ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 695 พาไปนวด
ตอนที่ 695 พาไปนวด
เมื่อฟังความคิดเห็นต่าง ๆ จากผู้คนที่อยู่รอบตัวเขา หลินเจียจวินก็กล่าวว่า “เย่กวงโต้วคนนี้ทำได้ดีมาก เขาเก่งในการสร้างประเด็นให้ผู้คนหันมาสนใจ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “เขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง ถือว่าเป็นคนที่เรียนรู้ได้ไว เรียนรู้จากผมไม่กี่เดือน เขาก็แทบจะทำเป็นหมดแล้ว”
หลินเจียจวินกล่าวว่า “ฉันรู้ว่าเขาสำเร็จการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง”
เจียงเสี่ยวไป๋ประหลาดใจเล็กน้อย “พี่กับเขาคงคุยกันถูกคอ เขาถึงบอกพี่ว่าเรียนจบมาจากที่ไหน”
หลินเจียจวินยิ้ม “ตอนเราทำงานด้วยกันเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาก็ได้บอกฉัน เขายังบอกอีกว่าน้องสาวของนาย เสี่ยวซิงก็เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงเหมือนกัน และถามฉันเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของเธอด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและแอบสบถอยู่ในใจ: ให้ตายเถอะ เย่กวงโต้วมีสาวสวยอย่างมู่เสี่ยวชิงมาชอบพออยู่แล้ว แต่ยังปักใจรักมั่นน้องสาวของเขาอยู่อีก !
หัวใจของผู้ชายคนนี้ไม่เปลี่ยนแปลงบ้างเลยหรือไง !
“แล้วพี่บอกเขาว่าอย่างไร ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถามด้วยความกังวล
หลินเจียจวินยิ้ม “ฉันไม่เคยพบน้องสาวของนายเลย ฉันจะบอกอะไรกับเขาได้ ? ”
เขาเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋และพูดด้วยความสนใจ “แต่ฉันก็พอรู้ได้ว่าเย่กวงโต้วสนใจเจียงเสี่ยวชิง น้องสาวของนาย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยักไหล่ “มันก็แค่รักข้างเดียวน่ะ ! ”
หลินเจียจวินหัวเราะเบา ๆ “สำหรับเรื่องของความรักนี้ ใครสามารถอธิบายได้ชัดเจนจริง ๆ ? ”
เจียงเสี่ยวกลอกตามาที่เขา “พี่ไม่มีแฟน จะเข้าใจคนมีความรักได้อย่างไร ? ” เขาพูดด้วยความโกรธ “ไปทำธุระของพี่เถอะ ! ”
หลินเจียจวินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันหลังกลับและเดินจากไป
ทว่าเจียงเสี่ยวไป๋ก็รีบหันไปเรียกเขา
หลินเจียจวินกล่าวว่า “อะไรอีก ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “วันนี้ปล่อยรางวัลพิเศษอีกรางวัล และรางวัลที่หนึ่งอีกห้ารางวัล มันคงจะตื่นเต้นกันน่าดู ทางที่ดีที่สุดให้รางวัลออกอย่างต่อเนื่อง เหมือนวางระเบิดพร้อมกันหลายลูกไปเลย ! ”
หลินเจียจวินหัวเราะ “นายจะวางระเบิดอย่างต่อเนื่อง นายคิดว่านี่คือสงครามเหรอ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่สนใจคำพูดล้อเล่นของเขาและพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมว่า “แต่รางวัลจะต้องไปออกที่จุดขายที่ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงนะครับ”
หลินเจียจวินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ! ”
เพราะหากว่ารางวัลใหญ่ออกที่เกสต์เฮาส์ชิงเจียง คนซื้อล็อตเตอรี่อาจจะคิดผิดว่ามีเพียงคนที่ซื้อในศูนย์กิจกรรมเท่านั้นถึงจะถูกรางวัลใหญ่ และจะส่งผลให้คนไปซื้อที่จุดขายอื่น ๆ น้อยลง
ด้วยวิธีนี้จะทำให้การขยายจุดขายล้มเหลวเอาได้
และหากแจกรางวัลใหญ่ที่จุดขายอื่น ๆ บ้างก็จะทำให้ผู้ซื้อยังคงมีหวังว่ารางวัลใหญ่มีสิทธิ์ออกทุกที่
หลินเจียจวินชื่นชมเขาอยู่ในใจ จากมุมมองนี้ เขารู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋คิดถึงปัญหาต่าง ๆ โดยละเอียดแล้ว
“มีอะไรจะบอกฉันอีกไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ จากนั้นหลินเจียจวินก็หันหลังและเดินจากไป
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อหันกลับไปก็เห็นว่าหลินเจียอิน เจียงไห่หยาง และคนอื่นเดินออกไปไกลแล้ว เขาจึงรีบจ้ำเท้าเดินตามไป
“เสี่ยวไป๋ ไปทำธุระของลูกเถอะ ไม่ต้องห่วงพวกเรา” หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า
เจียงไห่หยางยังกล่าวอีกว่า “ใช่ ฉันว่าจะเดินดูรอบ ๆ แล้วค่อยไปซื้อล็อตเตอรี่”
เจียงเสี่ยวเฟิงกล่าวว่า “พี่ หลังจากที่ผมไปซื้อของกับพ่อแม่เสร็จ ผมกับหลัวเจาตี้ก็ว่าจะกลับไปที่เจี้ยนหยางแล้วเหมือนกัน”
หลินต้าเหว่ยก็พยักหน้า “หลังจากเที่ยง แม่และพ่อก็จะกลับไปที่เจี้ยนหยางเหมือนกัน พ่อจึงอยากจะบอกไว้ก่อน”
เจียงไห่หยางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “พวกคุณทำไมกลับกันเร็วขนาดนี้ ? ”
หลินต้าเหว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พ่อลางานมาที่นี่สามวันแล้ว คงมีงานมากมายรออยู่ ต้องรีบกลับไปจัดการให้เสร็จก่อน”
หลิวอี้ถิงกล่าวอีกว่า “แม่เองก็ขอลาแค่สามวันเท่านั้น ถ้าออกเดินทางตอนเที่ยงก็คงถึงบ้านตอนดึก และพรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงาน”
เจียงเสี่ยวเฟิงกล่าวว่า “ตอนนี้ที่โรงงานก็ยุ่งมากครับ ผมกับเจ้าตี้มาที่นี่ทั้งคู่ จำเป็นต้องรีบกลับไป เพราะไม่มีใครดูแลโรงงาน”
เมื่อเจียงไห่หยางได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด เขาก็ไม่อยากจะรั้งพวกเขาต่อและพูดว่า “โอเค รอเสี่ยวไป๋เสร็จงานตอนเที่ยงแล้ว เราไปกินข้าวด้วยกันก่อนออกเดินทาง เมื่อวานตอนเที่ยงเขาไม่ได้ไปกินข้าวกับคุณ ฉะนั้นวันนี้เขาก็ต้องอยู่กินข้าวกับคุณ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันไปพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “ว่าไง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เอามือลูบจมูกของตัวเอง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาตามที่พ่อบอกเลยครับ”
เจียงไห่หยางตะคอก “ฉันเป็นพ่อของแก ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน แกก็ต้องหัดเรียนรู้และเชื่อฟังฉันบ้าง จะได้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น”
“ไม่ว่างานจะยุ่งขนาดไหน แกก็ต้องสุภาพกับพ่อตาและแม่ยายของแก เข้าใจไหม ! ”
“ครับ ครับ ครับ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋รีบเห็นด้วย เมื่อถูกผู้เป็นพ่อสอนต่อหน้าทุกคนแบบนี้
เขาหันไปหาหลินเจียอินแล้วพูดว่า “เมียจ๋า พาพ่อแม่ของคุณไปนวดเท้าผ่อนคลายสักพักเถอะ แล้วตอนเที่ยง ผมจะไปรับพาพวกท่านไปกินหม้อไฟ”
“ได้ ! ” หลินเจียอินรับคำด้วยรอยยิ้ม
การนวดเท้านั้นทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก เธอจึงอยากให้พ่อแม่และพ่อแม่สามีได้สัมผัสสักครั้ง
หลินเจียเหว่ยได้ยินแบบนั้นก็มีความสุขมากและพูดด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวไป๋ เราไปนวดเท้าก่อน นายจัดการธุระของนายที่นี่ให้เสร็จได้เลย”
อืม ไปนวดเท้าที่นั่นอีกสักรอบ แล้วถือโอกาสพูดคุยกับพนักงานนวดที่นั่น เพื่อดูว่าใครเหมาะสม แล้วค่อยไปเปิดสาขาที่เจี้ยนหยาง
เมื่อหลินต้าเหว่ยเห็นสีหน้าของลูกชาย เขาก็นึกถึงคำพูดที่ลูกชายเคยพูดเกี่ยวกับกิจการนี้เมื่อวันก่อน และพูดว่า “เอาล่ะ ไปที่นั่นก่อนแล้วลองดูกัน”
มีเพียงเจียงไห่หยางเท่านั้นที่ไม่มีความสุข เพราะเขาอยากจะไปซื้อล็อตเตอรี่กับพ่อแม่ของหลินเจียอิน เขาจึงบ่นพึมพำออกมาว่า “จะไปนวดเท้ากันทำไม ? ที่นั่นน่าเบื่อจะตายไป ? จะสนุกไปกว่าที่นี่ได้อย่างไร ! ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าหลินต้าเหว่ยเห็นด้วย เขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ และได้แต่ทำหน้าบูดบึ้งอย่างลับ ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นสีหน้าของผู้เป็นพ่อ แต่เขาก็ยังคงเงียบ โดยคิดว่าหลังจากที่ได้ลองนวดเท้าดูแล้ว เขาสงสัยว่าพ่อยังจะทำหน้าบึ้งแบบนี้อยู่ไหม และจะงอแงให้เขาพาเข้าเมืองทุกสองสามวันหรือไม่
คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“งั้นทุกคนรออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ ผมจะให้คนขับรถมารับไปส่งที่นั่น”
หลินเจียอินกล่าวว่า “รีบไปเถอะ เราจะรออยู่ที่ริมถนนด้านนอกประตู”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและกำลังจะเดินออกไป แต่เขาก็ถูกหลินเจียเหว่ยหยุดไว้และพูดว่า “เดี๋ยวก่อน เสี่ยวไป๋ ฉันจะกลับมาที่ชิงโจวก่อนสิ้นปีนี้เพื่อสอบใบขับขี่ ฉันต้องทำอะไรบ้าง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ผมจะบอกเสวียหัวไว้ ก่อนสิ้นปีพี่ไม่ต้องไปทำงานในโรงงานแล้ว ไปสอบใบขับขี่ได้เลย”
เมื่อเวลาผ่านไป การขับรถจะกลายเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้คน เขายังหวังว่าลุงและเจ้าหน้าที่เก่าหลายคนจะเรียนขับรถและขับรถเป็น
เขามองไปที่หานหยุนอิงแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ ทำไม่พี่ไม่ลองมาสอบทำใบขับขี่พร้อมกับพี่เจียเหว่ยเลยล่ะ”
หานหยุนอิงก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ แต่เธอก็โบกมือปฏิเสธแล้วพูดว่า “การเรียนขับรถและทำใบขับขี่ต้องใช้เวลานาน ถ้าฉันมากับเขา แล้วใครจะดูแลเด็ก ๆ ล่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ งั้นพวกพี่ก็มาทำทีละคน ให้พี่เจียเหว่ยมาทำก่อนปีใหม่ แล้วพี่ค่อยมาหลังปีใหม่ก็แล้วกันครับ”
“ดี ! ” หานหยุนอิงยิ้มและตอบตกลงอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไรอีก เขารีบเดินไปหาเย่กวงโต้ว เพื่อให้เขาบอกคนขับรถตู้ไปรับหลินต้าเหว่ยและคนอื่นไปที่ร้านนวดเท้า
หลังจากจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เดินไปที่ห้องจัดนิทรรศการ
เนื่องจากเมื่อวานนี้เขาไม่ได้มาชมนิทรรศการเลย เขาจึงอยากเห็นว่าตอนนี้นิทรรศการจะเป็นอย่างไร
“เสี่ยวไป๋ ! เสี่ยวไป๋ ! ”
ทันทีที่เจียงเสี่ยวไป๋เดินเข้าไปในห้องจัดนิทรรศการ เขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเขา