ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ - ตอนที่ 69
“เชี่ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เชี่ยยยยย!!!!”
ผมร้องอุทานคำหยาบคำเดียวซ้ำไปซ้ำมาในขณะที่กำลังตั้งวิ่งหน้าตั้งอยู่ ในดันเจี้ยนอันแสนมืดมิดนี้ โดยมีแสงสลัวๆเป็นสิ่งนำทางเพียงเท่านั้น
“นายมาภารกิจสำรวจครั้งแรกก็เจอของดีเข้าให้เลย คงเป็นเพราะรอยแผลเป็นแห่งตราบาปของพวกเรานำพาความโชคร้ายแห่งความมืดที่ยากจะหยั้งถึงมาให้แน่นอน ว่างั้นไหมละ สหาย”
“เออ จะเชี่ยอะไรก็ช่างเหอะ!! ทำอะไรสักอย่างกับพวกมันหน่อยสิวะ!! แกเป็นฮันเตอร์มากฝีมือไม่ใช่รึไง!!”
“จริงๆ ผมก็อยากทำอยู่หรอก แต่รู้ไหม คุณปู่ของผมเคยพูดว่านักธนูไม่อาจยิงธนูได้หากไร้ซึ่งลูกธนูหรอกนะ”
“ห๊า!!! ตั้งแต่มาที่นี้แกยังไม่ได้ยิงอะไรเลยนะโว้ย!! ลูกธนูมันจะไปหมดได้ไงกันวะ!!”
“ก็พวกเราวิ่งกันหน้าตั้งเลยนี้น่า ลูกธนูมันก็เลยหล่นไปตอนวิ่งแล้วละ ตอนนี้ก็เลยเหลือแต่ซองธนูเปล่าๆ กับโรสแมรรี่เท่านั้นแหละ”
“แม่งเอ๊ย!! คิดผิดจริงๆ ที่ร่วมปาตี้กับคนไม่เต็มแบบแกเนี้ย!!”
“อย่าเรียกผมว่าคนไม่เต็มสิ ต้องเรียกว่าฮันเตอร์แห่งความมืดฮันนิบาลต่างหากละ”
“จะเรียกเชี่ยอะไรก็เหมือนกันแหละโว้ย!!”
“ไม่เหมือนกันสักหน่อย นายนี้ไม่มีความละเอียดเรื่องชื่อเรียกเอาซะเลยนะ ชื่อเป็นตัวบ่งบอกถึงตัวตนและลักษณะที่สิ่งนั้นเป็นขนาดวงกลมยังมีวงรีแยกย่อยออกมาเลย ทั้งๆที่เป็นวงกลมเหมือนกันแท้ๆ แต่กลับเรียกไม่เหมือนกัน ก็เพราะรูปร่างและตัวตนของมันแตกต่างกันยังไงละ เพราะฉะนั้นการที่นายไม่ยอมเรียกผมว่าฮันเตอร์แห่งความมืดฮันนิบาลแต่กลับเรียกว่าคนไม่เต็มเนี้ยมันเหมือนโดนดูถูกเลยนะ ฉันคิดว่านายควรบลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“หยุดพูดซักทีสิวะ!! ตูรำคาญโว้ย!!!”
.
.
.
.
ไม่กี่ชม.ก่อนหน้านี้
“หมายความว่ายังไงที่ผมทำเควสร่วมกับก้าก้าไม่ได้นะ!!”
“ก็หมายความตามที่พูดไปนั้นแหละค่ะ ทางเรามีนโยบายไม่ให้คนที่ระดับต่ำกว่าทำเควสร่วมกับคนที่ระดับสูงมากกว่าอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับแร๊งDอย่างคุณที่พยามจะเกาะแร๊งAเพื่อไต่ระดับนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าก้าก้าเป็นแฟนของผมนะ ต่อให้ทำเควสร่วมกันมันก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหายนี้”
“จะเป็นแฟนกันหรือสามีภรรยาทางกิลไม่มีกฏอนุโลมให้ค่ะ ช่วยกรุณาอย่าเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวมาอ้างเถอะคะ”
“ไม่เอาน่าพี่สาว หยวนๆหน่อยเถอะน่า แค่ครั้งเดียวก็ยังดีนะๆๆๆ”
“กฏก็คือกฏค่ะ ทางกิลได้พิจารณาตามความสามารถและจัดเตรียมเควสที่เหมาะสมกับคุณไว้ทางนั้นแล้ว ถ้าอยากจับคู่กันไว้ๆเชิญไปทำเควสให้สำเร็จเยอะๆ แล้วแร๊งของคุณก็จะเลื่อนจนสามารถจับคู่กับแร๊งAได้เองนั้นแหละค่ะ”
พนักงานผายมือไปทางบอร์ดที่รวบรวมงานระดับD-Cเอาไว้ตรงนั้น เป็นการบอกเป็นอ้อมๆ ว่า’จะขอยังไงฉันก็ไม่ให้นายได้หรอก เพราะงั้นเลิกพูดเรื่องไร้สาระที่เป็นไปได้และกลับไปรับเควสของนายซะไป๊!!’
เอาจริงๆเรื่องกฏผมก็รู้มันอยู่หรอกแต่ว่าแบบนี้มันก็ทำให้ผมต้องห่างจากก้าก้าด้วยนะสิ..
“แกรน….”
“หืม? มีอะไรเหรอก้าก้า?”
“นี้…”
ก้าก้ายื่นใบเควสอันหนึ่งมาให้ผมซึ่งมันเป็นเควสกำจัดงูยักฤดูหนาสซึ่งมันเป็นเควสระดับA ทำให้ค่าตัวในการกำจัดมันมีมูลค่าถึง50เหรียญทองเลยทีเดียว
“อืม..เควสนี้มันก็ดี แต่ว่ารอบนี้ฉันไปกับเธอไม่ได้นะ รู้รึเปล่า”
“ไม่เป็น..ไร..ก้าก้า…คนเดียว….ไหว”
“อยากทำมันคนเดียวจริงๆเหรอ?”
“อืม…อยาก..ช่วย..หาเงิน..เร็ว..เร็ว”
“ไม่จำเป็นต้องฝืนก็ได้นะ กะอีแค่10เหรียญทองฉันหามาใช้ได้สบายๆอยู่แล้วน่า”
“ไม่เป็นไร….งูกระจอก…เนื้อ..อร่อย”
เมื่อพูดว่าเนื้ออร่อยก้าก้าก็น้ำลายไหลออกมาทันที ที่แท้เธอก็แค่อยากกินเนื้องูเองหรอกเหรอ!!!
“คุณก้าก้ารับเควสจะรับเควสปราบงูนี้สินะคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
จู่ๆพนักงานสาวจอมเข้มงวดก็พาก้าก้าไปนั้งอีกเคาน์เตอร์หนึ่ง และเดินกลับมาหาผมทันที ด้วยหน้าบึ้งตื้น
“ช่วย-กรุณา-อย่า-รบ-กวน-คุณ-ก้า-ก้า-ตอน-รับ-เควส-ด้วย-นะคะ”
“เอ่อ..คร้บ”
“ดีมากค่ะ จากนี้ไปก็ช่วยทำผลงานให้เยอะๆ ให้สมกับที่ทางกิลด์ยังเก็บคุณไว้อยู่นะคะ คุณแกรนนักผจญภัคแร๊งDผู้แหกกฏ”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินจากไปประจำที่เคาน์เตอร์ตามเดิม พร้อมกับจ้องมาทางผมด้วยสายตาที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าผมจะถูกเธอเกลียดขี้หน้าแล้วละมั้ง แต่ก็เอาเถอะ ยังไฝซะผมก็ต้องอยู่ที่นี้สักพัก เอาไว้ค่อยคุยกับเธอบ่อยๆ เดี๋ยวเธอก็มองผมดีขึ้นเองเองละมั้ง
เอาละในเมื่อก้าก้าจะทำเควสแล้วเราก็ไปเลือกเควสด้วยดีกว่าจะปล่อยให้เธอนำหน้าเราไปก่อนไม่ได้เด็ดขาด สู้โว้ย!!!
“เอาละไหนดูสิ สู้กับฝูงหมาป่าขนที่กลายพันธ์ดุร้ายขึ้นกว่าเดิมถึง6เท่า แบบนี้ใครมันจะไปทำไหววะ!! ต่อไปก็ล่าค่าหัวนักล้วงแห่งตลาดหลังเมืองอันนี้ดีเลยนี้ ท่าทางจะง่ายดีด้วยแถม ยังได้ตั้ง1เหรียญทองแถมดูท่าทางจะง่าย–“
แคว่ก!!!
กระดาษเควสที่ผมกำลังเล็งไว้อยู่ถูกฉีกขาดไปต่อหน้าต่อตาโดยชายร่างใหญ่ที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่แต่งตัวตามสไตร์ตัวประกอบหมัดดาวเหนือโดยไม่กลัวว่าหวัดจะแดกแม้จะอยู่ในฤดูหนาวก็ตาม
“มองแบบนี้มีปัญหารึเปล่า ไอ้เตี้ย”
“ปะ..เปล่าเลยคับลูกเพ่ ผมก็แค่คิดว่าลูกเพ่เนี้ยดูแข็งแกร่งจังเลยนะคับ”
“เออ ขอบคุณที่ชม”
เขาเดินจากไปพร้อมกับกระดาษเควสของผมไปที่เคาน์เตอร์เพื่อเริ่มทำภารกิจโดยไม่แยแสผมเลยแม้แต่นึดเดียว… เมืองหลวงเนี้ย น่ากลัวกว่าที่คิดแหะ
แต่ช่างเถอะดูภารกิจต่อไปกันดีกว่า
“โอ๊ะๆ ไม่เลวแหะ หาเก็บสมุทไพร่ที่ชือว่าเกล็ดน้ำแข็งที่เขาทางเหนือที่เจริญเติบโตเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น ได้ตั้ง1เหรียญทอง แถมยังมีข้อมูลให้ด้วย เอาอันนี้–“
“อันนี้ขอนะพวก!!”
กระดาษเควสถูกฉีกโดยหนุ่มท่าทางกระฉับกระแฉง และวิ่งไปรับภารกิจอย่างรวดเร็ว…. อืม..ไม่เป็นไรยังมีเควสเหลือตั้งเยอะนี้นะ ท่าให้ยกตัวอย่างก็ช่วยตามหาลูกสาวพ่อค้าที่หายไปในเมืองนี้ก็–
“อันนี้ข้าขอนะ”
หญิงสาวที่ใส่ชุดเกราะบิกินี่แม้จะอยู่ในฤดูหนาวก็ตาม และเธอก็เอาเควสที่ผมเล็งเอาไว้ไปรับเอง… ไม่เป็นไรๆ ถือซะว่าได้เห็นก้นงามๆของเธอก็นับว่าคุ้มแล้ว ผมไม่ได้โกรธอะไรหรอก ต่อไปก็–
แคว่กก!!!
ไม่เป็นไรๆ ยังมีอีก ยังไงซะก็—-
แคว่กก!!
งั้นเควสนี้แหละ!! ต้องเอาให้
แคว่กกก!!!
ไม่ทันอีกแล้ว!! แล้วอันนี้–
แคว่กกก!!! แคว่กกก!!! แคว่กกก!!! แคว่กกก!!! แคว่กกก!!! แคว่กกก!!
แม่งเอ๊ย!! เควสหมดกระดานไปแล้ว!!! ถ้างั้นละก็ไปดูบอร์ดของแร๊งG-Fละก็…ไม่มี ก็แหงแหละใครมันจะจ้างงานจิปถะช่วงฤดูหนาวกันละ แม่งเอ๊ย!!! พวกมันจะมาขยันอะไรช่วงฤดูหนาวกันวะ นี้นะเหรอความแตกต่างระหว่างนักผจญภัคบ้านนอกอย่างผมกับนักผจญภัคในเมืองหลวงนะ
“หึๆๆ สหาย ดูเหมือนว่านายกำลังสิ้นหวังอยู่สินะ”
“ธะ..เธอ..”
หญิงสาวผมสีม่วงอ่อนที่มีบาดแผลที่ตาข้างขวาก็ปรากฏตัวขึ้น เธอแต่งชุดเกราะหนังโทรมๆเช่นเดียวกับผม จะว่ายังไงดีละ เธอก็ดูสวยดีอยู่หรอกนะ แต่รู้สึกว่าเธอดูไม่ค่อยเต็มๆยังไงก็ไม่รู้แหะ
“โนวๆๆ ไม่ใช่เธอ แต่เป็นฮันเตอร์แห่งความมืดฮันนิบาลต่างหากละ”
“ฮันนิบาลแห่งความมืด?”
“ไม่ๆ ฮันเตอร์แห่งความมืดฮันนิบาลต่างหาก ไม่ใช่ฮันนิบาลแห่งความมืด แม้จะฟังดูเหมือนกันแต่มันก็แตกต่างกันมากเลยนะรู้รึเปล่าสหาย”
ไม่เต็มแหงๆ เธอคนนี้อันตรายแน่ๆ เราไม่ควรไปยุ่งกับยัยเพี้ยนนี้เลยจะดีกว่า แม้เธอจะมีใบหน้าแบบสไตร์พี่สาวก็เถอะ แต่หน้าอกนั้นคับแคบเป็นบ้า ยังกะของเด็กประถมแหนะ
“ทำหน้าแบบนั้นนายคงสกสัยสินะ ว่าทำไมผมถึงเอ่ยทักนาย ไม่ต้องกลัวผมก็แค่อยากจะเสนอโอกาศพิเศษสุดๆให้กับนายเพียงเท่านั้นเอง”
“ผมเหรอ!!! นี้แกเป็นตัวผู้หรอกเหรอ!!!”
“หืม? ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วสิ ฮันเตอร์แห่งความมืดนะ ไม่มีทางเป็นผู้หญิงไปได้หรอกนะ”
“โกหกเห็นๆ!! หน้าเอ็งสาวแตกซะ ขนาดนี้มันจะไปเป็นตัวผู้ได้ยังไงวะ!!”
“ผมเข้าใจสิ่งที่นายพยามจะสื่อนะ แต่ว่าดูนี้ซะสิ!!”
ฮันนิบาลชี้ไปที่ตาด้านขวาที่เป็นแผลเป็นอยู่
“นี้นะคือเครื่องพิสูจความเป็นชายของผมยังไงละ!! บาดแผลสุดเท่แบบนี้นะ เฉพาะลูกผู้ชายเท่านั้นแหละที่จะสามารถมีมันได้นะ!!”
“ตรรกะอะไรของเอ็งวะเนี้ย!! ถึงจะเข้าใจอยู่นึดๆก็เถอะ”
“ใช่มั้ยละ!!! ผมรู้สึกถูกชะตากับนายมากๆเลยละสหาย แผลเป็นของนายมันเท่บาดใจผมจริงๆ เพราะงั้นมาสนิทกันเถอะ สหาย!!”
“ฉันไม่ได้อยากจะสนิทกับนายสักหน่อย จะไปไหนก็ไปเหอะ ไม่เห็นรึไงว่าคนกำลังยุ่งอยู่”
“หึๆ ก็เห็นว่านายกำลังลำบาก ฉันก็เลยมีข้อเสนอให้นายยังไงละ”
“ข้อเสนอ?”
“ใช่แล้วละ มันคือเจ้าสิ่งนี้ยังไงละ!!”
“สำรวจดันเจี้ยนที่เกิดขึ้นใหม่ทางป่าทิศเหนือของเมือง ค่าตอบแทน30เหรียญทอง!!!”
“น่าสนุกดีใช่มั้ยละ? แค่ไปสำรวจดันเจี้ยนและกลับมารายงาน ก็ได้เงินมาใช้ฟรีๆ 30 เหรียญทองแล้ว”
“ไอ้น่าสนมันก็น่าสนอยู่หรอก แต่ไอ้ดันเจี้ยนที่นายว่าเนี้ยมันถูกตั้งระดับความยากไว้ที่Bเลยไม่ใช่รึไง แร๊งDอย่างฉันรับเควสแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“ก็เพราะแบบนั้นไงผมถึงมีข้อเสนอ จริงๆ งานนี้นะผมได้รับหมอบหมายจากทางกิลมาโดยตรงเลย แต่ว่าผมนะอยากได้ผู้ช่วยในการสำรวจครั้งนี้พอดี ถ้านายยอมไปช่วยผมละก็ ผมยินดีแบ่งรางวัญให้นายครึ่งหนึ่งเลยนะ”
“มันก็น่าสนใจอยู่หรอก..ว่าแต่นายอยู่แร๊งอะไรละ”
“แร๊งของผมนะเหรอ มันก็แน่นอนอยู่แล้วผมแร๊งที่คู่ควรกับฮันเตอร์แห่งความมืดนะคือ…”
หมอนั้นหยุดพูดไปสักพักและก็โพสท่าแปลกๆ โดยที่ก้าวขามาข้างหน้าหนึ่งก้าวและใช้มือขวาจับที่คางของตัวเองเลยเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะมองมาทางผมแบบจิกๆ ไหวปะวะเอ็งเนี้ย
“Bยังไงละ”
“โกหกน่า!!! อย่างแกเนี้ยนะแร๊งB!!”
“แน่นอนสินี้ไงละ ป้ายเงินของผมนะ”
เขาโชวป้ายสีน้ำเงินมาอย่างภาคภูมิใจ เอาจริงดิไอ้หน้าหวานที่ดูอ่อนปวกเปียกแบบนี้เนี้ยนะ แร๊งB ขนาดคุณแบล็คและคนอื่นๆที่ดูแข็งแกร่งกว่ามันยังอยู่แค่แร๊งCเองนะ
“ทีนี้ก็ตาผมถามนายบ้างละ ตอนนี้นายอยู่แร๊งอะไรงั้นเหรอสหาย”
“D”
“งั้นก็โชคดีเลยนะสิ!! ที่พวกเราสามารถปาตี้กันได้อย่างฉิวเฉียดได้เลย ถ้าประเมินจากความสามารถคงอยู่ประมาณCซึ่งก็พอรับเควสได้พอดี มันช่างเป็นโชคชะตาจริงๆ ที่พวกเราที่มีบาดแผลบนใบหน้ามาเจอกันนะสหาย”
“เดี๋ยวๆ อย่ามาพูดเองเออเองสิฟะ ฉันยังไม่ได้พูดว่าจะร่วมปาตี้กับเอ็งเลยนะเว้ย”
“ไม่ใช่ว่าตอนนี้นายกำลังเดือดร้อนเรื่องเงินไม่ใช่เหรอสหาย ไม่งั้นคงไม่มาหางานช่วงฤดูหนาวแบบนี้หรอก”
“ก็จริงอยู่ที่ฉันกำลังเดือดร้อน แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ การที่นายจู่ๆก็โผล่มายื่นข้อเสนอดีๆแบบนี้ให้มันก็น่าสกสัยอยู่ดี ไม่สิ น่าสกสัยโคตรๆเลยละ!!”
“ไม่เอาน่า ตัวผมไม่ได้น่าสกสัยขนาดนั้นซักหน่อย ผมก็แค่อยากได้เพื่อนร่วมทางที่ผมรู้สึกถูกชะตาด้วยมาร่วมงานก็เท่านั้นเอง”
“ก็เพราะอย่างงั้นมันถึงน่าสกสัยยังไงละโว้ย!!! จู่ๆมาบอกว่าอยากให้ไปร่วมตี้ด้วยเพราะถูกชะตาแถมยังแบ่งเงินรางวัญให้ครึ่งต่อครึ่งแบบนี้อีก เป็นใครมันก็ต้องสกสัยไว้ก่อนนั้นแหละ”
“เรื่องนั้นก็ขึ้นอยู่กับนายตัดสินใจนะสหาย แต่ว่าผมนะไม่ได้มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อย ผมก็แค่เสนอความต้องการของผมให้กับนายก็เท่านั้น นายจะรับหรือไม่รับนั้นก็เป็นสิทธิ์ของนาย แต่ถ้านายอยากจะทำก็เดินมาหาผมที่โซนบาร์ของกิลได้เลย ผมจะอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะถึงเที่ยงเป็นประจำอยู่แล้วละ”
เขาตบบ่าผมก่อนที่จะเดินไปที่โซนของบาร์ตามที่เขาพูด…. เงิน15เหรียญทองเหรอ ถ้าคำพูดของหมอนั้นเป็นจริง ผมจะได้มันจากการทำภารกิจในครั้งนี้ หนี้ของผมก็จะถูกปลดเร็วขึ้นไปด้วย ก้าก้าเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้ของผมอีกต่อไป
แม้ความจริงผมจะพูดขอร้องให้เธอช่วยทำเควสระดับสูงเพื่อนำเงินรางวัลมาใช้หนี้ให้กับผมเหมือนในครั้งนี้ที่เธอเลือกทำเควสระดับสูงเพราะเห็นผมเดือดร้อนเรื่องเงิน ทั้งที่ปกติเธอจะเลือกเควสที่มีเซฟๆมากกว่าเพราะเธอรู่ว่าผมเป็นไม่ชอบเควสที่มีอันตรายสูงที่มีโอกาสรอดต่ำ
แม้เธอจะพูดว่าเป็นอยากจะทำมันเพราะอยากจะกินเนื้องูก็เถอะ แต่ตลอด2เดือนที่อยู่ด้วยกันทำให้ผมรู้ว่าก้าก้าเป็นคนที่ใจดีสุดๆ เธอยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อคนอื่นมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ และหนึ่งในผลลัพธ์นั้นเธอสามารถช่วยมีเรียหลุดจากไอ้ภาพบ้าๆ นั้นได้ ทำให้เธอไม่ต้องสูญเสียอะไรไปอีกครั้ง
ต่างจากผมที่ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ผมเลือกที่จะใช้ชีวิตไปวันๆเพื่อที่จะหาควาทสุขใส่ตัวให้มากที่สุด เพื่อจะลืมว่าตัวเองไม่ได้เรื่องขนาดไหน ผมไม่เก่งอะไรเลยสักอย่างไม่ว่าจะเวทมนต์หรือการต่อสู้ เรื่องฐานะผมก็แพ้ ทั้งๆ ที่มีความรู้จากโลกเกิมแท้ๆ แต่กลับปล่อยมันให้สูญเปล่า แม้ผมจะเป็นแกรนที่มาจากคำว่ายิ่งใหญ่ก็เถอะ แต่สิ่งที่ผมทำได้เป็นชิ้นเป็นอันกลับมีแค่เล็กน้อยเท่านั้น… ผมนี้มันก็แค่ไอ้ขี้แพ้ชัดๆ
‘นายไม่ควรจะคิดมากแบบนั้นนะ แกรน”
‘มีเรีย…’
‘ที่นายเป็นแบบนี้เพราะฉันยึดติดกับคำว่าความสุขมากจนเกินไปต่างหาก นายก็เพียงทำความต้องการของฉันที่มีมากกว่าเพียงเท่านั้น….และผลลัพธ์ที่ได้มันก็ทำให้พวกเรากลายเป็นคนขี้แพ้…แถมในตอนนั้นความกลัวของฉันที่มีต่อสิ่งนั้นก็มากเกินไปจนทำให้คลุ้มคลั้งจนสร้างความเดือดร้อนให้กับก้าก้าและคนอื่นๆอีก ทั้งหมดที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะฉัน ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ ว่ามันเป็นเพียงแค่ของปลอม ฉันนี้มันบ้าจริงๆ”
‘ไม่เห็นจำเป็นต้องโทษตัวเองเลยมีเรีย เรื่องมันผ่านไปแล้วตอนนี้เราก็แก้ไขอะไรมันไม่ได้แล้ว สิ่งที่เราทำได้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั้นก็คือ–‘
‘ไม่ต้องคิดมาก ก็แค่พยามแก้ไขมันก็พอเดี๋ยวมันก็ดีเองนั้นแหละ’
‘นี้เธออ่านความคิดฉันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะมีเรีย’
‘ไม่ใช่อ่านความคิดออกแต่ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ต่างหาก อย่าลืมสิว่าพวกเราในตอนนี้เป็นคนเดียวกันนะ ไม่ว่านายจะคิด รู้สึก หรือมีความต้องการ ฉันก็รู้หมด นายเองก็รู้ไม่ใช่เหรอแกรน’
‘นั้นสินะ..ทั้งๆที่ฉันรู้แท้ๆ ว่าเธอคิดจะทำอะไรหรือรู้สึกอะไร ฉันก็รู้หมดแล้วแท้ๆ แต่ก็น่าแปลกเหมือนกันนะ ทำไมเราถึงมาคุยกันแบบนี้นะ ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่แท้ๆ’
‘ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าทุกครั้งที่เรามีเรื่องที่ไม่สบายใจ เราก็มักมาคุยกันแบบนี้เสมอ มันคงจะช่วยทำให้พวกเรารู้สึกสบายใจขึ้นละมั้ง’
‘นั้นสินะ….แต่ว่าไหนๆ เธอก็เล่นติดต่อมาเองแบบนี้แล้ว ช่วยตอบหน่อยได้ไหมทำไมเมื่อวานเธอถึงมาสลับ–‘
‘ขอโทษนะ บังเอิญฉันต้มน้ำร้อนเอาไว้ วันหลังค่อยคุยกันนะ บาย”
‘ข้างในจิตใจพวกเรามันไม่มีเตาแก๊สหรือกาต้มน้ำร้อนนะเฮ้ย!!’
‘ขณะนี้สายที่ท่านเรียกไม่ว่างให้บริการในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่ภายหลังค่ะ ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด’
‘คิดว่าตัวเองเป็นcall centerค่ายมือถือรึไงฟะ!! ไม่ต้องมาทำเสียงให้เหมือนเลยนะเฟ้ย!! ฉันรู้ว่าเธอยังอยู่ยัยตัวแสบออกมาซะดีๆ!!’
‘ไม่มีความละเอียดอ่อนเรื่องผู้หญิงจริงๆเลยสินะนายนะ…’
‘พูดงี้หมายความว่าไงฟะ!!’
‘นายก็รู้เหตุผลที่ฉันทำแบบนั้นลงไปแล้ว ยังคิดจะให้ฉันพูดอีกเหรอ คิดจะแกล้งกันรึไง’
‘ไม่ๆ คนอย่างเธอที่หยิบกระบวยไม้ไผ่และสั้งให้คนอื่นเลียเท้าได้หน้าตาเฉยเนี้ยนะ จะทำลงไปเพราะอยากทำจริงๆจนอายม้วน จนไม่กล้าพูดอะไรอีก นี้มันดูไม่เหมือนเธอเลยสักนึด!!’
‘ชะ..ช่วยไม่ได้..ก็นั้นนะ..เป็นครั้งแรกที่ฉันทำไปเพราะมีความรู้สึกแบบนั้น โดยไม่ผ่านตัวตนนายเป็นครั้งแรกเลยนี้น่า…แถมฉันยังไม่รู้ด้วย ว่ามันจะน่าอายแบบนี้นี้น่า’
‘ฮัลโหล!! สาวน้อยสุดโมเอะที่ผมกำลังพูดสายอยู่นี้เป็นใครครับเนี้ย!!? สาวน้อยที่ตีสองหน้าเก่งคนนั้นที่ผมรู้จักหายไปไหนกันนะ’
‘ถ้านายยังเล่นไม่เลิกอีก ฉันจะไม่พูดกับนายแล้วนะแกรน’
‘โอ๊ะ นี้เป็นครั้งแรกด้วยรึเปล่าที่เธอโกรธผมรึเปล่าเนี้ย หวังว่ารอบนี้เธอคงไม่อายม้วนหนีไปเหมือนตอนก้าก้าหรอกนะ’
‘……….’
‘นี้เธองอนจริงๆเหรอเนี้ย? เอาจริงดิ? ปกติเธอไม่เคยเป็นแบบนั้นเลยนี้น่า หรือว่าจะเป็นเพราะเธอเริ่มเข้าวัยสาวกับเขาบ้างแล้ว ถ้างั้นพวกเราก็คงต้องหาเวลาฉลองให้กับเธอแล้วละนะ”
‘…บ้า’
นั้นคือคำพูดสุดท้ายที่เธอพูดก่อนเธอจะหนีไป… โดนโกรธแล้วแหะ สกสัยจะแกล้งเธอหนักไปหน่อยละมั้งเนี้ย.. แต่เอาเถอะ หลังจากนี้ผมก็ตัดสินใจได้แล้วละ ว่าจะเอายังไงต่อไปดี เส้นทางหลักจากนี้คงจะลำบากกันน่าดู แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ก้าก้าพยามคนเดียวละนะ
“แกรน..เป็น..อะไร..เหรอ?”
“เปล่าหรอก ก็แค่คิดอะไรเพลินๆเท่านั้นแหละ แล้วนี้เธอกำลังจะออกไปทำเควสเหรอ?”
“ต้อง..รอ..คนอื่น..ด้วย..ถึง..ไป”
“นี้พวกนั้นจัดหาปาตี้ให้เธอด้วยเหรอเนี้ย แบบนี้ฉันค่อยสบายใจขึ้นมานึดหน่อย”
“เป็นห่วง?”
“แน่นอนสิฉันเป็นห่วงเสมอนั้นแหละ”
“คุณก้าก้าค่ะ นักผจญภัคคนอื่นมาถึงแล้วกรุณาตามมาที่ห้องรับรองด้วยคะ”
“แกรน..”
“ไม่เป็นไรหรอกไปเถอะ เดี๋ยวฉันก็จะไปทำเควสอื่นเหมือนกัน อย่าปล่อยให้คนอื่นต้องรอเลย”
“อืม..”
“กลับมาให้ได้นะก้าก้า ถ้าไม่ไหวจริงๆก็หนีมาซะ ชีวิตตัวเองสำคัญที่สุดเข้าใจไหม”
“เข้าใจ…ไปก่อนนะ…แกรน”
“อืมโชคดีนะก้าก้า”
ผมโบกมือลาก้าก้าที่กำลังเดินตามคุณพนักงานไป เอาละผมก็ถึงเวลาที่ต้องไปเหมือนกันแล้วละนะ
.
.
.
.
“กะแล้วว่านายต้องมา ผมกำลังรอนายอยู่เลยสหายเอ่ย”
ฮันนิบาลเอ่ยทักผมทันทีหลังจากที่เห็นหน้าผม โต๊ะที่หมอนั้นนั้งนั้นเต็มไปด้วยอาหารมากมายโดยที่หมอนั้นยังไม่แตะมันเลยแม้แต่น้อย แถมยังเตรียมเอลไว้สำหรับผมอีก
“นั้งลงสิสหายเส้นทางของเรายังอีกยาวไกล หากมีโอกาสที่จะได้กินก็จงรีบกินเสียเถอะ”
“ก็ได้…ขอโทษนะครับ!! โต๊ะนี้ขอสั้งอาหารเพิ่มหน่อยจะได้ไหมครับ!!”
“ค่า~”
พนักงานที่งานเสริฟตอบรับผมและรีบตรงดิ่งมาที่ผมทันที
“ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีเหรอค่ะ?”
“ขอน้ำเปล่ากับขนมปังกระเทียมเล็ก2ชิ้น และก็รบกวนคิดแยกกับผู้ชายคนนี้ด้วยนะครับ”
“ขอทวนรายการนะคะ น้ำเปล่า1 กับขนมปังกระเทียมเล็ก2ชิ้น รายการที่สั้งมีแค่นี้ใช่ไหมค่ะ?”
“ครับ”
“รับทราบค่ะ!! อาหารจะมาเสริฟเร็วๆนี้คะ”
เมื่อรับออเดอร์เสร็จคุณพนักงานก็เดินจากไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่เห็นต้องทำตัวห่างเหิ่นกันเลยนี้สหาย อาหารที่ผมสั้งมานั้นเพื่อเลี้ยงนายโดยเฉพาะเลยนะ”
“เรื่องนั้นรู้แล้ว แต่เผอิญว่าฉันมีคติว่าจะไม่รับของกินจากคนแปลกหน้าเด็ดขาด เพราะงั้นฉันเลยสั้งแยกมาเองต่างหากไงละ”
“นายคงกลัวว่าผมจะใส่ยาพิษหรืออะไรสักอย่างลงไปในอาหารสินะ แต่ไม่ต้องกล้วไปหรอกอาหารทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะนี้ผมยังไม่ได้แตะมันเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากไม่เชื่อจะลองถามคุณพนักงานเมื่อกี้ก็ได้นะ”
“ต่อให้เป็นแบบนั้นจริง ฉันก็ขอเลือกที่จะไม่กินมันอยู่ดีนั้นแหละ”
“ดูเหมือนนายจะระแวงผมสินะสหาย แต่ไม่เป็นไร ผมเองก็ไม่ได้หวังว่านายจะเชื่อใจในเร็วๆนี้หรอก คุณปู่ผมก็เคยพูดไว้ว่า ‘ความเชื่อใจที่ดีนั้นก็เหมือนกับบ้าน มันไม่ได้ถูกสร้างให้เสร็จภายในวันเดียว แต่เป็นการสร้างและต่อเติมของนายช่างนานนับปี เพื่อให้มันคงอยู่ตลอดไปเชิกเช่นเดียวกับความเชื่อใจนั้นแหละ'”
“งั้นคงต้องพยามนักหน่อยนะ บ้านของฉันบังเอิญมันสร้างอยู่พื้นที่ค่อนข้างจะสูงชันสักหน่อยนะ ถ้าคิดจะสร้างมันจริงๆ ให้แข็งแรงจริงๆ คงต้องใช้เวลานานสักหน่อยนะ ถ้าฝีมือไม่ถึงละก็ระวังบ้านมันจะถล่มลงมาตอนระหว่างสร้างมันละ มันอาจจะทำให้นายถึงตายเลยก็ได้นะ…คุณนายช่างใหญ่”
‘เฮ้ มีเรีย!! ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบไอ้หมอนี้นะ แต่ช่วยอย่ามาสร้างศัตรูตอนนี้ได้ไหม!! พวกเราต้องทำงานร่วมกับหมอนี้นะ’
‘……’
‘ยังงอนไม่เลิกอีกเหรอเนี้ย!!’
“ฮ่าๆๆ นายนี้ก็ยอกย้อนได้เจ็บแสบไม่เบาเลยนะสหาย ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่นายมีแผลเป็นแห่งดวงชะตาเช่นเดียวกับผมจริงๆ หวังว่าเราจะเข้ากันได้ดีในอนาคตนะสหาย”
“ฉันก็หวังว่าอย่างงั้นนะฮันนิบาล”
“จะว่าไปพอนายเรียกชื่อของผมเป็นครั้งแรกก็นึกขึ้นได้เลย ผมยังไม่ถามชื่อของนายเลยนี้น่า”
“นี้นายคิดจะชวนคนอื่นเข้าปาตี้ต้วเองทั้งๆที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเลยเนี้ยนะ? ไม่คิดว่ามันจะแปลกไปหน่อยรึไง”
“ผมบอกไปแล้วที่ผมชวนนายก็เพราะถูกชะตาด้วยเท่านั้น แต่ว่ามันก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้สนใจชื่อของนายหรืออะไรหรอกนะสหาย เพราะงั้นเพื่อเป็นการเริ่มต้นที่ดีพวกเราทั้งสองผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ผมชื่อ ฮันเตอร์แห่งความมืดฮันนิบาลเป็นนักผจญภัคแร๊งB ส่วนนี้ก็โรสแมรี่คู่หูสุดรักของผมเอง”
เขาแนะนำตัวเองและธนูสีดำที่มีลวดลายดอกไม้สีดำที่คล้ายๆดอกกุหลาบประดับอยู่ทั้วตัวค้น เป็นธนูที่ดูเน้นแฟชั่นมากกว่าใช้งานแหะ แต่รู้สึกไม่ค่อยดีแปลกๆแหะ แต่ช่างมันเถอะ คงจะเป็นเพราะสีของมันที่ดำสนิทเลยมั้ง
“ฉันชื่อแกรนนักผจญภัคแร๊งD ฉันเป็นพวกสายแนวหน้ากึ่งๆซัพพอทนึดหน่อย แต่ถึงอย่างงั้นฉันเองก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกนะ ถ้าคิดจะไปสำรวจจริงๆละก็ไปยื่นข้อเสนอให้พวกแนวหน้าดาวรุ่งเก่งๆอย่างพวกแร๊งCหรือไม่ก็แร๊งBแบบเดียวกับนายไม่ดีกว่ารึไง ค่าจ้างตั้งขนาดนี้คงตั้งตี้แร็คBเล็กๆได้ราว3-4คนเลยนะ”
“ผมไม่ร่วมงานกับคนที่ไม่ถูกชะตาด้วยหรอกนะ เพราะอย่างงั้นตลอดมาผมเลยเลือกทำเควสคนเดียวเฉกเช่นเดียวกับหมาป่าเดียวดายยังไงละ”
“จริงๆมันก็ฟังดูเท่อยู่หรอกไอ้คำว่าหมาป่าเดียวดายเนี้ย แต่รู้อะไรรึเปล่า จริงๆไอ้พวกหมาป่าเดียวดายเนี้ย ส่วนใหญ่มันก็โดนขับไล่ออกจากฝูงมาทั้งนั้นแหละ เพราะงั้นมันเลยไม่มีทางเลือก ต้องยอมทำอะไรเสี่ยงๆอย่างการออกล่าเดี่ยวเพื่อให้มีชีวิตรอดยังไงละ”
“ฟังดูเป็นเรื่องที่น่าสนใจดีนะ แต่ว่าบังเอิญผมดันเป็นส่วนน้อยที่ดันเลือกออกจากฝูงด้วยตัวเองด้วยสิ”
“มันฟังดูโม้ๆยังไงก็ไม่รู้นะ”
“งั้นผมจะแสดงให้นายเห็นเองถึงฝีมือที่แท้จริงของผมนะ”
“ขออนุญาติเสริฟอาหารหน่อยนะค่า!!”
พนักงานวางจานที่ใส่แถ้วน้ำเอาไว้พร้อมกับจานที่ใส่ขนมปังกระเทียมเอาไว้ ก่อนที่จะเดินจากไป หอมดีแหะบางทีเจ้านี้อาจจะใช้ได้กว่าที่คิดอีกนะเนี้ย
“ดูเหมือนว่าเราคงต้องพักการพูดคุยกันเอาไว้ก่อน ส่วนเรื่องรายละเอียดของเควสผมจะบอกให้หลังจากที่พวกเราเริ่มออกเดินทางอีกทีละกัน”
“นี้ใจคอคิดจะกินเสร็จแล้วไปเลยรึไงฟะ แม้แกจะเก่งก็เหอะ แต่เล่นไม่เตรียมตัวแบบนี้มันจะดีรึไง”
“แน่นอนว่าผมได้เตรียมพร้อมไว้ทุกอย่างแล้วไม่ต้องกังวลไปหรอก ที่เหลือก็แค่ลงมือเท่านั้นแหละ”
“ก็ขอให้มันจริงละกัน”
ขนมปังนี้มันอร่อยกว่าที่คิดไว้มากกว่าที่คิดอีกนะเนี้ย!! เอาว่างๆไปถามสูตรจากพวกเชฟหลังเสร็จภารกิจนี้ดีกว่าแหะ