ผมแค่อยากอ่านหนังสือ แต่ดันกลายเป็นหญิงในต่างโลกซะงั้น - ตอนที่ 0
บทนำ
ชั้นชื่อ เลกซ์ เป็นแค่คนธรรมดาสามัญประจำบทตัวประกอบละนะ ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ตอนนี้ก็เป็นตัวเอกอยู่
ชั้นอายุ 38 ปี ถึงจะมีอายุขนาดนี้แต่ก็ไม่ได้มีสิ่งที่น่าจดจำในการใช้ชีวิตหรอกนะ
ไม่ใช่ว่าชั้นไม่มีอะไรเลยนะ เพราะที่น่าจดจำที่สุดของชั้นคือเนื้อหาในหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราว
สมัยมัธยมต้นมัธยมปลายชั้นเป็นถึงบรรณารักษ์ห้องสมุดถึงตลอดเลยล่ะ ถึงจะดูโม้ไปหน่อยแต่เรื่องไหนที่ชั้นอ่านผ่านตาและคิดที่จะจดจำมันก็บันทึกลงแบบไม่มีทางลืมเลย
สุดยอดใช่ไหมล่ะ.. นี่แค่เบาะๆนะ ชั้นจบป.เอก แต่มีงานหาเช้ากินค่ำเท่านั้นคงจะสงสัยว่าทำไมละสิ .. แน่ล่ะชีวิตของชั้นมันมีแค่หนังสือ หนังสือคือทุกอย่างสำหรับชั้นละนะ
ความรักอะไรทำนองนั้นชั้นวางมันไว้ข้างๆ หนังสือและไม่คิดจะเก็บมาคิดแต่ละวันชั้นจะต้องอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือของวิทยาศาสตร์ หนังสือการพัฒนาอาวุธชีวภาพ
หนังสือตำนานเทพบลาๆ ชั้นอ่านมันทั้งหมดหนังสือในโลกใบนี้ยังมีอีกมากมายที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน
ชั้นถูกมองว่าเป็นหนอนหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆ ชั้นเริ่มติดหนังสือคือตอนอายุ 10 ขวบ
ตอนนั้นชั้นจำได้ไม่เคยลืมว่าหนังสือที่อ่านคือหนังสือ วัดอนุภาคนิวตรอน.. ผิดแล้ว เด็กสิบขวบมันจะไปอ่านอะไรแบบนั้นได้ที่ไหนแค่ล้อเล่น เล่มแรกที่อ่านคือนิยายเล่มของพี่สาว
เป็นนิยายปัญญาอ่อนมากหากลองมานึกดูถึงตอนก่อนๆ เป็นนิยายแฟนตาซีต่างโลกที่กำลังฮิตในช่วงนั้นละนะ
แต่ไม่ใช่ว่าชั้นไม่ชอบนะเพราะนิยายก็คือหนังสือชั้นชอบมันทั้งหมด
ชั้นชอบอ่านหนังสือจนแม่บอกชั้นว่าให้เบาๆ ลงหน่อยแต่ชั้นก็ไม่ทำเลยทะเลาะกันพักใหญ่เลยล่ะ อ่อ ลืมบอก
ชั้นถึงจะชอบหนังสือแต่ไม่ใช่เพราะมีปมในใจ จำพวกไม่มีเพื่อนอะไรหรอกนะ
ถึงจะมีคนเข้าหาบ่อยๆ แต่ชั้นก็สนใจแค่หนังสือ ถ้าหากหนังสือมีชีวิตชั้นอยากจะขอเธอแต่งงานเลยล่ะ
ชั้นออกจากบ้านตอนอายุ 20 เพราะว่าขี้เกียจฟังแม่บ่นว่าเลิกอ่านหนังสือแล้วหางานการมั่นคงทำได้แล้ว
ชั้นเลยออกจากบ้านโดยโปรยๆ ว่า ‘เข้าใจแล้วๆ’ ชั้นออกมาทั้งๆ โกหกว่าทำงานในบริษัทใหญ่ ชั้นส่งเงินไปให้พ่อแม่เดือนละหนึ่งหมื่นถึงสองหมื่น เอ่อ.. ไม่ใช่เงินที่หาเช้ากินค่ำนะ
ชั้นเขียนบทความใช้สมองนิดๆ หน่อยก็ขายดีซะบานเบอะแล้ว แถมดังไปทั่วโลกอีกผมเขียนหนึ่งครั้งเงินเข้ากระเป๋าเยอะมาก
ชั้นเอาเงินส่วนนี้ส่งให้พ่อแม่ ส่วนชั้นหาเช้ากินค่ำ.. ถามว่าทำไมชั้นไม่เขียนบทความขายเรื่อยๆ ไม่ต้องทำงานพิเศษ
ชั้นก็ไม่อยากเสียคนนะ เลยหาอะไรทำบ้าง แล้วใช่ว่าบทความจะขายได้ทุกครั้งไปสักหน่อย.. ส่วนบทความที่เขียนน่ะเหรอ ก็เกี่ยวกับอนุภาค, รังสี, อาวุธนิวเคลียร์ .. ที่เคยอ่านๆ มาใช้ผสมกันเลยพอแปรสภาพต่างจากที่เคยมีมาก่อนขึ้นมาได้
ทำให้บทความชั้นดัง ชั้นใช้นามปากกาว่า .. อะไรก็ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องนี่หว่า ช่างมันละกัน ถึงจะช้าไปแต่ก็บอกไว้ก่อนชั้นเป็นผู้ชายนะเอ่อ…
ชั้นเป็นลูกคนที่สองมีพี่สาวหนึ่งน้องสาวหนึ่งลูกชายเพียงคนเดียว
พี่สาวชั้นเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อไม่นานมานี้ น้องสาวก็มีงานที่มั่นคง
ชั้นก็ยังอ่านหนังสืออย่างเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ก็พล่ามมาเยอะแล้วละนะชั้นในตอนนี้กำลังอยู่ในห้องสมุดแห่งชาติ กล่าวว่าเป็นห้องสมุดที่อยู่ในเมืองนั่นแหละ ไม่คุ้นหูกันอ่ะดิ แน่อยู่แล้วห้องสมุดแห่งชาติที่ว่าก็แค่ร้านขายหนังสือนั่นแหละน่า
ชั้นเดินไปหยิบเอาหนังสือเล่มหนึ่งเล่มสอง.. ค่อยๆ ใส่ตะกร้าเป็นแถวบนชั้นหนังสือมองดูหนังสือที่มีราวๆ 300-500 หน้ากว่า 10 เล่ม ชั้นก็พยักหน้ากล่าวว่า
“อื้ม! แค่นี้ก็พอละวันนี้”
ชั้นเดินไปที่เคาท์เตอร์ส่งให้พนักงานเช็คเงิน พนักงานไม่แปลกใจเพราะชั้นมาบ่อย หากไม่มีหนังสือดีๆ ชั้นก็จะเปลี่ยนร้านทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ชั้นเดินกับอพาร์ทเม้นราคาถูกๆ เปิดประตูห้องเข้าไปโดดไปที่เตียงควักหนังสือเปิดอ่านทันที
“ชีวิตดี๊ดี!”
ชั้นพูดออกมาพลางอ่านหนังสือ.. เวลาผ่านไปราวๆ สองชั่วโมงต่อมาชั้นกำลังอ่านนิยายแก้เบื่ออยู่ ในตอนนั้นเองชั้นกำลังอ่านจังหวะที่พระเอกฟันดาบออกไปพอดิบพอดีช่วยเหลืองเจ้าหญิง
แต่ตอนนั้นตาของชั้นพลันนิ่งงันความทรงจำไม่สามารถบันทึกต่อร่างกายแข็งทื่อ สมองหยุดทำงานฉับพลันก่อนที่มุมมองจะมืดบอดและดับลง
ชั้นก็ตกตายด้วยประการฉะนี้