ผูกรักท่านประธานพันล้าน - ตอนที่ 51 ผู้หญิงคนนี้อยากแต่งงานมากรึไง
ตอนได้ยินถานซูจิ้งใช้น้ำเสียงสงบนิ่งราวกับน้ำ ออกมาว่า ‘เธอชอบเขาแล้ว’ 4ตัวนี้ ในร่างกายเซิ่งอันหรานเหมือนมีก้อนหินที่กองอยู่หลายวันหล่นพื้นทันที เสียงดังบูม มีชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาในหัว
เป็นไปได้ยังไง?
“ยังมีอีก ระหว่างชายหญิงไม่มีมิตรภาพที่บริสุทธิ์ อวี้หนานเฉิงเป็นประธานหนุ่มของเซิ่งถังกรุปยุ่งจะตาย ไม่ว่างมาช่วยเธอเลี้ยงลูก ดังนั้นนอกจากเขาก็สนใจเธอเหมือนกัน ฉันก็หาเหตุผลอื่นที่จะมาอธิบายการกระทำนี้ไม่ได้ ก็ง่ายๆ แค่นี้”
“เขาก็แค่เห็นจิ่งซีชอบกับข้าวที่ฉันทำเท่านั้น”
“งั้นเขาก็มีความคิดที่จะจับเธอกินไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอนแล้ว”
“ไม่มีทาง”
สำหรับเซิ่งอันหรานที่ปฏิเสธ ถานซูจิ้งทำหูทวนลม ถึงขนาดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ขัน เหมือนผู้ชนะที่ได้รับเกียรติกอดถ้วยรางวัลไว้แน่นแล้ว และไม่สนใจคนแพ้ที่เผยแผ่ว่าวันนี้เธอท่าทีไม่ดียังไงกับคนอื่น
เซิ่งอันหรานนอนไม่หลับในคืนนั้น ในหัวยังวนเวียน’เธอชอบเขาแล้ว’คำนั้นของถานซูจิ้ง ยังมีช่วงเวลานี้ที่ใช้ชีวิตหยุมหยิมกับอวี้หนานเฉิงต่างๆ นานา
กลางดึกตื่นขึ้นมาดื่มน้ำ ตอนคลำทางถึงห้องรับแขกเห็นถ้วยชาชุดใหม่หนึ่งชุดบนโต๊ะ ยิ่งคิดถึงก่อนหน้านี้แก้วน้ำในบ้านมีไม่พอ เธอให้อวี้หนานเฉิงดื่มน้ำใช้ร่วมกัน ผลคือวันที่2เขาเอาถ้วยชาชุดใหม่นี้มา
ไม่ใช่แค่ชุดถ้วยชานี้ ช่วงนี้อวี้หนานเฉิงชอบเอาของพวกนี้ติดมือมา เหมือนบุกรุกคอนโดนี้ทุกซอกทุกมุมแล้ว
เซิ่งอันหรานกุมแก้วน้ำ จังหวะหัวใจว้าวุ่น
——
เช้าวันถัดไป ระหว่างทางไปทำงานเซิ่งอันหรานได้รับข้อความจาก อวี้หนานเฉิง
“ส่งซิงซิงน้อยถึงโรงเรียนแล้ว หายห่วง”
เธอเบียดในรถไฟใต้ดินและพยายามพิมพ์ตัวอักษรออกมาหนึ่งคำ’ขอบคุณ’ มุมปากยกขึ้นช้าๆ เผยรอยยิ้มหวานที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
หลังถานซูจิ้งไปทำงานกลับมาพักอยู่บ้าน อวี้หนานเฉิงไม่หลบเลี่ยงมาทานข้าวบ่อยๆ
วันก่อนโดนถานซูจิ้งถามเรื่องทรัพย์สินในบ้านอย่างหมดเปลือก เซิ่งอันหรานอยู่ห้องครัวได้ยินยังรู้สึกทำตัวไม่ถูกและเขิน แทบอยากจะเอาช้อนออกไปเคาะหัวเธอให้เธอหยุดพูด
ดีตรงที่เธอไม่ได้อยู่บ้านทุกวัน เธอมีสตูดิโอออกแบบของตัวเอง ยุ่งจนปลีกตัวออกมาไม่ได้ 1สัปดาห์มี1วันที่อยู่กินข้าวบ้านก็ถือว่าผ่อนคลายแล้ว
ค่ำวันนี้ เซิ่งอันหรานปิดประตูห้องนอนเซิ่งเสี่ยวซิง
หายากที่ถานซูจิ้งจะได้พักผ่อน เอนตัวบนโซฟามาสก์หน้าเล่นมือถือ เห็นเธอออกมา จู่ ๆก็ปีนขึ้นมาถาม
“วันนี้ฉันอยู่ที่สตูดิโอได้ยินผู้ช่วยเมาท์ ว่าอวี้หนานเฉิงจะแต่งงานกับเกาหย่าเหวิน”
“เรื่องนี้จริง”เซิ่งอันหรานหน้านิ่ง ดื่มน้ำหนึ่งอึก
“อะไรวะเนี่ย” มาสก์หน้าสีดำบนหน้าถานซูจิ้งย่นขึ้นมา “งั้นเขายังมาให้ท่าถึงนี่ทุกวัน นี่มันเหยียบเรือสองแคมไม่ใช่หรือ?”
“เธอมองจากมุมไหน ว่าเขาให้ท่ากัน? อีกอย่างฉันเคยบอกนานแล้ว ฉันกับเขาเป็นแค่เจ้านายลูกน้อยเท่านั้น เป็นเธอเองที่ไม่เชื่อ”
เซิ่งอันหรานมองบนให้เธอ ตอนหันหลังกลับ บนหน้ามีความผิดหวังออกมาแวบหนึ่ง
หลังจากความรู้สึกใจเต้นก่อนหน้านี้ผ่านไป กลับมาคิดอย่างมีสติถี่ถ้วนแล้ว เขาเป็นคนที่จะแต่งงานแล้ว จะมีความคิดสนใจในตัวเธอได้ยังไง
ถานซูจิ้งกำลังจะถามอะไรอีก เสียงเรียกเข้ามือถือก็ดังขึ้น เซิ่งอันหรานมองแวบหนึ่ง กดตัดสายทิ้งไป
“ทำไมไม่รับ?”
“โฆษณา”
ทิ้งคำพูดนี้ เซิ่งอันหรานอุ้มเสื้อในเครื่องซักผ้าออกไปตากแดดบนระเบียง เห็นชัดว่าใบหน้าเศร้าหมองไป
มือถือที่วางอยู่โต๊ะสว่างแล้วสว่างอีก บ่งบอกว่ามีข้อความเข้าในทันที
ถานซูจิ้งปีนขึ้นจากโซฟา พาดอยู่ข้างๆ เห็นเนื้อหาบางส่วน
“งานเลี้ยงฉลองการหมั้นจัดเสาร์นี้ อันหรานเธออย่าลืม ฉันกับเฉียวเจ๋อต่าง…”
เห็น’เฉียวเจ๋อ’สองตัวนี้ ถานซูจิ้งหรี่ตา
หากจำไม่ผิดละก็ มีครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ตอนอยู่ต่างประเทศดื่มเหล้ากับเธอ เรียกชื่อแฟนเก่าที่เจ้าชู้ออกมาอย่างไม่ตั้งใจไม่ใช่หรือ?
ดังนั้นผู้หญิงที่ส่งข้อความคนนี้…น่าจะเป็นเพื่อนสนิทหน้าด้านที่เป็น’กิ๊ก’คนนั้น
เซิ่งอันหรานตากผ้ากลับมาจากระเบียง เห็นถานซูจิ้งยังนั่งอยู่บนโซฟา พูดเตือน“ทำไมเธอยังมาสก์หน้าไม่เสร็จ มันใกล้แข็งแล้ว”
“นี่ไม่สำคัญ” ถานซูจิ้งกอดแขน นั่งตัวตรง “เธอมานี่ นั่งลง”
“ทำไม?” เซิ่งอันหรานขำท่าทางที่จริงจังของเธอ “กลางดึกเธออยากทำเรื่องสยองอะไรกับฉันนะ”
“นี่คืออะไร?”
ถานซูจิ้งหยิบการ์ดเชิญสีแดงหนึ่งใบจากด้านหลัง วางบนโต๊ะ
หลังจากเห็นข้อความ เป็นเธอที่ค้นออกมาจากใต้โต๊ะ มันกองอยู่ด้านล่างพวกนิตยสาร ดูวันที่ได้รับคงผ่านมาหลายวันแล้ว
การ์ดเชิญฉูดฉาดค่อนข้างเตะตา เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว
“เธอค้นนี้เจอได้ยังไง?”
“ค้นนิตยสารแล้วเจอ ถ้าจำไม่ผิดละก็ ว่าที่เจ้าบ่าวบนนี้คือผู้ชายเจ้าชู้หน้าด้านที่คบกับเพื่อนสนิทเธอลับหลังเธอคนนั้นใช่ไหม?”
ถานซูจิ้งพูดถึงเฉียวเจ๋อก็อดที่จะมองบนไม่ได้ “ฉันยังนึกว่าเป็นงานแต่งงาน เปิดออกมาดูแค่การ์ดเชิญวันหมั้น สีแดงสดขนาดนี้ ฉันนับถือจริงๆ ผู้หญิงคนนี้อยากแต่งงานมากรึไง?”
เซิ่งอันหรานฝืนใจ“นั่นเป็นเรื่องของพวกเขา”
“ปัญหาคือ เธอคิดจะทำยังไง?”
“ฉันไม่คิดจะไป” เซิ่งอันหรานแสดงจุดยืนของตัวเองออกมาตรงๆ
“ทำไม?” ถานซูจิ้งเด้งตัวลุกจากโซฟา
“โอกาสดีแบบนี้ ฉันวางแผนไว้แล้ว ถึงเวลาฉันตัดชุดราตรีสุดหรูให้เธอเองชุดหนึ่ง รับประกันทำให้เธอเป็นตัวเอกในงาน ทำให้ผู้ชายเจ้าชู้นั่นอยากจะเลิกกับกิ๊กนั้น ร้องไห้อยากคืนดีกับเธอทันที ยอมรับว่าตัวเองตอนนั้นตาบอดไป”
“ไม่จำเป็น เป็นอดีตไปแล้ว”
เซิ่งอันหรานยักไหล่ ทำหน้าไม่เป็นไร “พวกเขามีชีวิตยังไงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันแม้แต่นิดเดียว ฉันไม่อยากไป อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ต้องไปมอง”
“ดูเธอจากคำพูดบ่งบอกว่าเธอยังไม่ปล่อยวาง เธอไม่คับข้องใจเหรอ? เรื่องตอนนั้น ผู้ชายคนนั้นยังไม่อธิบายให้เธอแม้แต่ครึ่งคำ”
พูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาเซิ่งอันหรานซับซ้อน
คับข้องใจเป็นธรรมดาที่คับข้องใจ ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเฉียวเจ๋อมีกิ๊ก เธอก็คงไม่จับพลัดจับผลูโดนจับไปเป็นแม่อุ้มบุญหรอก
“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันรับปากแทนเธอไปแล้ว”
ถานซูจิ้งขยิบตา ท่าทางภูมิใจ
“เธอรับปากอะไรไป?” เซิ่งอันหรานหน้าตึง รีบมองมือถือบนโต๊ะ รีบเปิดมาดู ด้านหลังข้อความที่หลีเย่ว์เพิ่งส่งมาให้ตัวเอง ปรากฏว่ามีการตอบกลับข้อความนั้น
“เป็นเธอที่โทรมาเหรอ? ฉันนึกว่าคนขายประกัน โทรหาทุกวัน การ์ดเชิญฉันได้รับแล้ว ฉันไปแน่นอน ยังไงก็เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ฉันจะไปถึงงานตรงเวลา”
“ถานซูจิ้ง!” เซิ่งอันหรานหน้าเปลี่ยน คว้าหมอนขึ้นโยนไปทางถานซูจิ้ง
“ยังไงก็รับปากแล้ว ฉันไม่สน ไม่งั้นเธอก็โทรกลับไปเองสิ บอกว่าเธอไม่ไปแล้ว”
ถานซูจิ้งดึงมาสก์หน้าออก กระโดดเท้าเปล่าลงมาจากอีกด้านของโซฟา วิ่งเข้าห้องตัวเองไป จงใจพูดยุยงจากในห้อง
“นังตัวแสบนั้นคงคิดว่าเธอไม่กล้าไปแน่ ๆ เป็นเธอที่ขายหน้า”
เซิ่งอันหรานโกรธจนพูดไม่ออก เวลานี้ในมือถือก็มีข้อความเด้งมา
“งั้นฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอ”
ถึงมีหน้าจอกั้นก็เหมือนสามารถเห็นความมั่นใจของหลีเย่ว์ได้
เซิ่งอันหรานกำมือถือแน่น เปลี่ยนความคิดทันที มองทางห้องนอนถานซูจิ้ง พูดว่า
“ใครบอกฉันไม่ไป ตอนนี้ฉันตกลงใจไปแล้ว เธอต้องรีบเตรียมชุดราตรีให้ฉันแล้ว”