ผูกรักท่านประธานพันล้าน - ตอนที่ 46 หม่าม้า สบายไหมคะ
“ฉัน……ฉันกำลังจะไปแล้ว ขอประทานโทษด้วยค่ะคุณชาย ที่เข้ามาขัดจังหวะคุณชายกับกับคุณเซิ่ง”
คนรับใช้รีบพูดอธิบายแล้วหมุนตัวออกไปจากหน้าประตูทันที เสียงฝีเท้าก้าวออกไปอย่างรีบร้อน
“อุ้ย มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” เซิ่งอันหรานวิ่งตามออกมาที่ประตูเพื่อจะอธิบาย แต่ขณะที่ไปดึงประตูออกนั้นตรงระเบียงทางเดินก็กลับไม่เห็นใครเลยแม้แต่เงา ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองนั้นได้รู้สึกหลอนไปเอง
เธออยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา เรียบร้อยแล้ว ถึงจะให้กระโดดลงไปล้างตัวในแม่น้ำหวงก็ไม่มีทางสะอาดได้
“พวกคนรับใช้บ้านคุณหายตัวได้หรอคะ?”
เธอมองไปที่อวี้หนานเฉิงอย่างกลัดกลุ้มใจ
อวี้หนานเฉิงทำสีหน้าไม่เข้าใจ แล้วขมวดคิ้วมองเธอ “ทำไมหรอ?”
“ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เซิ่งอันหรานคิดว่าพูดเรื่องพวกนี้ไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร แล้วก็ไม่อยากจะทำให้มันเป็นเรื่องยุ่งด้วย เธอหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกไป และเมื่อเดินมาถึงตรงระเบียงทางเดินเธอก็ได้คิดอะไรบางอย่างออกจึงหันกลับมาพูดว่า
“จริงด้วย ถ้าคุณมีเวลาว่างหล่ะก็ คุณควรจะมาอยู่เป็นเพื่อนจิ่งซีให้มากกว่านี้หน่อยนะคะ ฉันว่าเขารู้สึกไม่ปลอดภัย วันนี้คุณก็เห็นเขาเล่นกับเสี่ยวซิงซิงอย่างมีความสุขมาก เขาต้องการใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนเขา อาจไม่ใช่แค่ว่าคุณจะให้ใครหลายๆคนมาดูแลเขา แต่เขาเพียงแค่ต้องการคนที่เขาชอบมาอยู่เป็นเพื่อนมาดูแลเขาเท่านั้นเอง ”
ที่จริงแล้วเธอนั้นต้องการจะถามอวี้หนานเฉิงว่าเขาต้องแต่งงานกับเกาหย่าเหวินจริงหรือไม่ เพราะอวี้จิ่งซีดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าดาราสาวคนดังสักเท่าไร และอีกอย่างดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้วถ้าเกิดว่าตัวเองนั้นได้ถามออกไปมันก็คงจะดูแปลกๆ เกรงว่าจะทำให้คนอื่นคิดว่าตัวเองนั้นมีเจตนาอะไรแอบแฝง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดมันออกไป
ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องของบ้านคนอื่น
อวี้หนานเฉิงมองมายังเซิ่งอันหรานด้วยสีหน้าที่จริงใจ จู่ๆก็มีความคิดหนึ่งลอยขึ้นมา และเขาก็เผลอหลุดปากพูดออกไปอย่างไม่ได้ทันได้คิดอะไร
“อย่างนั้นต่อไปนี้คุณก็มาอยู่ดูแลเขาที่นี่สิ”
เสียงทุ้มนั้นดังก้องอยู่ในวิลล่าที่กว้างใหญ่ เซิ่งอันหรานถึงกับมีสีหน้านิ่ง “คุณ……หมายความว่าอะไรนะคะ?”
คิ้วของอวี้หนานเฉิงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แววตาก็แฝงไปด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ราวกับว่าเขาก็ไม่อยากจะเชื่อในคำพูดที่ตัวเขาเองได้พูดออกไป เขาจึงรีบหลบสายตาออกจากเธออย่างรวดเร็ว เมื่อเริ่มพูดขึ้นอีกครั้งน้ำเสียงของเขาก็ดูเบาลงในทันที
“เงินเดือนพี่เลี้ยงจิ่งซีนั้น ฉันจะให้เป็น 3 เท่าของเงินเดือนที่เธอทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมอยู่”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเซิ่งอันหรานที่เคร่งเครียดก่อนหน้านี้ก็ได้ผ่อนคลายลงบ้าง ทำเหมือนอวี้หนานเฉิงนั้นพูดเล่นออกมา เธอก็ตอบกลับออกไปอย่างกึ่งเล่นกึ่งจริงจังว่า
“ถึงจะเป็น 10 เท่าฉันก็ไม่สน ถ้ามองในมุมความก้าวหน้าทางการงานแล้ว เรื่องที่จะให้ฉันมาช่วยดูแลลูกคุณมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีไปกว่าการเป็นผู้จัดการโรงแรมที่ฉันทำอยู่เลย ประธานอวี้คุณวางใจได้ค่ะ ใจของฉันขึ้นตรงอยู่กับการทำงานที่โรงแรมเซิ่งถัง ไม่ต้องทำแบบนี้เพื่อมาทดสอบฉันหรอกค่ะ ”
อวี้หนานเฉิงมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดจาอะไร
เมื่อเธอเดินออกไปแล้ว เขาได้แต่ยืนนึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อครู่นี้อยู่ในห้องนอนที่ถูกปิดประตูสนิท ในใจนั้นก็รู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่พูด ความปั่นป่วนหัวใจครั้งนี้มันรุนแรงมากกว่าตอนที่เจอเธอเมื่อตอนกลางวันเสียอีก
อยากให้เธออยู่ต่อ?
เขาคิดว่าตัวเองนั้นคิดมากไปแล้วจริงๆ ทำไมถึงได้คิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้?
ความสัมพันธ์โดยรวมแล้วเธอก็เป็นแค่ผู้จัดการฝึกหัดที่เป็นลูกน้องคนหนึ่งของเขา ส่วนความสัมพันธ์โดยส่วนตัวนั้นเธอกับเขาก็เพิ่งจะรู้กันได้ไม่กี่เดือนนี้เอง ซึ่งความคิดนี้มันช่างขัดกับเหตุผลก่อนหน้านี้อย่างมาก
เมื่อคิดไปคิดมาตามหลักเหตุผลแล้ว เขาก็ถือว่าจิ่งซีนั้นชอบเธอและชอบลูกสาวของเธอเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ถึงสาเหตุของปัญหานี้ได้แล้ว แต่ก็ทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืน นอนพลิกตัวไปมาอยู่ตลอดเวลา
ส่วนอีกฝ่ายตรงข้ามกับอวี้หนานเฉิง และแปะแผ่นมาส์กบนใบหน้า เธอวางความหยิ่งในตัวเองลงแล้วตัดสินใจหยิบมาส์กกล่องหนึ่งเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง จากนั้นก็ไปอุ้มเซิ่งเสี่ยวซิงคนสวยนอนลงบนเตียงใหญ่
มันสบายมากเลย
“หม่าม้า สบายไหมคะ ” เซิ่งเสี่ยวซิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ ถามออกมาได้อย่างถูกเวลาพอดี
เซิ่งอันหรานเอามือแตะแผ่นมาส์กแล้วพยักหน้า
“สบายจ้ะ หม่าม้าตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้จะเอาแผ่นมาส์กหน้ากลับไปด้วย”
“หนูจะบอกให้ เงินมันเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกอย่างเลยนะ เพียงแค่หม่าม้าแต่งงานเข้ามา
แววตาของเซิ่งเสี่ยวซิงนั้นเต็มไปด้วยความสนับสนุน เธอนอนพลิกตัวไปอยู่บนอกของเซิ่งอันหรานอย่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย
เซิ่งอันหรานเลิกคิ้ว ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของเซิ่งเสี่ยวซิง “นี่เพื่อหวังผลกำไรเล็กน้อยหนูถึงกับต้องเอาหม่าม้าไปขายเลยหรอ?สงสัยว่าต่อไปนี้หม่าม้าต้องพาหนูไปเผชิญกับโลกกว้างข้างนอกให้มากกว่านี้แล้ว เมื่อก่อนหม่าม้าก็เป็นคนรวยนะเหมือนกันนะ ”
เซิ่งเสี่ยวซิงเอามือขึ้นมาปิดหน้าผาก แล้วพูดขึ้นว่า “หนูรู้นะ หม่าม้าให้กำเนิดซิงซิงน้อยแล้วก็ไม่ค่อยมีเงิน ฉะนั้นหนูก็หวังว่าหม่าม้าจะกลับมาร่ำรวยได้อีกครั้ง ”
ตอนที่อยู่ต่างประเทศ ผู้ชายที่ตัวเองเรียกว่าพ่อที่เธอเจอปีละครั้งถึงสองครั้งได้เป็นคนบอกกับเธอ เมื่อก่อนหม่าม้าเป็นคุณหนู แต่เพราะว่าได้ให้กำเนิดเธอมาหม่าม้าของเธอจึงไม่สามารถที่จะกลับมาบ้านได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่เป็นเด็กดีเชื่อฟังหม่าม้า ไม่อยากทำให้หม่าม้าของเธอโกรธ
“จะมีเงินหรือไม่มีเงินมันจะทำไมหรอ?ซิงซิงน้อย ตอนนี้พวกเราก็อยู่ดีมีสุขกันมากอยู่แล้วนะ”
เซิ่งอันหรานหลับตาลงอย่างสบายใจ
“ถึงจะร่ำรวยอย่างไรในทุกๆคืนพวกเราก็ทำได้แค่นอนอยู่บนเตียงหนึ่งเตียงในห้องหนึ่งห้อง วันหนึ่งก็กินข้าวสามมื้อ แล้วยังต้องมาวางแผนเพื่อป้องกันจากคนที่คิดไม่ดีกับเราอีกด้วย เมื่อเทียบกับช่วงเวลานั้นหม่าม้าชอบที่เป็นอยู่ตอนนี้มากกว่านะ ”
เมื่อไม่เห็นความทะเยอทะยานในตัวของหม่าม้า เซิ่งเสี่ยวซิงก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างสุขุม
“หม่าม้า แบบนี้มันไม่ถูกนะ”
“หม่าม้า”
เซิ่งอันหรานนั้นไม่ได้สนใจ และได้นอนหลับเข้าสู่ห้วงความฝันไปแล้วเรียบร้อย
เซิ่งเสี่ยวซิงไม่มีทางเลี่ยง มองแล้วเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้หม่ามี้เปิดใจและคว้าโอกาสที่อยู่ตรงหน้าได้ มีเพียงแต่ต้องใช้มือของคุณลุงสุดหล่อเข้ามาช่วยแล้วหล่ะ!
วันรุ่งขึ้น เซิ่งอันหรานก็ได้พาเซิ่งเสี่ยวซิงไปอยู่ที่วิลล่าของตระกูลอวี้ตลอดทั้งวัน จนกระทั่งถึงตอนเย็นอวี้หนานเฉิงก็ได้ขับรถไปส่งพวกเธอด้วยตัวเขาเอง เรื่องนี้ก็กลับทำให้เซิ่งอันหรานรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“รบกวนประธานอวี้แล้วนะคะ ”
เมื่อลงจากรถ เซิ่งอันหรานก็ได้จูงมือของเซิ่งเสี่ยวซิงยืนอยู่ใต้คอนโด
อวี้หนานเฉิงยืนอยู่ด้านหน้ารถ เสียงทุ้มพูดออกมาจากลำคออย่างเต็มเสียงว่า
“ไม่เป็นไรครับ กลับขึ้นบ้านเถอะครับ”
เซิ่งเสี่ยวซิงเงยหน้ามองไปยังอวี้หนานฉิง เสียงที่อ่อนนุ่มดังก้องไปทั่วพื้นที่บริเวณแถวนั้น
“ลุงอวี้คะ เสาร์อาทิตย์หน้าคุณลุงพาจิ่งซีมาเล่นที่บ้านพวกเราดีไหมคะ?”
เซิ่งอันหรานหันไปมองเธออย่างประหลาดใจ เจ้าเด็กนี่ ใครใช้ให้เชิญคนอื่นเข้าบ้านตามอำเภอใจแบบนี้?ถามเธอก่อนแล้วหรอว่าเธอยินดีไหม?
แต่เมื่อคิดกลับกัน อวี้หนานเฉิงนั้นคือใคร?วันๆทำแต่งาน ถ้าตอบตกลงได้นี่ก็ถือว่ามหัศจรรย์ไปแล้ว
“ได้เลย”
เพิ่งจะคิดเสร็จ ก็ได้ยินคำว่า ‘ได้เลย’ ออกมาอย่างชัดเจน
สายตาที่แปลกประหลาดใจของเธอกลับมองไปยังอวี้หนานเฉิง
อวี้หนานเฉิงกลับทำหน้านิ่งเฉย พร้อมกับนั่งคุกเข่าลงแล้วเอามือไปสัมผัสกับใบหน้าของเซิ่งเสี่ยวซิง “เสาร์หน้าลุงจะพาจิ่งซีมาเล่นที่นี่ โอเคไหมครับ?”
“โอเคค่ะ!”
แววตาของเซิ่งเสี่ยวซิงเป็นประกาย แล้วโอบกอดไปที่แขนของเขา พร้อมกับหอมแก้มเขาไปหนึ่งที “หนูประทับตราไว้แล้ว ลุงอวี้ต้องพูดคำไหนคำนั้นนะคะ”
อวี้หนานเฉิงตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง เอามือลูบไปที่แก้มของตัวเองแล้วยิ้มออกมา “อืม”
รอยยิ้มที่อ่อนโยนนั้นยากที่จะได้เห็น ทำเอาเซิ่งอันหรานที่กำลังจะตำหนิเซิ่งเสี่ยวซิงนั้นกลับพูดไม่ออก สายตาจ้องมองไปยังเขาเป็นเวลานานโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าท่าทางที่เงียบขรึมของอวี้หนานเฉิงนั้นจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเขา แต่อย่างไรก็ตามถึงเขาจะไม่ยิ้มก็มีผู้หญิงมากมายมารอต่อแถวที่จะมาเป็นแม่เลี้ยงให้กับลูกเขาอยู่แล้ว รอยยิ้มนี้ เกรงว่าคงจะไม่ใช่สำหรับคนรักของเขาหรอกนะ
ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆเธอก็นึกถึงช่วงเวลาคลุมเครือที่ห้องอาบน้ำเมื่อคืนขึ้นมา
ใบหน้าของเธอก็รู้สึกถึงความร้อนผ่าว