ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 223 แผนร้ายของเฉิงคุน
ตอนที่ 223 แผนร้ายของเฉิงคุน
เมื่อเห็นข้อมูลภารกิจที่เยี่ยเว่ยหมิงแชร์ออกมา ทุกคนก็ขมวดคิ้วพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
สถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้เดิมทีก็ไม่ได้มีแนวโน้มที่ดีอยู่แล้ว ปรากฏว่ามีเรื่องใหญ่โตระดับนี้เพิ่มขึ้นมาอีก
แบบนี้นับว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรือเปล่า
ตอนนี้เอง จู่ๆ พิราบขาวตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล บินวนเป็นตัวอักษร ‘ขอบัตรรายเดือนขั้นต่ำ’ อยู่กลางท้องฟ้า จากนั้นมาเกาะบนบ่าเยี่ยเว่ยหมิงแล้วหายไป
[เมื่อครู่ตอนที่ตั้งทีมโจมตีบอส สถานการณ์ต่อสู้ดุเดือดมาก ตอนนี้ถึงได้มีเวลาตอบ จะว่าไปแล้วฐานะของสามคนที่เจ้าถามถึง เจ้าคงไม่ได้เตรียมจะเปลี่ยนชื่อหรอกใช่ไหม]…อินปู้คุย
เยี่ยเว่ยหมิงอ่านข้อความแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นตอบกลับทันที
[ข้าช่วยสหายทำภารกิจ จะว่าไปแล้วแฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับอย่างพวกเจ้ารู้แม้กระทั่งสิ่งนี้หรือ]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ต่อให้เป็นแฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับเดิม แต่ก็ใช่ว่าเห็น ‘หินสามชาติ’ แล้วรู้ทันทีว่าเป็นไอเทมในเกม แต่ดูจากผลงานของอาจารย์กิมย้ง เหมือนว่าสองคนที่ปิดบังชื่อจริงของตัวเองได้สำเร็จที่สุดก็คือหยวนเจินกับหลวงจีนไว้ผมของภารกิจนี้ ตั้งค่าให้พวกเขาสองคนกลายเป็น NPC ที่แจกภารกิจ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล]…อินปู้คุย
เยี่ยเว่ยหมิงราวกับตรงหน้ามีแสงสว่างขึ้นมาฉับพลัน รีบซักถามว่า
[กล่าวเช่นนี้ แสดงว่าเจ้ารู้จักตัวตนของสามคนนั้นแล้วหรือ]…เยี่ยเว่ยหมิง
เมื่อเห็นว่าเยี่ยเว่ยหมิงรับภารกิจถูกไล่สังหารที่ดูเหมือนกับดักมาแล้ว แต่ยังพูดคุยได้อย่างสบายอกสบายใจ เพื่อนร่วมทีมก็พากันแขวะในใจว่าเจ้าหมอนี่ใจกว้างมาก
แต่พอเห็นเขามีสีหน้าจริงจัง ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังศึกษาวิธีแก้ไขปัญหาอยู่หรือเปล่า ทุกคนจึงพูดแขวะแค่ในใจ ไม่ได้เริ่มพูดอะไรรบกวนเขา
ตอนนี้จดหมายของอินปู้คุยบินกลับมาแล้ว ทั้งยังมาพร้อมกับข่าวที่ทำให้ทุกคนตกใจด้วย
[หยวนเจินแม้จะดูเหมือนพระ แต่ที่จริงแล้วเขาคืออาจารย์ของเซี่ยซุน ฉายาหัตถ์อัสนีบาตจักรวาล…เฉิงคุน!
หลวงจีนไว้ผมแม้จะดูเหมือนพระธุดงค์ แต่ที่จริงเขาคือทูตขวาแห่งพรรคจรัส…ฟ่านเหยา!
เฉินโหย่วเหลียงแม้จะดูเหมือนผู้อาวุโสพรรคกระยาจก แต่อีกฐานะหนึ่งของเขาก็คือ ลูกศิษย์ของเฉิงคุน!
ส่วนข้อมูลที่ละเอียดกว่านั้น ข้าจะพยายามหาที่เขียนให้เจ้า
นอกจากนี้ ขอบคุณที่เจ้ามอบกระบี่ให้]…อินปู้คุย
[ตอนนี้เป็นกระบี่ของเจ้าแล้ว <( ̄︶ ̄)>]…เยี่ยเว่ยหมิง
เมื่อพูดคุยทางจดหมายเสร็จ เยี่ยเว่ยหมิงที่มีข้อมูลสำคัญอยู่ในมือแล้วก็รู้สึกทันทีว่าความจริงของเรื่องนี้เริ่มกระจ่างแจ้งแล้ว
ไม่รอให้ทุกคนเอ่ยถาม เยี่ยเว่ยหมิงเป็นฝ่ายบอกเอง “เรื่องราวเป็นเหมือนที่ข้าเดาไว้ไม่มีผิด ฐานะที่แท้จริงของหลวงจีนหยวนเจินนั่น ก็คือคนที่แจกภารกิจไล่สังหารข้า หัตถ์อัสนีบาตจักรวาลเฉิงคุน! ส่วนเฉินโหย่วเหลียงแห่งพรรคกระยาจก ที่จริงแล้วเป็นศิษย์ของเฉิงคุน”
“อะไรนะ!”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ทุกคนก็ตกใจพร้อมกัน สะพานสวรรค์น้อยมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล ส่วนถังซานไฉ่ก็กล่าวทันทีว่า “เกรงว่านี่คงเป็นแผนร้ายที่พุ่งเป้ามาที่เจ้า! สหายเยี่ย หรือไม่อย่างนั้น ภารกิจที่ต้องไปรับมือกับหลวงจีนไว้ผม เจ้าไม่ต้องไปแล้วก็ได้ อย่าเสี่ยงอันตรายเกินไปเพราะเรื่องของข้า นั่นไม่คุ้มค่า”
ตอนนี้ฉางซิงอวี่ทำเสียงฮึดฮัดทันทันที พูดเหยียดว่า “คนที่ไล่สังหาร จะมาก็มาสิ พวกเราเป็นยอดฝีมือหลายคนรวมตัวกัน สู้กับบอสของภารกิจเจ็ดดาวก็ใช่ว่าจะไม่มั่นใจในชัยชนะ อย่าบอกนะว่ากับแค่ผู้เล่นคนเดียวก็กลัวแล้ว…
…เมื่อไรที่เขาโผล่มา สุ่มเลือกคนในทีมสักคนสองคนไปก็กำจัดเขาได้แล้ว”
จนกระทั่งตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้พบว่าขุนพลน้อยชุดขาวที่ดูถ่อมตัวมีมารยาท ที่จริงแล้วมีความอวดดีขนาดนี้อยู่ลึกๆ ยังไม่ทันรู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ก็ไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาเสียแล้ว
“จะพูดอย่างนั้นไม่ได้หรอก” ตอนนี้หนิวจื้อชุนลูบใบหน้าใหญ่ๆ ของตัวเองแล้วกล่าวเสียงต่ำ “เจ้าไม่ได้ยินหรือว่าเมื่อครู่นี้สหายเยี่ยบอกว่าเฉินโหย่วเหลียงคือลูกศิษย์ของเฉิงคุน ลองนึกเชื่อมโยงไปถึงพิราบสื่อสารที่ไม่เหมือนตัวอื่นในเมืองเฉิงตูตัวนั้น หรือว่าเฉิงคุนจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าในบรรดาผู้ที่เข้าร่วมภารกิจครั้งนี้มีสหายเยี่ยอยู่ด้วย”
พอได้ฟังหนิวจื้อชุนเตือนแบบนี้ ฉางซิงอวี่ก็ได้สติทันที “สหายหนิวหมายความว่า อีกฝ่ายอาจจะเตรียมตัวไว้นานแล้วอย่างนั้นหรือ”
ในบรรดาเพื่อนร่วมทีมอยู่ตรงนี้ มีใครบ้างที่เป็นคนโง่ ขอเพียงเตือนคำเดียว ก็เข้าใจทันทีว่ากุญแจสำคัญคืออะไร
ต้องทราบไว้ว่า NPC ระดับสูงในเกมอาจจะมีสติปัญญา แม้จะถูกจำกัดให้อยู่ในกติกาของระบบก็ตาม ผู้ไล่สังหารกับเยี่ยเว่ยหมิงคงจะได้รับคำแนะนำภารกิจนี้พร้อมกัน
แต่ใครจะรับประกันได้ว่าก่อนหน้านั้นเฉิงคุนจะไม่ใช้วิธีการอื่นเพื่อส่งข่าวนี้ให้ผู้ไล่สังหารรู้
และหากนับจากตอนที่พวกเขาเห็นนกพิราบ จนตอนนี้ก็ผ่านไปแล้วเกือบสองชั่วโมง!
เวลายาวนานขนาดนี้ เพียงพอที่จะให้อีกฝ่ายวางแผนรับมือได้อย่างสอดคล้องกันแล้ว
อย่างน้อยก็ไปตีสนิทสานสัมพันธ์กับพวกยอดฝีมือไว้สักหน่อย ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
แม้ภารกิจจะเตือนว่าผู้ไล่สังหารมีเพียงคนเดียว แต่ใครกำหนดว่าเขาจะไม่ได้ตั้งทีมแล้วมาสังหาร
“สมควรตาย!” ตอนนี้ฉางซิงอวี่ที่อยู่ข้างๆ กลับโมโหจนด่าออกมา “ข้าก็คิดอยู่ว่าทำไมวันนี้เฉิงคุนถึงพูดมากขนาดนี้ ที่แท้ก็กำลังถ่วงเวลาให้ผู้ไล่สังหารนี่เอง!”
ส่วนถังซานไฉ่ก็พูดกับเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสีหน้าจริงจัง “สหายเยี่ย ถ้ากล่าวเช่นนี้ เจ้าก็ยิ่งมาเข้าร่วมการต่อสู้กับบอสครั้งนี้ไม่ได้แล้ว ข้าไม่ได้พูดเพราะเกรงใจหรอกนะ แต่ถ้าแยกกันไปปฏิบัติภารกิจ ก็จะเป็นผลดีกับเจ้า กับข้าแล้วก็ทุกคน…
…หากเจ้าปฏิบัติภารกิจเพียงลำพัง แม้จะขึ้นรถม้าไม่ได้ แต่ด้วยฝีมือและวิชาตัวเบาของเจ้า ไม่ว่าจะให้รุก ถอย ต่อสู้ หรือหนี เจ้าก็รับมือได้เหลือเฟือ…
…ส่วนการต่อสู้ระหว่างพวกเรากับบอส จะได้ไม่มีใครโผล่มาคุกคามและก่อกวนอยู่ตลอด”
ถังซานไฉ่วิเคราะห์ได้อย่างมีสติปัญญามาก “ถ้าพวกเรารวมตัวกันไปสู้กับบอส ดีไม่ดีอาจจะเจอทั้งบอสทั้งผู้ได้สังหารโจมตีขนาบสองฝั่ง ถึงตอนนั้น จุดจบอาจจะเป็นการตายหมู่ก็ได้”
ถังซานไฉ่หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดเสริมอีก “ความคิดของข้าก็คือ เจ้ารับหน้าที่ล่อศัตรูที่ไล่ตามมาออกไป ส่วนพวกเราห้าคนก็ฆ่าบอส ถ้าทำสำเร็จ พวกเราก็จะไปรวมตัวกับเจ้า แล้วไปรับรางวัลภารกิจกับเฉิงคุน จากนั้นก็ร่วมกันเผชิญหน้ากับคนที่ไล่ฆ่าเจ้าอีกที…
…ทุกคนคิดว่าคำแนะนำของข้าเป็นอย่างไร”
สำหรับความคิดเห็นของถังซานไฉ่ ทุกคนเห็นด้วยอย่างเป็นเอกฉันท์ แม้แต่น้องดาบก็ยังยักไหล่ บอกใบ้ว่าไม่ถือสาที่จะให้เยี่ยเว่ยหมิงได้รางวัลภารกิจครั้งนี้ไปฟรีๆ
แน่นอนว่านางถือโอกาสพูดจาทำร้ายเยี่ยเว่ยหมิงนิดหน่อย การเอาเปรียบทางด้านคำพูดเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
เยี่ยเว่ยหมิงแอบจดจำน้ำใจส่วนนี้ไว้เงียบๆ ตัดสินใจว่าต่อไปนี้เวลาที่ได้รังแกน้องดาบ เขาก็จะเบามือลงหน่อย ถือว่าเป็นการตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของถังซานไฉ่!
พอหันตัวกลับมา ก็กวาดสายตามองไปบนใบหน้าทุกคน ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็เอ่ยว่า “น้ำใจของทุกคนข้ารับรู้แล้ว แต่พวกเจ้ากลับมองข้ามปัญหาอย่างหนึ่งไป เป็นปัญหาที่เป็นกุญแจสำคัญมาก!”
“ในเมื่อเฉิงคุนนั่นรู้ล่วงหน้าแล้วว่าข้าจะมารับภารกิจไล่สังหารหลวงจีนไว้ผม เขาจะไม่ถือโอกาสนี้บอกผู้ไล่สังหาร ให้อีกฝ่ายเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ หรอกหรือ”
“ยิ่งไปกว่านั้น ระยะเวลาการประกาศสองภารกิจนี้ก็ห่างกันไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วย พวกเจ้าคิดจริงหรือว่านี่คือภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด”
ทุกคนได้ยินแล้วอึ้งทันที แต่กลับได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงอธิบายต่อไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอนว่า “ภารกิจไล่ล่าสังหารมีระยะเวลาหนึ่งวัน ส่วนภารกิจที่พวกเราได้สังหารหลวงจีนไว้ผมกลับมีเวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม ถ้าเปลี่ยนให้พวกเจ้าเป็นผู้ไล่สังหาร แล้วเห็นข้าออกนอกเมืองภายใต้สถานการณ์นี้ จะกินฝุ่นตอนวิ่งตามก้นข้า หรือรอให้หลวงจีนไว้ผมเข้าใกล้เหมือนเฝ้าตอไม้รอกระต่าย”
ทุกคนได้ยินแล้วสูดหายใจลึกพร้อมกัน
หากทั้งหมดนี้คือแผนการของเฉิงคุน เช่นนั้น NPC คนนี้ก็หน้าเนื้อใจเสือเกินไปแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อ “หากพวกเจ้าเป็นผู้ไล่สังหาร แล้วพบว่าถึงแม้ข้าจะไม่ได้ออกไปด้วย แต่พวกเจ้าก็เริ่มฆ่าบอสแล้ว พวกเขาจะปล่อยให้พวกเจ้าโจมตีบอสอย่างสงบใจ จากนั้นค่อยไปรับรางวัลภารกิจด้วยกันกับข้า แล้วค่อยกลับมาสู้กับพวกเขา หรือว่าจะทำลายภารกิจของพวกเจ้าก่อน แล้วลองใช้วิธีล้อมโจมตีล่อกองหนุนเพื่อล่อข้าให้กลับมาล่ะ”
พอได้ฟังคำพูดเหน็บแนมเป็นชุดของเยี่ยเว่ยหมิง ทุกคนก็มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ชั่วขณะนั้นต่างก็ไม่มีใครพูดอะไร
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวอย่างไม่หวาดหวั่นว่า “จะว่าไปแล้ว เฉิงคุนนี่ก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าที่วางอุบายเก่งตามคาด…
…เขาใช้วิธีการที่ดูไม่ใช่แผนร้ายสักนิด แต่ความจริงคือแผนร้าย!…
…แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดัก แต่พวกเราก็ยังต้องการ ‘หินสามชาติ’ กับรางวัลภารกิจ กับดักนี้ พวกเราจะไม่กระโดดลงไปก็ไม่ได้!”
…เฮ้อ…” พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ ถังซานไฉ่ก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แต่กลับพูดกับเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสีหน้าที่สื่อหลากหลายอารมณ์ “เทียบกับเรื่องที่ข้าเปลี่ยนชื่อ หากเจ้าถูกสังหารระหว่างทำภารกิจนี้ ราคาที่ต้องจ่ายก็มากเกินไปอยู่ดี ทำไมเจ้าต้อง…”
ถังซานไฉ่พูดแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
แม้จะเป็นตอนนี้ ขอเพียงเยี่ยเว่ยหมิงไม่ไปโจมตี BOSS แต่จดจ่ออยู่กับการปกป้องตัวเองอย่างเดียว ก็จะหลบคนที่ไล่ตามสังหารได้อย่างสบายๆ หนึ่งวันแน่นอน ถึงขั้นว่าหากอีกฝ่ายมีจำนวนคนน้อยกว่า เขาก็ยังสังหารกลับได้สำเร็จล่วงหน้าด้วย จะอัปเลเวลเคล็ดวิชาจักรวาลได้หนึ่งเลเวลอย่างสบายๆ
แต่ถ้าไปกับพวกเขา กลับเป็นการยกความได้เปรียบให้คนอื่นหมด ผลที่ตามมาอยากจะคาดเดา
“เลิกบ่นเป็นยายแก่ได้แล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงใช้กำปั้นทุบหน้าอกถังซานไฉ่หนึ่งทีแล้วด่าพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าเฟยอวี๋รู้ว่าข้าทิ้งให้พวกเจ้าเดินทางเพียงลำพังในสถานการณ์อย่างนี้ เขาจะต้องดูถูกข้าไปจนกระทั่งยานอวกาศถึงที่หมายแน่นอน”
พอพูดจบเขาก็ไม่ให้คนอื่นมีโอกาสเถียง โบกมือบอกว่า “สหายฉาง ในเมื่อเจ้ารู้ว่าหลวงจีนไว้ผมอยู่ที่ไหน เช่นนั้นก็ต้องรบกวนให้เจ้านำทางแล้ว”
ขณะที่พูดอยู่นั้น ทุกคนก็เดินทางไปยังสถานที่เป้าหมายด้วยหลากหลายความรู้สึกปนเป
เมื่อเห็นขวัญกำลังใจของเพื่อนในทีมลดลงเล็กน้อย จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็เผยใบหน้ายิ้มแย้ม “ที่จริงถ้าพวกเจ้าอยากฟังข่าวดี ข้าก็มีข่าวบางอย่างที่ทำให้พวกเจ้าเบาใจเช่นกัน”
ทุกคนมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่กลับได้ยินเขาพูดต่อว่า “ในเมื่อเฉิงคุนเป็นคนแจกภารกิจนี้ เช่นนั้นกับดักที่พุ่งเป้ามาที่พวกเราก็เป็นฝีมือเขาเช่นกัน การที่ระบบตัดสินให้ภารกิจนี้เป็นภารกิจที่มีระดับความยากเจ็ดดาว เพราะว่าพิจารณาปัจจัยนี้ร่วมด้วยหรือเปล่า…
…ถ้าเป็นอย่างนี้จริง แสดงว่าบอสที่พวกเราต้องเผชิญหน้าก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่จินตนาการไว้ก่อนหน้านี้ใช่ไหม”
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ทุกคนก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ในที่สุดแววตาของแต่ละคนก็จุดประกายปณิธานแห่งการต่อสู้ขึ้นมาอีกครั้งแล้ว!