพระองค์กันทรงออกไปตั้งนานแล้วยังมิเปลี่ยนฉลองพระองค์อีกงั้นหรือ ร่างบางได้แต่เร่งรีบเปลี่ยนอาภรณ์ตรวจดูความเรียบร้อยก่อนรีบเดินออกมาเห็นวรกายสูงสวมชุดตัวในสีขาวเรียบร้อยนั่งอยู่บนเตียงพระเกศายาวปล่อยสยายลงมา
“ทรงลุกมาประทับตรงนี้เถิดเพคะหม่อมฉันจะเกล้าพระเกศาให้”
ร่างสูงลุกขึ้นมานั่งอย่างว่าง่ายปล่อยให้ร่างบางสางพระเกศาให้อย่างเบามือก่อนเกล้าขึ้นทั้งหมดใช้กวานสีเงินครอบไว้ปักด้วยปิ่นเงินประดับอัญมณีสีน้ำเงินเข้มล้ำค่า
“ดูเจ้าชำนาญ”
“เพคะ หม่อมฉันทำให้พี่ชายบ่อยๆ ”
เมื่อเกล้าเกศาเสร็จแล้วจึงเดินไปหยิบชุดตัวกลางสีน้ำเงินเข้มมาถือไว้เดินเข้ามาใกล้ร่างสูง
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ”
ร่างสูงลุกยืนขึ้นเต็มความสูงกางแขนออกให้นางช่วยแต่งกาย ร่างบอบบางสูงเพียงพระอุระของพระองค์เท่านั้นทำให้นางต้องทุลักทุเลพอสมควรเมื่อสวมเสื้อคลุมสีดำสนิทปักลวดลายกิเลนด้วยด้ายสีเงินก็เป็นอันเสร็จหน้าที่ของนาง
“จะทรงรับสำรับเช้าเลยหรือไม่เพคะ”
“ไม่ละ ต่อไปไม่ต้องเตรียมให้ เปิ่นหวางรับสำรับเช้ากับเสด็จแม่ในวังทุกวัน ยามซวี(19.00-20.59)เตรียมตัวมารับสำรับที่นี่”
“เพคะ”
“เจ้ากลับไปพักได้”
“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”
ร่างบางที่เดินออกมาถอนหายใจอย่างโล่งอกในที่สุดวันนี้นางก็รอดยังต้องเป็นเช่นนี้ในอีกทุกวันได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ามันคือหน้าที่เท่านั้น
ชินอ๋องที่อยู่บนรถม้ามุ่งหน้าเข้าวังหลวงทรงคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อชั่วยามที่ผ่านมาพระพักตร์คมแย้มสรวลบางๆ ทรงนึกถึงสตรีประหลาดที่เหมือนจะใจกล้าต่อปากต่อคำกับพระองค์แต่ยามเมื่อถูกพระองค์กลั่นแกล้ง กลับไปไม่เป็นเสียอย่างนั้นใบหน้างามท่าทางจริงจังยามตั้งใจปรนนิบัติพระองค์นั้นช่างน่าเอ็นดูและน่ากลั่นแกล้งอยู่มิน้อย นอกจากปั้นหน้านิ่งทรงอยากรู้นักว่าจะแสดงอาการเช่นใดได้อีกบ้าง ยิ่งคิดยิ่งแย้มสรวลกว้างขึ้นจนพระองค์ยังแปลกพระทัยองค์เองโดยปกติพระองค์มิใช่คนชอบกลั่นแกล้งผู้ใดแม้แต่กับอิงเออร์น่าแปลกที่ทรงทำเช่นนั้นกับนางทั้งเป็นไปโดยธรรมชาติอีกด้วย
ท้องพระโรงแคว้นฉิน
หลังจากว่าราชการเสร็จฮ่องเต้ฉินหย่งเหอที่เอ่ยรั้งพระอนุชาไว้เพื่อหารือราชกิจต่อก็เดินออกมาจากท้องพระโรงพร้อมกัน
“กระหม่อมกำลังจะไปรับสำรับร่วมกับพระมารดาฝ่าบาทจะเสด็จไปพร้อมกันหรือไม่พะยะค่ะ”
“ไปสิ หลางกงกง ไปแจ้งฮองเฮาว่าเช้านี้เจิ้นจะไปรับสำรับที่ตำหนักผิงอันบอกนางมิต้องรอ”
“พะยะค่ะฝ่าบาท”
ตำหนักผิงอัน
“ฝ่าบาทเสด็จจจจ”
“ชินอ๋องเสด็จจจจ”
“ถวายพระพรฝ่าบาทขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปีเพคะ/พะยะค่ะ”
“ถวายพระพรชินอ๋องของจงทรงพระเจริญเพคะ/พะยะค่ะ”
“ลุกขึ้นๆ ”
สุรเสียงอ่อนโยนเอ่ยอนุญาตให้เหล่านางกำนัลขันทีลุกขึ้น
วรกายสูงส่งแห่งบุตรมังกรทั้งสองพระองค์เดินเข้ามาในตำหนักเห็นพระมารดากำลังควบคุมนางกำนัลห้องเครื่องจัดการอาหารมากมายบนโต๊ะเสวย
“ลูกถวายพระพรเสด็จแม่พะยะค่ะ”
“มากันแล้วรึ หมิงเออร์ ฝ่าบาท มาๆ ”
ร่างอวบอิ่มรีบไปจับพระหัตถ์หนาของโอรสทั้งสองเข้ามาประทับด้านใน
“กำลังจัดโต๊ะ รอประเดี๋ยวก่อนเถิด”
“พะยะค่ะ”
ใช้เวลาไม่นานโต๊ะเสวยก็ถูกจัดเตรียมเรียบร้อยทั้งสามพระองค์จึงร่วมเสวยกันอย่างชื่นมื่นตลอดเวลาเสวยไทเฮาและหย่งเหอฮ่องเต้ต่างรู้สึกได้ว่าชินอ๋องวันนี้จะอารมณ์ดีกว่าทุกวันหลังจากเสวยเสร็จแล้วจึงย้ายมานั่งจิบชาสนทนากันต่อโดยเหล่านางกำนัลขันทีออกมาข้างนอกตำหนักทั้งหมดเหลือเพียงหลางกงกงและหนี่ว์มามาคนสนิทของไทเฮาเท่านั้น
“ฝ่าบาทมีเรื่องใดกังวลพระทัยหรือ”
“มีหนังสือร้องเรียนมาจากเมืองอี้ถังพะยะค่ะ”
“เมืองอี้ถังมิใช่เมืองที่ทรงมีพระราชโองการลงไปให้สร้างเขื่อนเก็บน้ำหรือ”
“พะยะค่ะเสด็จแม่”
“มีปัญหาอันใดหรือพะยะค่ะ”
“หนังสือร้องเรียนนี้มิได้มาจากเหล่าขุนนางแต่ได้มาจากนางกำนัลคนหนึ่งในตำหนักสนมขั้นผิน”
“สนมขั้นผินของพระองค์มีออกมากมาย หม่อมฉันจะรู้หรือว่าเป็นตำหนักใด”
ตรัสล้อเลียนพระเชษฐาอย่างมิได้จริงจังนัก
“วังเสิ่นหยางกง คงเงียบเหงาอยู่ไม่น้อยพี่จะพระราชทานคุณหนูสักหลายนางไปยังวังอ๋องดีหรือไม่”
“หม่อมฉันล้อเล่นพะยะค่ะ แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่”
เมื่อฟังคำตรัสพร้อมพระพักตร์หล่อเหลานั้นแย้มสรวลบางๆ ผู้เป็นใหญ่ทั้งสองก็เข้าพระทัยทันที ไทเฮาแย้มสรวลอย่างสมพระทัย ก่อนฮ่องเต้จะเอ่ยถึงเรื่องราชกิจขึ้นมา
“ปัญหาคือนางหลบหนีออกจากเมืองหลวงไปแล้ว”
“ปัญหาแท้จริงมิใช่นางหนีไป แต่เป็นเหตุใดถึงได้มีการร้องเรียนแบบลับๆ เช่นนี้ขุนนางเหล่านั้นปกปิดสิ่งใดกันอยู่”
“ถูกแล้วหมิงเออร์ ฝ่าบาทผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมเรื่องนี้”
“เสนาบดีกรมโยธา มอบหมาย หลานซ่ง ผู้ช่วยของเขาเดินทางไปพะยะค่ะ”
“หลานซ่ง”
คนตระกูลหลานงั้นหรือ
“หม่อมฉันควรไปเยือนเมืองอี้ถังสักครา”
จากนั้นทั้งสองพระองค์จึงกลับมายังห้องทรงพระอักษรตำหนักเฉียนชิงก่อนจะหารือกันจนเวลาล่วงเลยไปถึงยามโหย่ว (17.00-18.59)
“ท่านอ๋องจะเสด็จที่ใดต่อหรือไม่พะยะค่ะ”
หรงไจ้เอ่ยถามเมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกมาจากตำหนักเฉียนชิง
“กลับวังเลย เปิ่นหวางบอกนางมารับสำรับยามซวี (19.00-20.59) นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว”
“พะยะค่ะ”
หรงไจ้รับคำได้แต่ก้มหน้าลงเพื่อกลั้นรอยยิ้ม ไหนทรงบอกมิพึงใจแต่ทรงนึกถึงพระชายาก่อนเช่นนี้ ตามปกติพระองค์คงเสด็จไปจวนตระกูลหลาน แต่นี่ทรงมิได้เสด็จไปสามวันแล้ว เขาก็จะรอดูเช่นกันที่ทรงบอกว่ามิสนใจพระชายาจะทรงทนได้กี่มากน้อย
MANGA DISCUSSION