ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 641 การตายของหลิวอิง
ตอนที่ 641 การตายของหลิวอิง
เยี่ยเว่ยหมิงบอกว่าจะพาสะพานสวรรค์น้อยไปออกทีวี เดิมทีนางคิดว่าจะเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มานั่นก็คือรับภารกิจก่อน จากนั้นก็ทำเฟิร์สคิล BOSS สักคน จากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนทั่วไปของประกาศระบบ
แต่นึกไม่ถึงเลย…
เมืองหลวง จวนลู่ติ่งกง
“ฮ่าๆๆ ข้าว่าแล้วเชียว พี่ใหญ่เยี่ยเป็นคนฉลาด จะต้องเข้าใจภาพวาดของข้าแน่นอน” เหวยเสี่ยวเป่าทักทายเยี่ยเว่ยหมิงอย่างอบอุ่น จากนั้นพูดกับสาวน้อยน่าตาน่ารักที่อยู่ข้างกาย “เป็นอย่างไรซวงเอ๋อร์ ข้าเก่งไหม”
สาวน้อยคนนั้นพยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วกล่าวชมอย่างให้ความร่วมมือมาก “ท่านพี่เก่งมากเจ้าค่ะ!”
เมื่อได้ยินคำชมของสาวงาม เหวยเสี่ยวเป่าก็เรียกได้ว่าชุ่มชื่นหัวใจ เกิดความลำพองใจทันที ทำท่าทางภาคภูมิใจราวกับว่าตนเองเป็นคนล้ำลึกเจ้าแผนการ
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วจนใจ ทำได้เพียงอธิบายว่า “ที่จริงในจดหมายสองฉบับของท่าน ข้ารวมกันแล้วอ่านออกเพียงสองคำ”
“สองคำไหน” เหวยเสี่ยวเป่าถาม
เยี่ยเว่ยหมิงนำ ‘จดหมาย’ สองฉบับออกมาผ่านการทำงานของระบบ จากนั้นวางเรียงบนโต๊ะ จากนั้นชี้ตรงจุดที่ลงนามสองจุด “คำว่า ‘เสี่ยวเป่า’ สองคำ”
พูดจบก็ยักไหล่ “แต่ข้ารู้สึกว่าจำสิ่งนี้ได้ก็พอแล้ว ส่วนที่เหลือในเมื่อไม่เข้าใจ ถามท่านตรงๆ จะสะดวกกว่า”
“ฮ่าๆๆ พี่ใหญ่เยี่ยมีวิธีการอย่างที่คาดไว้!”
เหวยเสี่ยวเป่าขานรับอย่างตื่นเต้น จกานั้นจูงมือสาวน้อยคนสวยข้างกายแล้วบอกว่า “พี่ใหญ่เยี่ย นี่คือซวงเอ๋อร์ เป็นเมียของข้าเอง เราเป็นสหายกัน ทุกคนทำความรู้จักกันไว้สักหน่อย”
ซวงเอ๋อร์มีมารยาทมาก เมื่อเหวยเสี่ยวเป่าแนะนำ นางก็กุมหมัดคารวะทันที แล้วเยี่ยเว่ยหมิงก็กุมหมัดคารวะตอบ
แต่กลับได้ยินเหวยเสี่ยวเป่าพูดต่อ “ตอนนี้ในเมื่อทุกคนรู้จักกันแล้ว เช่นนั้นหลังจากนี้เวลาติดต่อกันก็จะสะดวกขึ้นเยอะ”
เยี่ยเว่ยหมิง “???”
“เพราะซวงเอ๋อร์รู้หนังสือ! ต่อไปนี้หากข้าต้องการติดต่อกับพี่ใหญ่เยี่ย ก็จะให้ซวงเอ๋อร์เขียนแทนให้ได้เลย”
เยี่ยเว่ยหมิงยกนิ้วหัวแม่มือให้ แล้วถามว่า “จะว่าไปแล้ว ครั้งนี้มาหาข้ามีธุระอะไรกันแน่”
“ก็ต้องเป็นเรื่องที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว” เหวยเสี่ยวเป่ากล่าว “จำได้ว่าก่อนการประลองสนามที่สาม เสิ่นหรง บุตรสาวของเสิ่นวันซานคงจะมาหาพี่ใหญ่เยี่ยใช่ไหม ตอนนั้นพวกท่านได้คุยกันไว้หรือเปล่าว่าหลังจากจบการประลองแล้ว จะขอให้พี่ใหญ่เยี่ยอธิบายและตัดต่อวิดีโอการต่อสู้ในดันเจี้ยนสนามแรกของการประลองใหญ่หอหมอกพิรุณด้วยตนเอง”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า ที่จริงเขาจำเรื่องนี้ได้ตลอด แต่เพราะก่อนหน้านี้ยุ่งมาก ยังไม่มีเวลาว่างมากอธิบายเกี่ยวกับวิดีโอ
ครั้งนี้หากเหวยเสี่ยวเป่าไม่เอ่ยถึง เขาเองก็เตรียมจะพาสะพานสวรรค์น้อยกลับไปหาเสิ่นหรงอยู่ดี
เพียงแต่ว่า…
เยี่ยเว่ยหมิงชี้ ‘จดหมาย’ สองฉบับที่อยู่บนโต๊ะ แล้วถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ในภาพวาดของท่าน หมายความอย่างนี้หรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ!” เหวยเสี่ยวเป่ายืนขึ้นอย่างตื่นเต้น ชี้ไปปปบนไข่บินบนจดหมาย “เจ้าลูกกลมๆ ที่มีปีกนี่ ก็คือ ‘กลมบิน (ซารุโทบิ)’ ไงล่ะ เหนือหัวของเจ้ากลมๆ นี้ยังมีดวงอาทิตย์ มีดวงจันทร์ รวมกันแล้วเป็นซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึไง”
…ส่วนดาบเจ็ดเล่ม ก็หมายถึงเจ็ดคนในทีมของเจ้าร่วมกันสังหารซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึ…
…แล้วสี่เหลี่ยมสีดำรอบๆ ก็เป็นตัวแทนของกรอบฉากถ่ายทอดสด”
อธิบายภาพแรกเสร็จในชั่วอึดใจเดียว เหวยเสี่ยวเป่าถามต่ออย่างภาคภูมิใจ “สมจริงมากใช่ไหมล่ะ”
สมจริงบ้านแป๊ะเจ้าสิ!
เยี่ยเว่ยหมิงเอามือลูบหน้าผาก คิดในใจว่าถ้าจะให้พูดตามภาพที่เจ้าวาด วิธีการอธิบายก็มีเยอะแยะเกินไปจริงๆ
พอมองแบบนี้ ก็เหมือนว่าการกลายเป็นสหายของซวงเอ๋อร์คือเรื่องที่จำเป็น
วิธีการเล่นแบบ ‘ข้าวาด เจ้าทาย’ แบบนี้ ไม่เหมาะจะนำมาใช้ทำงานจริงๆ
ขี้คร้านจะพูดวนเวียนถึงปัญหานี้กับเหวยเสี่ยวเป่าต่อแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนไปชี้ ‘จดหมาย’ อีกฉบับพร้อมถาม “แล้ววัดร้างนั่นหมายความว่าอะไร”
เมื่อได้ยินคำถามของเยี่ยเว่ยหมิง ซวงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็หลุดขำ แต่เพราะคำนึงถึงหน้าของเหวยเสี่ยวเป่า จึงหุบปากอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่านางลำบากมาก
ตอนนี้เหวยเสี่ยวเป่าก็มีขีดดำขึ้นเต็มหน้าแล้วเช่นกัน อธิบายอย่างจนใจว่า “วัดร้างอะไร นี่คือจวนลู่ติ่งกงชัดๆ! ความหมายของข้าคือให้พี่ใหญ่เยี่ยมาหาข้าที่จวนลู่ติ่งกง…
…อย่ามาพูดคำว่าวัดกับข้า พอได้ยินชื่อสถานที่แบบนั้นแล้วปวดหัว!”
“ก็ได้ ไม่พูดถึงแล้ว ไม่พูดแล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยรับส่งเดช จากนั้นเปลี่ยนประเด็นสนทนา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนนี้พวกเรามาเริ่มบันทึกเสียงวิดีโอกันเถอะ แต่สำหรับเรื่องที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ข้าอยากจะเปลี่ยนนิดหน่อย”
พอได้ยินว่ามีโอกาสเปลี่ยนหัวข้อสนทนาออกจาก ‘วัดร้าง’ เหวยเสี่ยวเป่าก็รีบถามต่อ “จะเปลี่ยนอะไร”
“ข้อแรก เรื่องคำอธิบายวิดีโอ ข้ามีรายละเอียดเงื่อนไขเกี่ยวกับการตัดต่อนิดหน่อย มุมกล้องต้องสลับไปมาอย่างเหมาะสมระหว่างฉากต่อสู้และถ่ายทอดสด หรือพูดได้อีกอย่างว่าต้องเปิดเผยใบหน้า”
หลังจากชะงักครู่หนึ่ง ก็กล่าวเสริมอีกว่า “ข้อสองก็คือ ให้สะพานสวรรค์น้อยบันทึกเสียงอธิบายวิดีโอนี้ด้วย ให้นางเป็นคนอธิบายกลยุทธ์หลักทั้งหมด ข้ารับหน้าที่เสนอแนะสองสามประโยคตามความเหมาะสม แค่ให้รู้ว่ามีข้าอยู่ก็พอ”
“พี่ใหญ่เยี่ย ท่านจะให้คนใหม่มาแย่งชามข้าวข้าหรือ!” เหวยเสี่ยวเป่าหัวเราะแห้ง “แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ถึงตอนนั้นข้าก็จะเข้าร่วมด้วย ทุกคนร่วมพูดด้วยกัน”
แต่ตอนนี้สะพานสวรรค์น้อยกลับพูดอย่างประหม่าเล็กน้อย “ต้องเปิดเผยหน้าตอนถ่ายทอดสดหรือ ทั้งยังเป็นบันทึกการถ่ายทอดสดที่โด่งดังขนาดนั้นอีก…
…แต่ปัญหาก็คือ ข้าไม่รู้ว่าจะโจมตี BOSS เลเวลหนึ่งร้อยที่ชื่อ ‘ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึ’ นั่นอย่างไรน่ะสิ เจ้าจะให้ข้าพูดอย่างไร…”
“…ถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องกังวล ข้าบอกเจ้าล่วงหน้าก็ได้นี่”
เยี่ยเว่ยหมิงให้เหวยเสี่ยวเป่าเปิดวิดีโอการประลองสนามนั้นทันที จากนั้นอธิบายว่า “เจ้าสังเกตให้ดีนะ การเปลี่ยนแปลงของซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึคนนี้ ที่จริงแล้วมีสี่ช่วง…
…ช่วงแรกก็คือช่วงเริ่มต้น ตรงนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หากมีความสามารถมากพอ ปะทะกันซึ่งๆ หน้าก็ได้ แต่ถ้าความสามารถไม่ถึง ก็ไม่ต้องฟังเนื้อหาต่อจากนี้แล้ว…
…แต่ตอนนี้ทุกครั้งหลังจากที่เขาใช้วิชาโล่หมอกควัน ขอเพียงไม่ถูกโจมตีจนเสียค่าพลังชีวิต เขาก็จะใช้วิชานี้ได้อีกครั้ง…
…ตอนนั้นพวกเราโจมตีเร็วเกินไป ผู้เล่นจึงอาจไม่ได้สังเกตเห็นจุดนี้…
…ที่จริงแล้วขอเพียงควบคุมจังหวะได้ การสู้กันช่วงนี้ก็ผ่อนคลายมาก…
…ช่วงที่สามคือหลังจากเขาเสียพลังชีวิตไปแล้วสองในสามส่วน ตอนนี้ทุกครั้งหลังจากเขาโจมตีหรือต้านการโจมตีได้ เขาก็จะใช้วิชาโล่หมอกควันเช่นกัน ต้องใช้ความสามารถในการรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้า…
…สุดท้าย ตอนที่พลังชีวิตของเขาเหลือสิบเปอร์เซ็นต์ การใช้วิชาโล่หมอกควันของเขาก็ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ อีกแล้ว…
…ถ้าไม่ได้มีความมั่นใจกับการตอบสนองตอนต่อสู้จริงเป็นพิเศษ ก็อย่าไปหวังว่าจะพึ่งโชค ถ้ามีกระบวนท่าที่โจมตีได้ในขอบเขตใหญ่ๆ ก็ค่อยๆ เริ่มระเบิดแผนที่ได้เลย…
…หากถามว่าขอบเขตความสามารถในการจัดการ BOSS คนนี้อยู่ตรงไหน…
…พูดง่ายๆ ก็คือ หากทีมไม่ต้องอาศัยกลยุทธ์ใดๆ แล้วบุกได้ทั้งแผนที่ตั้งแต่แรกเริ่ม ก็ลองไปท้าสู้กับ BOSS คนนี้ได้แล้ว…
…ที่จริงพวกผู้เล่นที่อยากท้าสู้ดันเจี้ยนนี้ ก็ไม่ต้องนำพวกเราไปเปรียบเทียบหรอก ถึงอย่างไรตอนหลังพวกเราก็มีการประลองที่สำคัญกว่าต้องสู้ มีไพ่ลับมากมายที่เปิดเผยที่นี่ซี้ซั้วไม่ได้…
….บลาๆๆ…”
แล้วก็ผ่านไปอย่างนี้ ภายใต้การจัดแจงของเยี่ยเว่ยหมิง สะพานสวรรค์น้อยกลายเป็นตัวละครหลักในการอธิบายวิดีโอครั้งนี้แล้ว ข้างกายมีผู้บัญชาการรบของดันเจี้ยนอย่างเยี่ยเว่ยหมิงและเหวยเสี่ยวเป่าที่เป็นพิธีกรในตอนนั้นคอยกล่าวเสริม ได้เดบิวต์ในตำแหน่งเซนเตอร์ของวงอย่างเหมาะสม
แม้จะกำลังส่งเสริมคนใหม่ แต่เรื่องรางวัลก็ต้องให้เยี่ยเว่ยหมิงเป็นหลัก สะพานสวรรค์น้อยได้รางวัลเป็นเงินสดห้าร้อยเหรียญทองจากเหวยเสี่ยวเป่าเท่านั้น
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ สะพานสวรรค์น้อยก็ยังดีใจมากอยู่ดี
อย่างไรเสียผลลัพธ์จากการ ‘ออกทีวี’ ครั้งนี้ ก็ไม่ใช่แค่ปรากฏชื่อในประกาศของระบบเท่านั้น
ตอนจะให้รางวัลเยี่ยเว่ยหมิง เหวยเสี่ยวเป่าก็พูดหลอกล่อให้สงสัย “สำหรับค่าตอบแทนของพี่ใหญ่เยี่ย ข้ามีสองทางเลือกให้ท่านเลือกเอง…
…ทางเลือกแรก ส่วนแบ่งร้อยละห้าจากกำไรของวิดีโอนี้ หากนับทบไปเรื่อยๆ ข้าเชื่อว่าภายในหนึ่งปีจะตักตวงสักหนึ่งหมื่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ตอนหลังแม้จะช้าหน่อย แต่ทุกเดือนก็จะมีรายรับนิดๆ หน่อยๆ”
เมื่อได้ยินสัดส่วนรายได้นี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตัวสั่นทันที
หนึ่งหมื่นเหรียญทอง!
นั่นหมายความว่าอะไร
‘โลงแก้วหลิวหลี’ ที่แพงที่สุดในร้านขายโลงศพฉี่หลิงก็ราคานี้เช่นกัน
ถ้านับส่วนลดสมาชิกวีไอพีของเยี่ยเว่ยหมิงด้วย ก็ต้องเหลือเงินอีกไม่น้อยแน่นอน!
ดูจากจุดนี้ก็รู้แล้วว่าหนึ่งหมื่นเหรียญทองไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แน่นอน!
แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่รีบเลือก แต่ถามต่อว่า “อีกทางเลือกหนึ่งคืออะไร”
เหวยเสี่ยวเป่าได้ยินแล้วหัวเราะแห้ง “อีกทางเลือกหนึ่งน่ะหรือ พี่ใหญ่เยี่ยก็จะได้รางวัลเป็นอุปกรณ์ดรอปที่ใช้ได้ครั้งเดียว อันนี้ไง!”
ระหว่างที่พูด เหวยเสี่ยวเป่าก็ยื่นจีวรชุดหนึ่งให้เยี่ยเว่ยหมิง
[จีวรฮุ่ยหมิง (อาวุธล้ำค่า)] จีวรที่หลวงจีนฮุ่ยหมิงเคยห่ม เมื่อเวลานานไปติดกลิ่นอายของพระชั้นสูง มีแก่นสารฌาณในระดับหนึ่ง
ป้องกัน +500
พลังชีวิตสูงสุด +2000
กำลังภายในสูงสุด +2000
เลเวลพุทธธรรม +1
เคล็ดกระบี่เลเวล +1!
จีวรชุดนี้ดูเหมือนไม่โดดเด่น แต่ค่าสเตตัสของมันสุดยอดเกินไปแล้ว!
บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงมีอุปกรณ์เจ๋งๆ อยู่ไม่น้อย แต่ชุดที่เป็นหนึ่งในอุปกรณ์พื้นฐาน กลับไม่เคยทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างแท้จริงได้สักที
ค่าสเตตัสของชุดเต๋าปากว้าไม่ได้แย่ แต่ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเพียงอุปกรณ์ที่มีค่าสเตตัสระดับทองคำเท่านั้น สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ มันเพิ่มความสามารถที่แท้จริงให้เขาได้ยากมาก
อย่างมากก็แค่ดันทุรังใช้ไปก่อน ดีกว่าวิ่งเปลือยกายนิดหน่อย
ส่วนชุดคลุมป่านหลาน?
ข้อดีอย่างมากของมันก็คือเพิ่มการต้านพิษ
แต่คำถามก็คือตอนนี้ค่าสเตตัสของเยี่ยเว่ยหมิงมาจากการอาศัยอุปกรณ์อย่างนั้นหรือ
ตอนนี้เขาจัดเป็นประเภทหมื่นพิษไม่กล้ำกรายแล้ว!
อีกทั้งจีวรฮุ่ยหมิงตัวนี้ ไม่ใช่แค่มีค่าสเตตัสพื้นฐานยอดเยี่ยม ขณะเดียวกันยังเพิ่มค่าสเตตัสที่ใช้งานได้จริงอย่าง ‘พุทธธรรม’ กับ ‘เคล็ดกระบี่’ ด้วย เพิ่มพลังต่อสู้ที่แท้จริงให้เขาได้เยอะมาก!
“เป็นอย่างไรบ้าง พี่ใหญ่เยี่ย” หลังจากเห็นสายตาที่พึงพอใจของเยี่ยเว่ยหมิง เหวยเสี่ยวเป่าก็อดถามต่ออย่างภาคภูมิใจไม่ได้ว่า “ท่านเตรียจะรับส่วนแบ่ง หรือจะรับอุปกรณ์”
“ข้าต้องการชุดตัวนี้!” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างไม่ลังเล
แม้หากมองจากผลตอบแทนระยะยาว เหมือนการรับส่วนแบ่งจะคุ้มกว่าก็ตาม
แต่อุปกรณ์ดีๆ สักชิ้นก็เพิ่มความสามรถให้เขาได้อย่างเห็นผลทันที!
ถึงอย่างไรเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก็เป็นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพ หากมองจากระยะสั้น ความสามารถที่เพิ่มขึ้นสำคัญกว่าการมีเงินแน่นอน
แต่ถ้ามองในระยะยาว การได้อุปกรณ์ที่สุดยอดมาไว้ในมือตอนนี้ ก็จะทำให้เขาสะสมความสามารถได้ดีกว่าเดิม!
ดังนั้น สองทางเลือกที่เหวยเสี่ยวเป่าเสนอมา ถ้าจะให้เขาเลือกระหว่างระยะสั้นและระยะยาว ไม่สู้ตัดสินใจระหว่างความสามารถและเงินดีกว่า
หลังจากเข้าใจจุดนี้แล้ว เขาก็ต้องเลือกอุปกรณ์แน่นอน!
หลังจากติดตั้งอุปกรณ์ใหม่บนตัว มองจากภายนอกกลับไม่เห็นความแตกต่างเลยสักนิด
เยี่ยเว่ยหมิงพึงพอใจกับสิ่งนี้มาก
เนื่องจากมีฝักกระบี่สาส์นพุทธะอยู่ ตอนนี้เวลาเขาลงมือต่อสู้ก็จะมีเพลงประกอบฉากแบบชาวพุทธโดยอัตโนมัติเ
หากบนตัวมีจีวรคลุมอีกสักตัว เช่นนั้นภาพลักษณ์ก็จะยิ่งดูมีวาสนาต่อศาสนาพุทธยิ่งกว่าเดิม
หากไม่ใช่เพราะมีชุดเครื่องแบบทางการสวมไว้ภายนอก ตอนนี้เกรงว่าเยี่ยเว่ยหมิงอาจจะตัดสินใจอย่างลังเลแล้วก็ได้
มองค่าสเตตัสพื้นฐานของตนเองที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ปราดหนึ่ง จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็กุมหมัดคารวะเหวยเสี่ยวเป่า “ในเมื่อไม่มีธุระเรื่องอื่นแล้ว เช่นนั้นข้ากับสะพานสวรรค์น้อยก็ขอตัวก่อน”
“อย่ารีบสิ!”
เหวยเสี่ยวเป่าได้ยินแล้วรีบบอก “ที่จริงวันนี้ข้าตั้งใจเขียนจดหมายเรียกพี่ใหญ่เยี่ยมา นอกจากบันทึกเสียงใส่วิดีโอแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญมากจะบอกท่าน”
“เรื่องอะไร” เยี่ยเว่ยหมิงงง
“ที่จริงก่อนที่ข้าจะส่งจดหมายไปให้ท่าน ข้าไปที่สำนักมือปราบเทพมาแล้วรอบหนึ่ง ผลปรากฏว่าท่านไม่อยู่ ข้าถึงได้ตัดสินใจเขียนจดหมายไปหาท่าน” เหวยเสี่ยวเป่าตอบ
หลังจากชะงักเล็กน้อย ก็กล่าวเสริมอีกว่า “แต่การไปสำนักมือปราบเทพครั้งนั้นก็ไม่ได้สูญเปล่า เพราะข้าเจอหัวหน้าโหยวจิ้นที่นั่น เขาวานข้ามาบอกท่านว่าหลังจากเสร็จธุระที่อยู่ในมือแล้วให้รีบกลับสำนักมือปราบเทพทันที มีภารกิจสำคัญรออยู่”
“อ้อ” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วพยักหน้า จากนั้นถามว่า “เขาบอกท่านหรือไม่ว่าภารกิจอะไร”
“เหมือนรองหัวหน้าพรรคกระยาจกจะถูกคนฆ่าตาย อีกทั้งเรื่องนี้ยังทำให้เกิดการสังหารเพราะความแค้นในยุทธภพอีกมากมาย” เหวยเสี่ยวเป่าแบมืออย่างจนใจ “พี่ใหญ่เยี่ย ท่านเองก็รู้ว่าข้าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องในยุทธภพ พวกรายละเอียดก็ยิ่งไม่รู้”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำท่าทางครุ่นคิด จากนั้นถึงได้กุมหมัดคารวะและกล่าวอำลาเหวยเสี่ยวเป่าอีกครั้ง
เหวยเสี่ยวเป่าคำนับกลับทันที จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยก็ออกจากจวนลู่ติ่งกงด้วยกัน
เมื่อออกจากประตูมา สะพานสวรรค์น้อยที่วางมาดสูงส่งเย็นชามาตลอด ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว นางส่งเสียงร้องดีใจก่อน จากนั้นก็หันมาพูดกับเยี่ยเว่ยหมิง “ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้ข้าจะได้เปิดเผยโฉมหน้าไหนวิดีโอถ่ายทอดสด ชื่อเสียงต้องเพิ่มขึ้นเยอะแน่นอน พี่ใหญ่เยี่ย ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านจริงๆ”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ จากนั้นเปลี่ยนประเด็นสนทนา “พวกเรากลับสำนักมือปราบเทพด้วยกันดีไหม ดูว่าภารกิจนั้นแบ่งปันกับผู้เล่นจากสำนักอื่นได้หรือเปล่า”
สะพานสวรรค์น้อยหลังเลครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า “ในเมื่อเป็นภารกิจสำนักของพี่ใหญ่เยี่ย ข้าก็ไม่เข้าไปปยุ่งดีกว่า…
…อีกทั้งข้าก็มีภารกิจบางอย่างต้องทำเหมือนกัน…
…อย่างเช่น ถือโอกาสตอนที่อี้เติงกับเฒ่าทารกยังไม่กลับสระมังกรดำ ไปสังหารยายป้าวัยทองน่ารังเกียจนั่นพร้อมกับน้องดาบ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยกนิ้วหัวแม่มือทันที “เป็นความคิดที่ไม่เลว ข้าสนับสนุนพวกเจ้า”
ตอนนี้สะพานสวรรค์น้อยเริ่มเขียนจดหมาย เตรียมจะปฏิบัติการร่วมกับน้องดาบ
ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงประกาศระบบดังขึ้นกลางอากาศ ขัดจังหวะนางที่กำลังร่างจดหมาย
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นสำนักหัวซาน เลี้ยงบาสลงห่วงผู้เล่นเกาะดอกท้อ จันทราสะท้อนน้ำ ผู้เล่นนิกายเบญจพิษเงาใจภูต โจมตีสังหาร BOS เลเวล 85 หลิวอิง…]
[เนื่องจากหลิวอิงเป็น BOSS โหมดปกติ หลังจากสังหารครั้งนี้จะไม่รีเฟรชอีก]
[ตั้งแต่นี้ไปป เกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ จะไม่มีหลิวอิงอีก!]
[ผู้เล่นสามคนที่โจมตีสังหาร จะได้รับ…]
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นสำนักหัวซาน เลี้ยงบาสลงห่วง…]
……
พอได้ยินเสียงแจ้งเตือนระบบที่ดังขึ้นกะทันหันเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยพี่กำลังวางแผนเรื่องเดียวกันก็มองหน้ากันเลิกลั่ก
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าถอนหายใจ “ศิษย์เกาะดอกท้อ พั่วเจิ่น ร่วมมือกับผู้สืบทอดวิชา ‘เก้ากระบี่เดียวดาย’ สำนักหัวซาน ร่วมกับผู้สืบทอด ‘ตำราลับงูทอง’ ของนิกายเบญจพิษ พวกเขาร่วมมือกันฆ่า BOSS ช่างเป็นการรวมกลุ่มในฝันสำหรับสู้กับอิงกูจริงๆ!…
…แม้ทุกคนมีจุดยืนต่างกัน ถึงขั้นมีความขัดแย้งระหว่างกันด้วย แต่สำหรับพฤติกรรมเช่นนี้ของพวกเขา ข้าบอกได้เพียงว่า…”
สะพานสวรรค์น้อยที่อยู่ข้างๆ ก็เผยรอยยิ้มภาคภูมิใจเช่นกัน นางกล่าวเสริมให้ว่า “ทำได้สวยงาม!”