“พระชายาเพคะท่านอ๋องให้คนมาแจ้งว่ายามห้าย (21.00-22.59) จะเสด็จตำหนักหลันเทียนเพคะ”
“อืม”
น้ำเสียงตื่นเต้นของเสี่ยวอวี้ดังขึ้นแจ้งแก่ชินหวางเฟยแต่คำตอบจากริมฝีปากอวบอิ่มนั้นกลับตอบกลับมาเพียงคำเดียวสั้นๆ ท่าทีสงบนิ่งไม่อนาทรต่อสิ่งใดมิมีความยินดีในน้ำเสียงและแววตาคมหวานนั่นเพียงนิด
นางกำนัลตัวน้อยได้แต่แปลกใจในกิริยาของชินหวางเฟยเหตุใดเมื่อรู้ว่าท่านอ๋องจะเสด็จมาถึงมิยินดี
“ทรงกลับตำหนักเพื่อเตรียมตัวดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะปรนนิบัติพระองค์เองเพคะ”
“ไม่ล่ะ ข้าเพิ่งอาบน้ำมาไม่นานอีกอย่างนี่ก็เพิ่งยามเซินเจ้าจะรีบร้อนไปทำไม”
อวี้หลิงยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจในชินหวางเฟย มิใช่สตรีทุกนางควรยินดีหรือที่สามีบอกจะมา สตรีทั่วไปคงรีบให้บ่าวไพร่ปรนนิบัติขัดสีฉวีวรรณแต่งองค์งดงามรอเสียแล้วแต่ชินหวางเฟยกลับเอาแต่นั่งชมเหลียนฮวาจิบชาอย่างสบายพระทัยอยู่อย่างนั้น อวี้หลิงนางจนด้วยคำพูดที่จะโน้มน้าวพระองค์จึงทำได้แต่นั่งลงรอรับคำสั่งอยู่เงียบๆ
ตำหนักเฟยเทียน
ร่างสูงนั่งทรงงานอยู่ในห้องหนังสือในตำหนักใหญ่ที่ประทับส่วนพระองค์โดยมี เกากงกง ขันทีชราที่เป็นคนจัดการสิ่งต่างๆ ในวังเสิ่นหยางแห่งนี้คอยถวายงานอยู่ข้างโต๊ะทรงงานตัวใหญ่ทำจากไม้เนื้อดีพระพักตร์หล่อเหลาเคร่งขรึมจนกงกงคนสนิทอดเอ่ยถามออกมาไม่ได้
“ทรงมีสิ่งใดรบกวนพระทัยหรือพะยะค่ะ”
พระพักตร์คมเงยขึ้นจากกองฎีกาที่รับมาจากฮ่องเต้อีกที แต่ก่อนจะได้ตรัสตอบคำถามก็มีเสียงรายงานจากองครักษ์หน้าห้องดังขึ้นมาก่อน
“ท่านหานอี้ขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”
ร่างสูงพยักหน้าให้หรงไจ้ไปเปิดให้องครักษ์คนสนิทอีกคนที่ทรงมอบหมายให้ไปทำงานบางอย่างเข้ามาในห้อง
“คารวะท่านอ๋องพะยะค่ะ”
“ลุกขึ้น ว่ามา”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ หลังจากแม่สื่อส่งพระชายาเข้าหอแล้วก็กลับทันทีส่วนพระชายาก็ทรงเสวยและให้นางกำนัลปรนนิบัติในปลายยามเซินทรงออกมาเดินเล่นจนถึงตอนนี้พะยะค่ะ”
“มีคนไปแจ้งนางหรือยังว่าเปิ่นหวางจะไปพบ”
“แจ้งแล้วพะยะค่ะ ทรงรับรู้และ เอ่ออ..”
“มีอันใด”
“ทรงตรัสว่า อืม คำเดียวแล้วจิบชาต่อพะยะค่ะ”
ปั้งงงงง!!
หัตถ์หนาตบลงบนโต๊ะทรงงานเสียงดัง
“ดี พระชายาของข้าช่างอวดดียิ่ง”
“พระทัยเย็นก่อนเถิดพะยะค่ะ พระชายาเพิ่งเข้ามาอยู่ในวังอาจจะยังมิคุ้นชินธรรมเนียมอยู่บ้าง”
“เปิ่นหวางไม่ได้อยากไปตำหนักนางนักหรอกหากมิใช่เห็นแก่เสด็จแม่มีหรือจะเเต่งนางเข้ามา”
“พระองค์ย่อมทรงทราบถึงพระประสงค์ขององค์ไทเฮาดีพะยะค่ะ”
เสียงถอนหายใจหนักๆ ของร่างสูงดังขึ้นอีกรอบ
“รู้แล้วน่า เปิ่นหวางมีเรื่องที่อยากตกลงกับนางเพียงเล็กน้อย”
มิใช่ว่าพระองค์ไม่รู้ว่าตระกูลหลานของสตรีในพระทัยนั้นเป็นภัยต่อบัลลังก์มังกรเพียงใดแต่ในพระทัยนั้นก็ยังคงเชื่อในตัวของนางว่านางมิได้รับรู้และมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แน่
ตำหนักหลันเทียน
ร่างบางที่อาบน้ำเสร็จสวมอาภรณ์สีขาวปักลายเหลียนฮวาสีเดียวกันนั่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่โดยมีฮุ่ยหลิงกำลังสางผมดำขลับยาวสลวยก่อนค่อยๆ เกล้าอย่างปราณีตปักปิ่นทองระย้างดงามพร้อมเลือกปิ่นรองอีกหลายอันขึ้นมาเตรียมปักลงบนมวยผม
“พอแล้วเสี่ยวฮุ่ยปักอันเดียวพอแล้ว”
“ไม่ได้นะเพคะท่านอ๋องเสด็จมารับสำรับด้วยเช่นนี้จะปักปิ่นเอกเพียงชิ้นเดียวได้อย่างไรเพคะ”
“เอาตามนี้แหละ เสี่ยวอวี้เอาผงแป้งมาเร็วเข้า”
อวี้หลิวยื่นตลับแป้งให้ร่างบางอย่าง งงๆ ทรงผัดแป้งไปแล้วมิใช่หรือ แต่ยิ่งตกใจเข้าไปอีกเมื่อมือบางทาแป้งไปอีกจนใบหน้าเนียนที่ขาวอยู่แล้วกลับขาวจนซีดไม่เว้นแม้ริมฝีปากอิ่มแดงเรื่อนั้นก็ทากลบจนซีดเซียวราวคนป่วย
“หวางเฟยเหตุใดถึง”
“ข้าชอบประทินโฉมเช่นนี้ เอาละ ไปเถอะใกล้เวลาท่านอ๋องเสด็จแล้ว”
ร่างระหงลุกขึ้นโดยมีนางกำนัลทั้งสองช่วยประคองก่อนเดินออกไปยังห้องโถงของตำหนักเพื่อรอรับเสด็จชินอ๋องผู้นั้น ยืนรอเพียงไม่นานขบวนเกี้ยวก็มาถึงพร้อมกับเสียงของเกากงกงขานการมาถึงของพระองค์เสียงดัง
“ชินอ๋อองเสด็จจจจจจ”
“ถวายพระพรชินอ๋องเพคะ/พะยะค่ะ”
ร่างบอบบางก้มหน้ายอบกายถวายพระพรพร้อมเหล่าข้ารับใช้ต่างหมอบลงถวายความเคารพเจ้าของวังเสิ่นหยางกง ร่างสูงใหญ่ปรายสายพระเนตรไปยังร่างบางที่ยอบกายอยู่ ก่อนเดินผ่านไปโดยมิได้เข้าไปประคองนางแต่อย่างใด
“ลุกขึ้น”
สิ้นเสียงทุ้มพร้อมหางตานางเหลือบเห็นเพียงชายอาภรณ์สีดำเดินเข้าตำหนักไปเท่านั้น
“ขอบพระทัยเพคะ/พะยะค่ะ”
ร่างบางลุกขึ้นเองโดยไม่รอนางกำนัลเข้ามาประคอง เหล่าข้ารับใช้ต่างหันมองชินหวางเฟยอย่างเห็นใจ ส่วนร่างระหงนั้นกลับรู้สึกเฉยๆเพียงเท่านั้น ก่อนเดินตามร่างสูงเข้าไปด้านใน
ภายในห้องอาหาร จุดตะเกียงไว้ทุกมุมห้องจนสว่างไสวราวกับเป็นตอนกลางวัน นางกำนัลนำถ้วยข้าวถวายแก่ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองก่อนเกากงกงจะนำเข็มเงินออกมาตรวจพิษในอาหารทุกจานเมื่อเสร็จแล้วทั้งหมดถอยไปยืนอยู่มุมห้องเพื่อรอรับใช้
MANGA DISCUSSION