ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ - ตอนที่ 47
“[Kindle]!!!”
เมื่อพูดจบใบดาบของผมอาบไฟด้วยเพลิงสีแดงที่ลุกโชน มันคือเวทมนต์[Kindle]ที่ผมใช้ได้ดีที่สุดนั้นแหละ แต่ผมเอาจุดไฟที่ใบดาบให้ดาบมันดูเท่เฉยๆโดยอาศัยการใส่พลังเวทไปให้เยอะพอจะอาบใบดาบทั้งหมดได้ แต่ว่า…นี้คือท่าไม้ตายของผม!! ดาบเพลิงยังไงละ!!!
“ย้ากกกกกกกก!!!!!!”
ผมร้องตะโกนและพุ่งไปหาเห็ดยักที่อยู่ตรงหน้า โดยหมายมั้นที่จะตัดตัวมันให้ขาดครึ่ง การใช้[Boost]ทำให้พลังกำลัง ความเร็วของผมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ทำได้แน่!!! เราจะพิชิตเห็ดยักด้วยท่าไม้ตายสุดเท่ให้ได้!!!
“ตายซะ”
เห็ดยักตรงหน้าผมถูกหั้นเป็น5ส่วน เพียงแค่ก้าก้าสะบัดมือเพียงครั้งเดียว ดาบไฟในมือผมมอดลงทันที จากที่ผมกะจะฆ่ามันด้วยดาบไฟ จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเก็บซากมันลงไปในกระตร้าที่สระพายมาด้วยทันที 5 ส่วนเหรอ.. โดนกดราคาอีกแล้วแหงๆ
“แกรน ให้ ช่วยมั้ย?”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันแบกเอง แล้วเธอพอหาอะไรมาได้รึเปล่า?”
“นี้”
ก้าก้าเอาตะกร้ามาให้ผมดู สมุทไพรทำโพชั่น3อัน อันละ30ทองแดง มีเห็ดจิจิด้วยแหะ โชคดีจังเลยแหะวันนี้มันราคาตั้ง1เหรียญเงิน ส่วนมอนเห็ดที่อยู่บนหลังผมก็ราคาค่าตัวตั้ง1เหรียญเงินเหมือนกัน 2เหรียญเงินกับอีก 90 เหรียญทองเหรอ… จ่ายค่าห้องยังไม่พอเลยด้วยซ้ำ
“เฮ้อ…”
“แกรน เป็น อะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอกก็แค่คิดว่าพอใกล้ช่วงฤดูหนาวนี้หากินยากจังเลยนะ”
พอใกล้ฤดูหนาวทีไรงานจ้างก็น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเลย พวกมอนสเตอร์อ่อนๆเองก็เริ่มไม่ก่อเรื่องแถวนี้แล้วด้วย มีแต่ตัวโหดๆอย่างอ็อคและพวกโจรโผล่มาปล้นบ้าง แต่นั้นก็ไม่ใช่งานที่ผมทำได้อยู่ดี ตอนนี้ผมเลยต้องมานั้งหาของป่าที่เหลือน้อยในป่าไปขายนี้แหละ… ช่วงนี้เองในเมืองเองก็ไม่มีงานให้ทำด้วยสิ.. ทำไงดีนะ ขืนเป็นอย่างงี้ เราเงินหมดก่อนถึงหน้าหนาวแหงๆ
“แกรน นี้ ใช้ได้ไหม?”
“หืม”
ก้าก้าถือไข่อะไรบางอย่างที่เหมือนไข่ไก่อยู่ในมือ… ไข่นกเหรอ? ก็ไม่น่าใช่อีกนกมันตัวเล็กนึดเดียวจะออกไข่เท่าไก่ได้ไงละ เอาเถอะ ขายไม่ได้แต่ว่ากินได้ละนะ ขอยืมห้องครัวทอดไข่กินคงได้อยู่มั้ง
“จะว่าใช้ได้ก็ได้อยู่แหละ เดี๋ยวฉันเก็บไว้ให้เองละกัน”
“อืม”
ผมรับไข่จากก้าก้าและเก็บลงไปในตะกร้า แม้วันนี้จะยังหาเงินไม่พอก็เถอะ แต่คงต้องกลับกันแล้วละนะ อยากได้เงินเยอะๆจังเลยแหะ
.
.
.
.
“ไง แกรน ก้าก้า กลับมาแล้วเหรอเป็นยังไงกันบ้างละ”
ฮาลที่อยู่ในชุดทหารเอ่ยทักทายผมกับก้าก้าอย่างร่าเริ่ง
“ได้มานึดเดียวเอง ช่วงนี้แย่ชะมัดยาด”
“ก็ช่วงนี้เมืองมันสงบนี้น่า แถมพอใกล้ฤดูหนาวแล้วงานมันก็หดเหมือนเดิมนั้นแหละ ปีที่แล้วพวกเรายังเกือบเอาตัวไม่รอดเลยนี้นะ”
“ก็อย่างที่นายพูดนั้นแหละ แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ นายนี้มีงานประจำแบบนี้ก็ดีเหมือนกันแหะ ไม่ต้องมาลำบากเหมือนฉันเลย”
“ก็ฉันมีจะมีลูกแล้วนี้น่าเดี๋ยวก็ต้องมั้นคงไว้ก่อนนี้น่า จริงสิ..อีกสักพักฉันก็จะได้ที่พักใหม่แล้วละ อิจฉาไหมละ?”
“อ๋อ นายได้รับการรับรองเป็นชาวเมืองอย่างเป็นทางการแล้วสินะ ดีจังแหะ”
คนที่ได้รับการเป็นชาวเมืองอย่างเป็นทางการจากท่านบารอนจะได้รับที่พักใหม่ แม้จะไม่หรูมากแต่ก็ดีกว่ามาเสียรายวันเหมือนผมอะนะ ส่วนใหญ่คนที่ได้รับรองจะต้องเป็นคนที่ทำงานประจำเป็นหลักเป็นแหล่งในที่นั้นๆและทำคุณประโยชน์แก่เมืองก็จะได้รับการรับรอง ยิ่งเป็นคนของประเทศนี้ก็ยิ่งง่านเลย แต่ก็มีขั้นตอนอื่นๆในการดำเนินการซึ่งค่อนข้างยุ่งยากละนะ ซึ่งนักผจญภัคที่เป็นคนแปลกหน้าอย่างผมที่จู่ๆโผล่มาที่นี้เลยคงไม่มีวันได้รับการรับรองหรอก เว้นแต่จะมีปัญญาซื้อที่ดินละนะ เฮ้อ…
“เอาเถอะน่า ยังไงนายก็มีสาวสวยอย่างคุณก้าก้าไว้นอนกอดตอนหนาวอยู่แล้วนี้”
“ก็จริงละนะก็ก้าก้าตัวอุ่นมากๆเลยนี้น่า”
“////”
ผมพูดพร้อมกอดก้าก้าโชวฮาน ก้าก้าเองก็เขินจนหน้าแดงและผลักผมออก ไร้เดียงสาจริงๆน้า
“ท่านายอดยากนัก ทำไมนายไม่ลองไปขอของกินที่โบสถ์แห่งแสงดูละ อย่างน้อยท่านายไปขอที่นั้นเขาน่าจะแบ่งของกินดีๆให้นายบางนะ”
“ให้ตายก็ไม่ไปหรอก ฉันไม่ได้นับถือเทพธิดาแห่งแสงนี้ ออกจะเกลียดด้วยซ้ำไป”
“ท่านายพูดแบบนี้ใส่ชาวเมืองคนอื่นที่เขานับถือละก็จะโดนตบง่ายๆเลยนะ”
“เอาเถอะ ช่างเรื่องโบสถ์ไปเถอะ ฉันอยากจะถามเรื่องลุงซักหน่อยว่าเขาใกล้จะออกมาจากคุกรึยังนะ”
นี้ก็ผ่านมา1เดือนแล้วที่คุณลุงโดนซิวไปในข้อหาทำอนาจารเด็กในที่สาธารณะ ซึ่งมันโทษหนักกว่าที่คิดทำให้ลุงโดนขังยาวๆเลยละนะ ยังดีที่คดีนี้ผู้ปกครองอย่างผมไม่เอาเรื่องด้วยโทษมันก็ไม่หนักหรอก
“เห็นว่าลุงเรเม่อาทิตย์หน้าก็ออกมาแล้วละ เห็นว่าอยากจะขอโทษน้องสาวนายด้วยนะ”
“บอกลุงไปละกันว่าน้องสาวฉันไม่ได้ติดใจอะไรหรอกนะ ไม่ต้องเป็นห่วง มีเรียเป็นเด็กเข้มแข็งกว่าที่ลุงคิดนะ โอ๊ะ มัวแต่คุยยาวจนลืมเวลาเลยพวกเราต้องไปแล้วละ”
“อ่าๆ เชิญๆ”
ฮาลหลบทางให้ผมอย่างง่ายดาย ถ้าเป็นปกติก็ต้องโชว์ป้ายให้ดูละนะ แต่ยังไงผมก็รู้จักกันอยู่แล้ว เขาจะมาขอดูป้ายผมทำไมละ? จริงมะ
“จะว่าไปช่วงนี้เธออยากทำอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?”
“ไม่มี แค่ อยู่ ด้วยกัน พอใจ แล้ว”
งั้นเหรอ.. ทั้งที่ลำบากถึงขนาดนั้นแท้ๆ แต่ยังอยากอยู่กับเราอีกงั้นเหรอ รู้สึกดีจังเลยแหะ ผมชอบความรู้สึกแบบนี้จังแหะ
“งั้นฉันก็พอใจที่ได้อยู่กับเธอเหมือนกันนะ”
“อืม..”
พวกผมเดินคุยเล่นไปเรื่อยๆ จนมาถึงที่กิลนักผจญภัคซึ่งช่วงนี้ก็ไม่มีคนมากนักเพราะมันไม่มีงานให้รับละนะ บางทีท่าที่นี้เปิดเป็นร้านเหล้าด้วยเหมือนกิลสาขาอื่นก็คงมีคนเมาอยู่เต็มไปแล้วละนะ
“คุณเล่เล่ เอาวัตถุดิบมาขายช่วยประเมินราคาให้หน่อยคคร้าบ~”
“ค่าๆ มาแล้วค่า~”
ผมเอาของที่หามาได้วันนี้มาได้ไว้บนโต๊ะ
“สมุทไพรอันละ25เหรียญทองแดง3ต้น ได้75 เหรียญทองแดง เห็ดจิจิราคา70ทองแดง และก็ซากเห็ดยักนี้1เหรียญเงิน ร่วมทั้งสิ้น 2เหรียญเงิน กับอีก45 เหรียญทองแดง ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรไหมคะ”
“เอ๋~ ราคาสมุทไพรกับเห็ดจิจิราคาตกเหรอครับ ไหงงั้นละ”
“ก็ทางภูติดำมาตีตลาดสมุทไพรนี้น่าช่วยไม่ได้หรอก แถมพวกนั้นยังตัดราคาขายกิลอีกด้วย ส่วนเห็ดจิจิเองก็เหมือนจะโดนด้วยเหมือนกัน นายไม่สังเกตุรึไงช่วงนี้เควสเก็บสมุนไพรแทบจะไม่เข้ามาเลยนะ”
“เฮ้อ~”
ผมถอดหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายเหมือนพวกนั้นจะตีตลาดวัตถุดิบพวกการเกษตรและสมุนไพรอย่างหนักในช่วงนี้ เลยทำให้ผมทำมาหากินยากขึ้นไปอีก ทำให้ช่วงนี้ผมต้องงดเหล้าเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ในหน้าหนาวไม่งั้นคงได้ทำงานตอนหน้าหนาวแหงๆ ปีนี้แย่จังแหะ
“ไม่ต้องเศร้าใจหรอก อย่าน้อยพวกนั้นก็ยังไม่มีธุรกิจโสเภนีชายนะ”
“ยังไม่เลิกล้อว่าผมขายตูดอีกเหรอครับ ผมบอกแล้วไงว่าผมโดนจับและซ้อมนะ คุณเองก็เขียนรายงานไปแล้วนี้”
ผมโดนสอบสวนหลังจากกลับมาที่กิลได้3วัน ว่าผมรอดชีวิตมาได้ยังไง พวกนั้นใช้เครื่องจับเท็จกับผมด้วย แต่ถึงอย่างงั้นพวกนั้นเองก็ไม่ได้ถามลึกถึงขนาดนั้นละ ทำให้พอเลี่ยงบอกข้อมูลสำคัญได้อยู่
“ฉันไม่ได้ล้อนายซักหน่อยนี้ฉันแนะนำอาชีพใหม่ให้นายเลยนะ”
“ผมไม่มีวันไปขายตูดเด็ดขาด!!!!
“เอาน่าๆ ฉ้นแค่ล้อเล่นเท่านั้นแหละ เอ้านี้เงินของนาย”
คุณเล่เล่ วางเงินไว้ในถาด ผมหยิบเงินนั้นเก็บใส่เข้ากระเป๋าอย่างซึมๆ ช่วงนี้แย่ชะมัดยาด ทั้งหาเงินยาก แถมยังโดนล้อว่าเป็นคนขายตูดอีก อยากจะร้องไห้จริงๆ
“ไปละครับคุณเล่เล่”
“ฝากสวัสดีคุณก้าก้าให้ด้วยละ”
ผมร่ำลาคุณเล่เล่และเดินออกมาจากนอกกิลเพื่อมาหาก้าก้าที่รออยู่นอกกิล เมื่อออกมาก็พบกับก้าก้ากำลังคุยกับภูติดำอีกคนที่สะพายดาบใหญ่เหมือนในเกมส์และก็เหน็บดาบกับกระบองไว้คนละข้าง พิลึกชะมัดเลยแหะ
“โอ๊ะ!! นั้นมันแกรนนี้น่า!!”
ภูติดำคนนั้นโบกมือทักทายผม ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ว่าควรเรียกอะไรท่าผมอยู่ที่นี้สินะ งั้นก็ดีแล้วละ ขืนเรียกท่านแม่มีเรียที่นี้งานเข้าแหงๆ
“โย่ว เธอคือใครนะ?”
“ฉันเหรอ? มินาโตะไง”
“แล้วมันใครกันฟะ เธอเป็นรุ่นซุปเปอร์หรืออะไรละ”
“ท่านแม่เรื่องนี้เป็นความลับต่อคนภายนอกนะ อย่าพูดสิ(กระซิบ)”
มินาโตะกระซิบบอกผม ดูเหมือนว่าเรื่องเกี่ยวกับรุ่นที่เกี่ยวข้องกับผมโดยตรงจะถูกเก็บเป็นความลับสินะ งั้นก็ดีแล้วละ ขืนมีใครรูู้เข้าว่าเป็นคนทำให้ยัยเสื่อมพวกนี้เกิดมาคงอับอายขายขี้หน้ากันแหงๆ
“อืม เข้าใจแล้ว สรุปเธอมาทำอะไรละนั้น”
“ฉันเอานี้มาให้นายนะ”
มินาโตะหยิบกระเป๋าออกมาจากความว่างเปล่าและยื่นมาให้กับผม เป็นของแปลกๆรึเปล่านะ.. น่าสกสัยซะจริง
“นั้นมันอะไร? ฉันไม่รับของจากคนแปลกหน้าหรอกนะ รู้รึเปล่า?”
“ใจเย็นๆ สิ นี้นะก็แค่เสื้อผ้าช่วงหน้าหนาวเท่านั้นแหละ พวกเรารู้ว่าแกรนลำบากช่วงหน้าหนาวมาก ก็เลยเอามาให้นะ”
เธอพูดพร้อมกับยื่นกระเป๋านั้นมาให้ผม พวกเรารู้ว่าแกรนลำบากช่วงหน้าหนาวเหรอ? น่าหงุดหงิดชะมัด ทั้งๆที่รู้ว่าผมนิสัยยังไงแท้ๆ ยังกล้าทำแบบนี้อีกเหรอ? ผมมันน่าสกสารขนาดนั้นเลยรึไง
“นี้เธอ..กล้ามาสกสารฉันเหรอ?”
“ขะ..ขอโทษ..คะ..คือ..หนู..ก็แค่..”
มินาโตะทำท่าทางลนลานทันทีที่เห็นผมโกรธ อะไรกันพวกเธอก็แค่เป็นห่วงผมนี้เอง เผลอตัดสินไปทันทีเลยซะได้
“เข้าใจแล้วละ เธอก็แค่เป็นห่วงฉันนี้เอง ขอโทษทีนะ”
ผมพูดพร้อมกับรับกระเป๋ามาหวังว่าคงจะเป็นเสื้อผ้าหนาๆหน่อยนะ ไม่งั้นคงเป็นหวัดกันแหงๆ
“ทะ..ท่านแม่..โกรธหนูรึเปล่าคะ”
“ไม่หรอกๆ ก็เธออุส่าเป็นห่วงฉันนี้น่า ฉันจะไปโกรธเธอได้ยังไงละ และอีกอย่างอย่าเรียกท่านแม่สิ”
“ค่ะ”
ดูเหมือนเธอจะเสียขวัญน่าดูเลยแหะที่เห็นผมโกรธ ผมนี้มันแย่ๆจริงๆ ที่เผลอปล่อยนิสัยของมีเรียออกมาอีกจนได้
“แล้วเธอมีธุระอะไรกับฉันรึเปล่าละ ถึงได้มาหาฉันกับก้าก้านะ”
“ฉะ..ฉันก็แค่เอาของเอาตัวรอดช่วงหน้าหนาวมาให้เท่านั้นแหละ ท่าอย่างงั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อน!!”
ผมเรียกมินาโตะที่กำลังหันหลังเดินจากไป จะรีบไปไหนของเธอนะ
“ขอบคุณที่อุส่าเอาเสื้อผ้ามาให้นะ มินาโตะ ช่วยได้มากเลยละ และก็ขอโทษด้วยนะที่เมื่อกี้เผลอโกรธไปนะ”
“ไม่เป็นไรพวกเรายินดีช่วยคุณเสมอ”
เมื่อมินาโตะพูดจบ เธอก็หายไปในทันที เทเลพอร์ตเหรอ? สบายดีแหะ แล้วท่าพวกนั้นไปมาเมืองง่ายขนาดนี้ ทำไมถึงให้ผมนั้งรถม้าขนเหล้ามากันฟะ!!
“มีเรีย เหรอ?”
“ถ้าตอนนี้นะใช่ แต่เดี๋ยวสักพักก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วละ”
เอาละ ใจเย็นๆหน่อยดีกว่าสูดหายใจเข้าลงๆ ซูดดดดดดและก็หายใจออก เอาละกลับมาแล้ว!!
“ขอโทษทีนะ ที่ช่วงนี้มีเรียออกมาบ่อยๆนะ ปกติไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก”
“ไม่เป็นไร คุย กับ มีเรีย ก็สนุก”
เธอสนุกที่ได้คุยกับมีเรียเหรอ เธอนี้มันแปลกจริงๆแหะ
“ท่างั้นก็ดีแล้วละ แต่คงไม่ให้เธอคุยบ่อยๆ ได้หรอกนะ ไม่งั้นฉันจะแย่เอาได้”
“อืม..”
ถ้าขืนออกมาบ่อยๆ จะเป็นแกรนยากกว่าเดิมละนะ เพราะงั้นบุคลิกมีเรียจึงต้องถูกผนึกไปพักใหญ่ๆเลยละ
“ท่างั้นพวกเราก็กลับโรงแรมกันเถอะ ป่านนี้คุณเชลลี่เตรียมอาหารไว้ให้เราแล้วละ”
“อืม”
.
.
.
“อาหารวันนี้คือเนื้อวัวตุ๋นจ้า~”
เนื้อวัวตุ๋นถูกวางไว้ตรงหน้าของพวกเรา ที่นี้อาหารก็ยังหรูเหมือนเคยเลยแหะ ก็สมแล้วละที่ราคาอาหารตั้ง1เหรียญเงินละนะ
“คุณเชลลี่ครับ ขอยืมห้องครัวทอดไข่หน่อยได้ไหมครับ”
“หืม? ก็ได้อยู่หรอกจ๊ะ แต่ฉันพึ่งปิดเตาไปแล้วละ จะจุดใหม่ก็ยุ่งยากด้วยสิ”
“งั้นเหรอครับ.. ว่าจะทอดไอ้เจ้านี้กินสักหน่อย”
ผมพูดพร้อมยกไข่ขึ้นมาโชวคุณเชลลี่ ทั้งๆที่เป็นแค่ไข่แต่ดวงดีจังเลยนะ แกเนี้ย ทั้งๆที่วันกะจะได้กินข้าวดาวแล้วแท้ๆ
“ฉันว่าเธอคงกินมันไม่ได้แล้วละจ๊ะ แกรน”
“ทำไมละครับ นี้มันของหายากช่วงหน้าหนาวเลยนะครับ ถึงจะไม่รู้ว่ามันเป็นไข่ตัวอะไรก็เถอะ”
พวกสัตว์ปีกส่วนใหญ่พอใกล้ฤดูหนาวแล้วก็หยุดวางไข่กันซะดื้อๆเลย ทำให้ช่วงนี้ทำให้ราคาไข่ค่อนข้างแพงละนะ เอาเถอะก็ของกินช่วงหน้าหนาวมันหายากนี้นะ เกลียดหน้าหนาวชะมัด
“เปล่าจ๊ะ ลองดูในมือดีๆสิ”
“ในมือผมมันมีอะ–“
“จิ๊บ?”
เมื่อผมมองไปที่มือข้างที่ถือไข่อยู่ก็พบกับลูกเจี๊ยบตัวสีขาวกำลังมองผมด้วยตาใสแป๋วอยู่ นี้มันอะไรกันวะเนี้ย? ถ้าฟักมาแบบนี้ก็กินไม่ได้แล้วสิ แต่ว่าบางที…เจ้านี้อาจจะขายได้ก็ได้นะ
“คุณเชลลี่ท่าเอาเจ้านี้ไปขายให้ฟาร์มไก่จะได้ราคาไหมครับ”
“ก็ไม่รู้ว่าได้ราคารึเปล่านะ แต่ที่ฉันมั้นใจเจ้านี้มันไม่ใช้ไก่หรอกนะ ที่สำคัญฉันไม่เคยเห็นลูกเจี๊ยบสีขาวมาก่อนด้วยมันเป็นมอนสเตอร์รึเปล่า”
“ก็คงงั้นมั้งครับ ตอนนี้มันทั้งขายและกินไม่ได้ด้วยจะเอาไปทำอะไรได้ละเนี้ย นี้ก็ใกล้หน้าหนาวแล้วด้วยผมไม่มีปัญญาเลี้ยงมันหรอกนะ”
“จิ๊บๆๆๆๆๆๆ!!”
ผมร้องลูกเจี๊ยบที่กำลังร้องโวยวายในมือผมด้วยสายตาเบื่อหน่ายในชีวิต โวยวายอะไรของแกฟังที่ฉันพูดรู้เรื่องด้วยรึไง ร้องโวยวายไปฉันก็ไม่มีทางเลี้ยงแกหรอกแค่ลำพังฉันกับก้าก้าก็เอาตัวไม่รอดแล้ว ขืนรับแกเข้ามาอีกฉันคงแย่แหงๆ แถมจะโตเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้อีก
“ก้าก้า อยาก ได้”
“หืม? เธอจะเอาไปทำอะไรละ ฉันไม่ให้เธอเลี้ยงหรอกนะ”
“ไม่ เลี้ยง แต่ เนื้อ ลูกเจี๊ยบ นุ่ม ก้าก้า ชอบกิน”
ก้าก้าน้ำลายไหลออกมาเมื่อมองลูกเจี๊ยบสีขาวตัวนี้ เนื้อลูกเจี๊ยบมันอร่อยด้วยเหรอ? ชักอยากลองกินดูหน่อยๆแล้วสิ
“ใจเย็นหน่อยสิจ๊ะ ลูกเจี๊ยบตัวเล็กๆ แบบนี้มันกิน2คนไม่อิ่มหรอก”
“แล้วจะให้ทำยังไงละครับ ต่อให้ปล่อยมันไปก็คงโดนสัตว์แถวนี้กินอยู่ดี สู้กินตอนนี้เลยจะไม่ดีกว่าเหรอ”
“ก็จริงของแกรนนะ งั้นลองขายให้กับพวกแม่มดในเมืองดูเป็นไงละ”
“เมืองเรามีแม่มดด้วยเหรอครับ ไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องนั้นเลย”
“มีสิจ๊ะ เห็นว่าย้ายมาเมื่อ2เดือนก่อนเพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำในเมืองพร้อมกับภูติน้ำนะ ได้ยินว่าตอนนี้อาศัยอยู่ในเขตของท่านบารอน”
“ถ้างั้นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยครับ ผมเป็นแค่คนต่างเมืองที่มาจากพื้นที่อื่นไม่มีสิทธิได้เหยียบพื้นที่ของท่านบารอนหรอกครับ”
อีกอย่างก็กลัวเจอพ่อหนุ่มทหารคนนั้นกับมาเรียด้วยอะนะ ถ้าพวกนั้นจับได้ว่าผมคือแกรนนี้มีงานยุ่งกันแหงๆ
“ไม่ต้องกล้วไปหรอกจ๊ะ พวกแม่มดเองก็ใช่ว่าจะอยู่แต่ในคฤหาสน์อย่างเดียวสักหน่อย พวกเขาเองก็ออกมาผ่อนคลายกันบ่อยๆนะแหละ”
“ถ้างั้นปกติพวกเธออยู่ไหนกันเหรอครับ”
“ก็อยู่ในที่ๆแกรนชอบไปไงละจ๊ะ”
ที่ๆ ผมชอบเหรอ…ท่างั้นก็มีอยู่ที่เดียวแล้วละนะ
“เข้าใจแล้วละครับ ท่ากินเนื้อตุ๋นนี้เสร็จผมค่อยไปละกันครับ”
ผมรีบซดเนื้อตุ๋นให้เรียบร้อยเพื่อไปหาพวกแม่มด หวังว่าเจ้าลูกเจี๊ยบนี้จะทำเงินให้ผมได้นะ
.
.
.
.
“ริส ฉันว่าเธอพอแค่นี้เถอะนะ นี้ก็เริ่มตกเย็นแล้วด้วย ถ้ากลับไปช้าจะโดนพวกทหารยามโกรธอีกนะ”
สาวผมสีฟ้ากำลังห้ามเพื่อนของเธอที่กำลังดื่มมาตั้งแต่เช้าและไม่มีท่าทีจะหยุดเลยสักนึด
“มายอาว!!! จาอาวอีกอ่า~ อึกๆๆๆๆ”
ริสยังคงดื่มอีกโดยที่ไม่ได้สนใจคำเตือนของเพื่อนเธอเลยสักนึด แม้แก้วเหล้าจะเริ่มกองเป็นพะเนินแล้วก็ตาม
“สวัสดีครับพี่สาวทั้งสอง”
“หืม?”
หญิงสาวผมสีฟ้าหันไปเจอเด็กหนุ่มที่บนใบหน้ามีแผลเป็นขนาดใหญ่ดูน่ากลัว กำลังส่งยิ้มให้เธอ
“หนูน้อยมีธุระอะไรกับพี่สาวเหรอจ๊ะ?”
“พวกพี่สาวคือภูติน้ำกับแม่มดที่ย้ายมาอยู่ที่เขตของท่านบารอนใช่มั้ย? เผอิญผมจะมาขายเจ้านี้ให้กับพี่สาวแม่มดนะ”
เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับควักลูกเจี๊ยบสีขาวออกมาจากกระเป๋า ซึ่งแม้แต่ตัวเธอที่อยู่มานานก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
“เอ่อ..นั้นมันตัวอะไรเหรอจ๊ะ?”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เผอิญผมเก็บไข่มันได้ในป่าวันนี้แล้วจู่ๆมันก็ฝักขึ้นมาเฉยเลย คิดว่ามันแปลกดีพี่สาวแม่มดอาจจะสนใจเอาไปทำยาอะไรสักอย่างก็ได้”
“เอ๋”
เด็กคนนี้พูดอะไรของเขากันนะ ถ้าแม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร ก็ยังคิดจะเอามาขายอีกเหรอ ลองไล่ไปดีกว่ามั้ยนะ
“พี่ไม่รู้ว่าน้องเป็นใครหรอกนะ แต่เด็กอย่างหนูจะมาเข้าร้านเหล้าไม่ได้นะจ๊ะ”
“ผมอายุ17แล้วนะ แถมปกติผมก็มากินร้านนี้ บ่อยๆด้วย ใช่มั้ยลุง!!”
“เออ!!”
เอ๋~ เด็กตัวเล็กแค่นี้อายุ17แล้วเหรอ… แล้วแบบนี้จะไล่เขาไปยังไงดีเนี้ย แถมดูท่าทางจะสนิทกับเจ้าของร้านอีกลำบากใจจัง ลองให้ริสมาไล่ดูดีไหมนะ
“ริสๆ”
“มีอาราย~”
“ช่วยไล่เด็กคนนี้ให้หน่อยสิ เหมือนเขาจะมาตื้อขายลูกเจี๊ยบสีขาวให้พวกเรานะ(กระซิบ)”
“หืม~ ลูกเจี๊ยบชีขาว?”
ริสพูดพร้อมมองไปที่มือของเด็กคนนั้น อย่างจดๆจ้องๆ
“อ๋อ~ นกพลังเวทนี้เองแถมยังสีขาวอีก ฉันไม่เอามันหรอกนะ”
“เอ๋ ทำไมละครับ ของเกี่ยวกับเวทมนต์คุณน่าจะชอบนี้ครับ”
“ก็แหม~ ฉันมีคุณสมบัติแห่งความมืดนี้น่า ขืนเอาตัวที่มีธาตุแสงแบบนั้นมาใกล้ๆ ฉันก็อ่อนแอลงสิ”
“เจ้าลูกเจี๊ยบนี้มันธาตุแสงเหรอ? ไหนลองดูหน่อยได้ไหม”
“เชิญเลยครับ”
ฉันหยิบลูกเจี๊ยบจากในมือเขาขึ้นมา ฉันก็สัมผัสได้ถึงพลังเวทที่บริสุทธิ์จำนวนมากภายในเจ้าตัวน้อยนี้ มันได้พลังเวทแบบนี้มาจากไหนกัน แถมยังเป็นของคนที่มีคุณสมบัติแห่งแสงอีก ชักอยากได้ไปเลี้ยงแล้วสิ แถมพอเป็นสีขาวแบบนี้มันก็ยิ่งดูน่ารักด้วยสิ
“ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรนะฮัน แต่อย่าไปซื้อเลยน่า ถ้าป็นนกสีขาวแบบนี้มันก็ต้องกินพลังเวทจากคนที่มีคุณสมบัติแห่งแสงอยู่แล้ว คนที่ใช้ได้แต่น้ำอย่างเธอคงเลี้ยงมันไม่ได้หรอก อึกๆๆๆ”
เมื่อพูดจบริสก็กลับไปดื่มเหล้าต่อ
“ก็จริงของริสละนะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะจ๊ะ ที่พวกเราซื้อมันไปเลี้ยงไม่ได้หรอกนะ”
“งั้นเหรอครับ…”
เด็กคนนั้นซึ่มไปเลยแหะ ดูน่าสกสารหน่อยๆแล้วสิ สกสัยจะร้อนเงินน่าดู นี้ก็ใกล้หน้าหนาวแล้วนี้น่า
“จะว่าไปไอ้ลูกเจี๊ยบนี้มันกินพลังเวทอย่างเดียวใช่มั้ยครับ”
“ใช่แล้วละ นกพลังเวทจะกินพลังเวทที่เข้ากับตัวมันเพื่อเจริญเติบโตจ๊ะ”
“งั้นเหรอครับ… ถ้ามันโตแล้วเรากินมันได้ไหมครับ”
เอ๋..นี้เขาจะกินมันหรอกเหรอ? สิ่งมีชีวิตน่ารักขนาดนี้เขาจะกินมันลงจริงๆเหรอ?
“กะ..ก็ไม่รู้สินะจ๊ะ แต่ฉันไม่เคยได้ยินว่ามันมีพิษด้วยสิ น่าจะกินได้ละมั้ง?”
“เข้าใจแล้วครับ… ไอ้ลูกเจี๊ยบนี้กินได้สินะ!!!”
“จิ๊บบบบ!!!”
เขามองลูกเจี๊ยบด้วยแววตาหิวกระหายจนลูกเจี๊ยบในมือเขาสัมผัสได้จนร้องโวยวายออกมา ฉันควรให้เงินเขาไปสักหน่อยเพื่อต่ออายุให้เจ้านี้ดีมั้ยนะ..
“ท่าไม่รังเกียจรับไปสิจ๊ะ”
ฉันยื่นเหรียญเงินให้เขาทั้งหมด10เหรียญเงินซึ่งมันเป็นเงินทั้งหมดที่ฉันพกติดตัวมาในวันนี้ หวังว่ามันจะช่วยต่อชีวิตเจ้าลูกเจี๊ยบนั้นได้นะ อย่างน้อยฉันก็อยากเห็นมันเติบโตมาเป็นนกสีขาวที่สง่างามที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างอิสระอย่างที่มันควรเป็นนะ
“เรื่องเงินผมไม่เอาหรอก แต่ท่าพี่สาวภูติน้ำสกสารผมละก็……”
“???”
“ขอจับหน้าอกหน่อยนะคร้าบ~!!!”
“ว้ายยยยย!!!”
เขาพุ่งมาบีบหน้าอกของฉันและเอาหน้าซุกลงไป เด็กคนนี้มันอะไรกันเนี้ย!!!!
.
.
.
“พี่สาวสุดยอดมีหน้าอกที่สุดมากครับ!! ไปละ วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
“ฮือๆๆๆ”
เมื่อขย้ำหน้าอกของฉันจนพอใจแล้วเขาก็หนีไปทันทีอย่างรวดเร็ว.. พวกมนุษย์น่ากลัวจริงๆด้วย ฉันอยากกลับบ้านแล้วอ่า~ คิดถึงท่านราชินีกับคนอื่นๆจัง ป่านนี้จะเป็นยังไงกันบ้างแล้วนะ
“ไม่ต้องซึมไปหรอกน่าก็แค่ถูกเด็กจับหน้าอกนึดหน่อยเอง ไม่ต้องใส่ใจมากนักหรอก”
“ตะ..แต่เด็กคนนั้นอายุ17แล้วนะ ถ้าตามอายุขัยของมนุษย์ละก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ!!”
“ก็แค่17เท่านั้นแหละ เทียบกับอายุพวกเราก็แค่เด็กธรรมดาเท่านั้นแหละน่า”
“นั้นสินะ… แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ มันน่าอายที่ถูกผู้ชายแปลกหน้ามาจับนี้น่า..”
“ช่างมันเถอะน่า เรื่องเล็กน้อยมาดื่มให้หายเครียดกันดีกว่า เธอคงดื่มเหล้าแล้วเมาได้ใช่มั้ย? คุณภูติน้ำ”
“ถ้าเธอมีเวลามาดื่ม เธอก็มาช่วยคิดกันดีกว่าพวกเราจะหาตัวคู่หมั้นขององค์ชายเจอได้ยังไง ไม่งั้นฉันก็กลับไปไม่ได้หรอกนะ”
พวกเราได้รับภารกิจให้ตามหาเธอและลูกชาย แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ อยู่ที่นี้มาตั้ง2เดือนแล้วก็ยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย
“ก็ถูกของเธอ แต่ทางเธอยังดีที่ราชินีของเธอแค่ขอความร่วมมือ แต่ทางฉันสิโดนแม่โยนข้าวของมาจากบ้านด้วยเองเลยนะ แถมยังโดนท่านย่าสั้งว่าถ้าหากยังหาไม่เจอห้ามกลับมาอีก… ฉันละกลุ้มจริงๆ ฉันเองก็อยากไปประจำที่เมืองอื่นนอกจากเมืองสุดชายแดนของลาสนะ ที่นี้มันแทบจะไม่มีอะไรเลยที่เกี่ยวกับเวทมนต์เลยสักนึด… อยากกลับบ้านจังเลยน้า~ วิจัยล่าสุดเองก็อยู่ที่นั้นด้วยสิ”
“นั้นสินะ ฉันเองก็อยากกลับไปหาท่านราชินีเหมือนกัน แต่นี้เป็นภารกิจที่ต้องทำให้ได้ ไม่งั้นฉันก็กลับไปมาได้เหมือนกัน…แต่ว่า… ภารกิจแบบนี้มันยากจังนะ”
“ช่ายๆ ทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้แท้ๆ คนที่มีคุณสมบัติแห่งแสงมันหาตัวได้ง่ายซะที่ไหน ถ้าไม่ได้ใช้เครื่องมือเฉพาะในการตรวจสอบ ถึงเธอจะมีพลังเวทเยอะก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่ได้มีความสามารถถึงขนาดมานั้งตรวจสอบได้ตลอดเวลาหรอกนะ”
“ก็ถูกของเธอละนะ แต่พอพูดถึงพลังเวทแล้วเด็กคนเมื่อกี้มีพลังเวทที่เยอะมากๆเลยละ แต่ดูท่าทางจะใช้เวทมนต์ไม่เป็นเลยสักนึด”
ตอนที่ฉันตรวจสอบเจ้าลูกเจี๊ยบนั้น ฉันก็เผลอสัมผัสได้ถึงปริมาณพลังเวทของเขาด้วย ดูเหมือนลูกเจี๊ยบตัวนั้นจะได้รับพลังเวทมาจากเขาโดยที่ไม่รู้ตัวละ แต่พลังนั้นเวทที่ลูกเจี๊ยบได้รับเป็นพลังเวทที่บริสุทธิ์มากๆเลยละ น่าเสียดายเด็กคนนั้นจัง ท่าได้เกิดในแกรนเทลหรือศาสนจักรก็อาจจะเป็นจอมเวทย์ที่เก่งกาจเลยก็ได้
“หืม? งั้นเหรอ เมื่อกี้ฉันมัวสนใจแต่กับนกก็เลยลืมตรวจสอบเขาซะสนิทเลยละ แต่ถ้าเป็นงั้นจริงไอ้เด็กลามกนั้นต้องมีคุณสมบัติแห่งแสงด้วยนะสิ”
“เธอรู้ได้ยังไงเหรอ ริส”
“ก็ไอ้เด็กนั้นมันบอกว่าไข่ฟักในมือของมันใช่มะ ปกตินกพลังเวทที่มันมีชื่อเรียกอย่างงั้นก็เพราะมันกินพลังเวทของสิ่งมีชีวิตที่ไปสัมผัสไข่มันนะ ถ้าคนๆนั้นใช้เวทไฟเก่งมันก็จะเกิดมามีสีแดงเพลิง แต่ถ้ามันกินพลังเวทของฉันก็คงกลายเป็นสีดำเหมือนอีกานั้นแหละ”
“เห~ ริสนี้รอบรู้จังเลย สมแล้วละที่เป็นแม่มดที่มีชีวิตเพื่อเวทมนต์จริงๆ”
“หึๆๆๆ ชมฉันอีกสิ”
“แค่ชมนึดหน่อยอย่าเหลิงเลยน่า แต่ตรงนั้นก็สมกับเป็นเธอดีนะ”
“ก็จริงของเธอนะ แต่จะว่าไปเด็กคนนั้นอาจจะเป็นเป้าหมายของเราก็ได้นะ ก็มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันซะขนาดนั้นนี้นะ แถมยังมีรูปร่างใกล้เคียงกันอีก”
“เธอนี้ไร้สาระจริงนะ ลองดูภาพเป้าหมายเราดีๆสิ เธอเป็นเด็กผู้หญิงนะ”
ฉันหยิบใบประกาศจับขึ้นมาโชว์ให้กับเธอดู
“ไม่หรอกๆ ก็ลองนึกดูดีๆสิ เธอคนนั้นอาจจะปลอมเป็นผู้ชายก็ได้นี้”
“แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ฉันได้ยินว่าเธอเก่งเวทรักษามากๆนะ เธอคงไม่ปล่อยให้มีแผลเป็นบนหน้าตาของเธอหรอก ก็เธอเป็นเด็กผู้หญิงนี้น่า”
“ก็จริงของเธอนั้นแหละ หากฉันมีแผลเป็นแบบนั้นฉันคงไม่กล้าออกไปพบใครแน่นอน อึกๆๆๆ”
เมื่อพูดจบริสพูดจบเธอก็กระดกเหล้าของเธอต่ออย่างสบายใจ เฮ้อ~ เธอไปอยู่ตรงไหนกันนะ มีเรีย เห็นว่าทางคู่หมั้นเองก็เป็นห่วงเธอมากด้วยสิ