ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ - ตอนที่ 13
“จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีเนี้ย”
ผมบ่นออกมาเล็กน้อยขณะที่ผมซ่อนตัวจากหมูป่าขนาดใหญ่อยู่ หลังจากที่ออกมาจากเมืองก็เก็บสมุนไพรได้เยอะอยู่แหละ แต่ก็เผลอเข้าป่ามาลึกก่อนไปหน่อยก็เลยเจอมันนี้แหละ มันเป็นมอนสเตอร์ระดับDก็จริง
แต่การจะปราบนั้นจะต้องใช้ปาตี้ประมาณ3-4คนซึ่งความสามารถของผมคือG!!และที่สำคัญผมมาแค่คนเดียวถ้าถูกมันเจอละก็ตายแหงๆ ไม่มีทางหนีไอ้สัตว์สี่ขาแบบนั้นพ้นหรอกต่อให้ใช้[Boot]เพิ่มความเร็วก็ตาม
มันพยามมองหาผมที่คลาดสายตาไปตามปกติแล้วพวกมันมีจมูกที่ดี แต่น่าเสียดายเพราะผมเองก็มีสกิลที่แรร์สุดๆมันคือสกิลซ่อนกลิ่นยังไงละ!!! มันเลยไม่มีทางตามกลิ่นได้แน่นอนเว้นแต่จะโดนเห็นจังๆละนะ
สุดท้ายแล้วมันเหมือนจะยอมแพ้แล้วก็วิ่งหนีจากไ ก็รอดแบบหวุดหวิดเหมือนทุกที เอาละงานวันนี้ก็เสร็จแล้วแถมยังเก็บสมุนไพร์ได้ตั้ง8ต้นลักกี้จริงๆ แบบนี้คงมีเงินไปจ่ายค่าแชร์ห้องกับดื่มแล้ว!!
“กรื้ดดดดดดด!!!”
เสียงกรื้ดร้องของผู้หญิงดังขึ้นมาสนั่นป่า อย่าบอกนะว่า!! มีคนธรรมดาอยู่ในป่านี้นะ!!
ผมค่อยๆเดินไปตามเสียงอย่างช้าๆ แม้ในใจจะอยากวิ่งก็เถอะ แต่ผมก็ต้องระวังตัวเองไว้เพราะฝีมือผมเองก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายเหมือนกัน และถ้าหากผู้หญิงคนนั้นถูกหมูป่าจู่โจมไปแล้วผมเองก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ก็หวังว่ายังคงโชคดีที่รอดชีวิตอยู่นะ
“เคล อย่าตายนะ เคล!!!”
ผู้หญิงคนหนึ่งน่าจะประมาณอายุ17-18ปี แต่งตัวหรูหรากับร้องเรียกผู้ชายที่บาดเจ็บจนหมดสติอยู่บนพื้น แผลของเขาค่อนข้างสาหัสทีเดียว มีศพหมูป่าอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก
ผมคิดว่าผมคงพอไปช่วยได้อยู่เพราะหมูป่ามันตายไปแล้วจากการต่อสู้กับเขา และนั้นมันก็ถึงเวลาของสตรีศักสิทธิ์ออกโรงแล้วละมั้ง
“[Heal]”
ผมรักษาแผลบนใบหน้าของตัวเองหลังจากนั้นก็เอาผ้าสีดำที่พกไว้มาปิดใบหน้าของตัวเองตั้งแต่จมูกลงไป ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้คนจำผมไม่ได้เพราะอย่างน้อยในเมืองคนที่มีแผลกากบาดแบบผมเองก็มีคนเดียวด้วย ท่าโดนตามตัวทีหลังละก็ยุ่งแน่
เอาจริงๆท่าผมมีฝีมือมากพอผมคงสามารถใช้ฮีลจากระยะไกลได้แต่บังเอิญผมมันใช้เวทมนต์ห่วยแตก จึงสามารถใช้ในระยะแทบจะประชิดตัวเพียงเท่านั้นแหละ
ผมเดินออกมาอย่างช้าๆ ดูเหมือนเธอเองก็จะสังเกตุเห็นผมแล้วสินะ
“คะ..คุณเป็นใครคะ?”
“ฉันเป็นใครไม่ต้องตกใจหรอก ที่สำคัญหลบไปซะ!! ท่าไม่อยากให้ชายคนนั้นตายนะ”
นอกจากหน้าตาแล้ววิธีพูดแล้วน้ำเสียงก็ต้องเปลี่ยนด้วยเพื่อความเนียนยังไงละ
“คุณจะทำอะไรเคลกันค่ะ”
แต่เหมือนวิธีพูดมันจะดุดันไปหน่อยก็เลยไม่ไว้ใจอะนะ ก็แหงแหละจู่ๆ มีคนปิดหน้ามาบอกแบบนี้ผมก็ระแวงเหมือนกันแหละ ผมไม่โทษเธอหรอกนะ
“ก็จะรักษาไงละ ท่าไม่รีบละก็ชายคนนั้นตายแน่ แบบนี้เธอจะยอมเหรอ?”
เธอทำท่าทางลังเลเล็กน้อยก่อนที่เธอจะยอมหลบทางให้ผมไปหาชายคนนั้น ท้องของเขาแหว่งและเครื่องในเองก็ทะลักออกมาเล็กน้อย แต่แค่นี้นะไม่คณามือผมหรอกนะ!!
“[Heal]”
ผมใส่เจตนาที่จะรักษาและพลังเวทมนต์ของผมเขาไปเต็มที่ ตอนนี้ท้องของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วอีกสักพักเขาก็น่าจะฟื้นแล้วละ จะว่าไปไม่ได้ใช้Healมานานแค่ไหนแล้วกันนะ เราเองก็เก่งเหมือนกันนะเนี้ยที่ยังใช้มันได้ดีเหมือนเดิมอยู่
“สุดยอด…นี้มันเวทฮีลจริงๆเหรอคะ มันต่างจากฮิลที่ฉันเคยเห็นมาเลย นี้คุณเป็นใครกันแน่คะ”
นั้นสินะไอ้นั้นไงที่อยู่นั้นป่าอะ.. ตัวที่หูแหลมๆอะ มันชื่ออะไรวะ ทั้งๆที่ติดอยู่ที่ปากแท้ๆ แต่กลับนึกไม่ออก ช่างเถอะแถๆ ไปละกัน
“เราคือเผ่าแห่งป่า เรามาที่นี้เพื่อช่วยชายคนนั้นจากบาดแผลเท่านั้น”
“เผ่าแห่งป่าเหรอคะ?”
“เช่นนั้นขอตัวละ”
“เดี๋ยวก่อนคะ!!! ช่วยรอก่อนเถอะคะ”
ก่อนที่ผมจะเดินกลับไปเธอได้มากอดขาผมเอาไว้ อะไรอีกละเจ๊!!! ท่าไม่รีบเดี๋ยวผมจะงานยุ่งเอานะ คนยิ่งรีบๆกลับบ้านไปกินเหล้าอยู่ด้วย ช่วยขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ?
“เราหมดธุระตรงนี้แล้วได้โปรดปล่อยเราเถอะ”
“ขอร้องละคะ ช่วยท่านพ่อของฉันด้วยเถอะคะ พวกเรามาหาสมุรไพรหายากที่นี้แต่ก็ไม่พบเลย!! ขอร้องละคะ ท่าเป็นเวทฮิลของคุณละก็จะต้องรักษาท่านได้แน่นอน”
“พ่อของเจ้าไม่ใช่ธุระของเราได้โปรดปล่อยเราเถอะ!!”
“ขอร้องละคะ!! ได้โปรดช่วยพ่อของฉันด้วยเถอะคะ!!”
ก็เข้าใจเจ๊อยู่นะคับ แต่ผมรีบจริงๆ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่ได้สามารถไปไหนได้ ถ้าเธอยังจับขาผมแน่นขนาดนี้นะ รู้รึเปล่า? คงช่วยไม่ได้คงต้องขู่เธอนึดหน่อยแล้วละ
“ท่าไม่ปล่อยเรา เราจำเป็นต้องฆ่าเจ้า แบบนี้เจ้ายังจะยังไม่ยอมอีกรึ?”
ผมเอามีดที่พกติดตัวมาด้วยจี้ไปที่เธอเพื่อขู่เธอให้ยอมปล่อย
“ท่าแค่ชีวิตนี้แลกกับท่านพ่อได้ละก็ ฉันก็ยอมคะ!!”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั้นสายตาของเธอจ้องมาที่ตาผมแบบไม่กระพริบตา ในดวงตาของเธอนั้นมีน้ำปริ่มๆ เหมือนจะร้องไห้ ทำเอาผมรู้สึกแย่ชะมัด
ถ้าคุณคิดจะเอาชีวิตเจ้านายของผม ผมก็คงปล่อยคุณไปไม่ได้เช่นกัน”
อัศวินคนนั้นได้เอามีดมาจ่อที่คอผม เขาตื่นขึ้นมาเร็วกว่าที่คาดแหะแน่นอนผมไม่สู้กลับหรอกผมแพ้แล้วละ
แม้ผมจะมีความสามารถต่อสู้กับมอนสเตอร์บ้างแต่ก็สู้กับอัศวินไม่ได้หรอกนะ มันคนละระดับทั้งอุปกรและฝีมือเลย ก็เหมือนนังเลงขี้กางไปต่อยกับนักมวยมืออาชีพนั้นแหละ
“เคล!! อย่าเสียมารยาทกับเขาสิ!! เขาเป็นคนรักษานายนะ”
ผู้หญิงที่ใส่ชุดหรูหราตะโกนขึ้นใส่อัศวินของเธอ ใช่ๆผมช่วยนายไว้นะเฮ้ย!! นายจะตอบแทนผมงี้จริงดิ!! แบบนี้มันเนรคุณกันชัดๆ
“นายหญิงช่างน่าเสียดาย แต่หากเพื่อนายท่านแล้วเราจำเป็นต้องบับคับเธอตามมากับเราต่อให้ต้องตัดแขนเธอไปสักข้างก็ตาม”
เอ๋!! นายจะตัดแขนผมเหรอ? แม้เวทฮิลผมมันจะดีขนาดไหนก็เถอะ แต่ผมเองยังไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าจะงอกแขนกล้บมาได้รึเปล่า แต่ก็ไม่คิดอยากจะลองหรอกนะ คงไม่มีไอ้บ้าตัวไหนเซี่ยนอยากลองฮิลจนลองตัดแขนตัวเองหรอก ไม่สิอาจจะมีอยู่คนหนึ่งก็ได้ ในความจำของผมที่โลกเก่านะ
“อ๊ะ..นั้นสินะเคลพูดถูกแล้วละ”
ตอนนี้ทางฝั้งผู้หญิงเองก็เหมือนจะเห็นด้วยกับสิ่งที่อัศวินพูดแล้ว แม่งไอ้พวกเนรคุณเอ๊ยยยย!! ตูไม่น่าช่วยพวกมิงเลย แม่งเอ๊ย!! รู้งี้ปล่อยตายไปซะก็ดีไม่น่ามาเป็นคนดีเลยตู
“ก็อย่างที่ท่านหญิงบอกแหละครับ ส่งอาวุธมาทางนี้แล้วก็เปิดเผยใบหน้าซะ!!”
ผมโยนมีดไปทางเขาแล้วยอมถอดผ้าที่พันปากออก เผยไอ้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผม.. ใบหน้าที่อยู่ในประกาศจับที่มีค่าหัวเยอะพอๆกับพวกมอนสเตอร์ระดับมังกร ขนาดผมเองยังสกสัยก็เถอะว่าทำไมค่าหัวผมมันสูงขนาดนั้นก็เถอะ
“คุณนี้หน้าตาคุ้นๆนะครับ”
“บางทีนายอาจจะจำผิดกับคนทั้วไปนี้ก็ได้หน้าฉันโหลจะตาย”
“ไม่หรอกท่าผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณจริงๆ คุณต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ช่วยบอกมาตามตรงว่าคุณเป็นใครกันครับ?”
ชิ!! ดันเจอพวกยุ่งยากจนได้
“แล้วท่าฉันไม่บอกนายจะทำยังไงละ?”
“หลังจากบับคับให้รักษานายท่านผมจะส่งตัวให้คุณให้ทางการตรวจสอบทันทีครับ”
“คะ..เคล!!”
“นายนี้มันเนรคุณจังเลยนะ ฉันช่วยชีวิตนายไว้ ไม่คิดจะปล่อยกันบ้างเลยเหรอ?”
“เรื่องนั้นมันคนละเรื่องกันผมก็ซาบซึ่งเรื่องที่คุณช่วยผมอยู่ เพราะงั้นจะถึงได้ถามคุณดีๆอยู่นี้ไงครับ ท่าเป็นปกติผมคงจะตัดแขนข้างที่คุณจะใช้ทำร้ายท่านหญิงไปนานแล้ว”
อุหว่า โหดวุ้ยไอ้นี้มันคิดจะตัดแขนผมตั้งแต่แรกแล้วนี้หว่า งั้นก็ช่วยไม่ได้บอกความจริงไปตามตรงแล้วลองเจรจาดูละกัน อย่างน้อยผมเองก็ไม่ใช่อาญากรและ ที่นี้ก็ไม่ใช่เขตการปกครองของแกรนเทลด้วยสิ แถมหมอนี้เองคงไม่ใช่พวกหิวเงินหรอกมั้ง
“นายพอจะรู้จักคู่หมั้นขององค์ชายรัชทายาทอับดับ1ของแกรนเทลที่หายไปรึเปล่าละ”
เขาจ้องหน้าผมสักพักทำท่าเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออกก่อนจะลดดาบลง เหมือนจะรู้แล้วสินะว่าผมเป็นใคร
“ผมพอจะเข้าใจสถานการณ์ของคุณแล้วละครับ ท่านมีเรีย”
“เคล นายรู้จักเขางั้นเหรอ?”
“ถ้าเรียกให้ถูกควรเรียกว่าเธอดีกว่านะครับ ท่านวาเนสซ่า จริงไหมละครับ? ท่านว่าที่องค์ราชินีคนถัดไปของแกรนเทล”
“เอ๋!! คู่หมั้นที่หายตัวไปของเจ้าชายคนนั้นนะเหรอ!!”
“เฮ้ยๆ เรียกแบบนี้เดี๋ยวนายก็ศพไม่สวยหรอกอยากตายรึไง ใครมันจะไปเป็นคู่หมั้นของไอ้ขี้เก๊กนั้นฟะ ฉันก็แค่เด็กโง่คนหนึ่งที่ทำให้สถาบันเวทมนต์อับดับ1อับอายจนถูกไล่ออกมาเท่านั้น ไม่ได้เป็นคู่หมั้นใครทั้งนั้นแหละ”
“แต่เรื่องนั้นก็เป็นเรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ ทางคุณเองก็เหมือนจะยอมรับแล้วด้วย”
“ไม่ๅ ฉันไม่ได้ยอมรับมันซักหน่อย!! ไอ้คนที่ยอมรับมันพวกศาสนจักรเฟ้ย!! พวกมันไปตกลงกันเอง เอออ๋อกันเองว่าฉันยินดีจะหมั้นกับมันนะ พอเห็นฉันใช้เวทมนต์ไม่ได้เรื่องมันก็ขายฉันเฉยเลย!! เรื่องแบบนี้ใครมันจะไปยอมรับกันละ!!”
ทั้งหมดเป็นความผิดของมัน!! ไอ้คนขี้เก๊กนั้น!! เพราะมันแท้ๆ ผมถึงเสียสิ่งนั้นไป!! หลังจากหนีมายังมาตั้งค่าหัวกันอีก รู้ไหมมันทำให้ชีวิตผมวุ่นวายขนาดไหนนะ!!
แถมต้องไปก้มหัวขอร้องให้ยัยนั้นให้ช่วยพาผมหนีมาอีกความเจ็บแค้นที่มันทำไว้จะไม่ลืมเลย!!
“เข้าใจแล้วครับแล้วทีนี้คุณมีข้อเรียกร้องอะไรรึเปล่าครับ”
“ฉันจะรักษานายท่านของนายให้ ส่วนนายก็ต้องปล่อยฉันไปแค่นี้แหละ เป็นไงละวินๆดีไหมละ”
“ท่านเวเนสซ่าจะตกลงรับเงื่อนไขของท่านมีเรียรึเปล่าครับ”
“เอ๋!? เอ๋!?”
เจ๊จะมางงอะไรละครับไอ้อัศวินนี้มันก็ลูกน้องเจ๊นะครับ มันจะตัดสินใจยังไงก็ขึ้นอยู่กับเจ๊นะ อุส่าพล่ามกันยืดยาวนี้มันไม่ได้เข้าหัวสมองเจ๊เลยรึไง
“เอ่อ..ท่านหญิงวาเนสซ่าครับเอาหูมาใกล้ๆหน่อยนะครับ”
อัศวินซุบซิบอะไรบ้างอย่างให้กับวาเนสซ่า สักพักเธอก็เหมือนจะทำท่าเหมือนเข้าใจสถานการณ์แล้ว
“ฉันเข้าใจแล้วละเคล ฉันวาเนสซ่า บรอน ผู้นี้ขอยอมรับขอเสนอของคุณคะ”
ในที่สุดเจ๊ก็เข้าใจสักที.. เดี๋ยวนะบรอนงั้นเหรอ!! นี้มันตระกูลขุนนางที่ปกครองพื้นที่ ที่ผมอยู่นี้หว่า!! ยัยนี้เป็นลูกสาวของบารอนงั้นเหรอ!!
“แต่ว่าเคลเราจะพาท่านมีเรียเข้าไปในเมืองยังไงละ? ในเมื่อเธอเองก็มีค่าหัวนะ”
จริงๆ ถ้าแค่มีหน้าบากเหมือนปกติผมก็เข้าเมืองได้ปกตินะ แถมยังสนิทกับทหารยามที่เฝ้าประตูด้วยเพราะชอบไปดื่มด้วยกันบ่อยๆ แต่เรื่องนั้นอุบไว้ดีกว่า เธอเองก็เหมือนยังไม่รู้ด้วยสิว่าผมเองก็เป็นประชากรที่อยู่ในเมืองของเธอนะ
“เรื่องนั้นเราจะพาเธอเข้าไปด้วยรถม้าที่จอดไว้ที่นอกป่าครับ พวกทหารยามเองก็เป็นทหารของตระกูลเราเพราะงั้นจึงไม่มีการตรวจสอบหรอกครับ”
“อย่างงี้นี้เอง เคลนี้ฉลาดจังเลย”
ฮ่าๆ เจ๊คนนี้ไหวป่าววะ ดูเหมือนสมองจะไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่เลยนะ ดูไม่ค่อยฉลาดเหมือนภายนอกเลยนี้สินะ สวยใสไร้สมองของแท้เป็นอย่างงี้นี้เองสินะ
“ท่านมีเรียครับ.. แต่ระหว่างทางนี้ช่วยจูงมือคุณหนูด้วยนะครับ ผมเองจะคอยคุ้มกันให้ แม้จะเห็นอย่างงั้นท่านวาเนสซ่าเองก็มีอายุเพียง10ปีเท่านั้นเองนะครับ(กระซิบ)”
“เอ๋!! เอาจริงดิ!! เจ๊นมตูมนั้นอายุแค่10ขวบเนี้ยนะ แบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ!! ไม่สินายคิดยังไงถึงพาเด็ก10ขวบมาป่าอันตรายแบบนี้ฟะ(กระซิบ)”
ป่านี้มันไม่ใช่ที่เด็กเล่นนะเว้ย มันเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ชุกชุมแถม ถ้าเลยไปหน่อยยังเป็นเขตแดนของพวกเอลฟ์อีก พวกนั้นยิงก่อนถามนะเว้ย ผมเองก็เคยเกือบโดนพวกนั้นเจาะกระบาลมาแล้วที่รอดมาได้เพราะแกล้งเป็นเด็กหลงทางพวกนั้นเลยยอมปล่อยมาง่ายๆหรอกนะ แต่ถ้าเธอไปเจอเธอเข้าต่อให้บอกว่าเป็นเด็กก็ไม่เชื่อกันแหงๆ
“เรื่องนั้นดูเหมือนเธอจะโดนหลอกพามาปล่อยนะครับ ผมเองที่พึ่งรู้เรื่องก็พึ่งตามมาทันตอนที่ท่านหญิงถูกจู่โจมพอดีจนได้รับบาดเจ็บนี้แหละครับ”
โอโห ไอ้คนทำนี้โคตรใจหมาเลย พาเด็กมาปล่อยไว้ในที่แบบนี้เนี้ยนะ แบบนี้มันจงใจฆ่ากันชัดๆเลยนี้หว่า
“ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้ ช่วยบอกหน่อยได้ไหม?(กระซิบ)”
“เรื่องนั้น–(กระซิบ)”
“นี้เคลกับท่านมีเรียคุยอะไรกันเหรอ ให้ฉันร่วมคุยด้วยได้ไหม?”
ก่อนที่เคลจะพูดจบวาเนสซ่าเองที่อยากมีส่วนร่วมก็เข้ามาขัดจังหวะซะก่อน
“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอกมีอะไรหรอก ก็แค่พูดเรื่องไร้สาระนึดหน่อยนะจริงไหม เคล”
“ตามที่ท่านมีเรียพูดนั้นแหละครับ พวกเราเพียงคุยเรื่องไร้สาระกันเล็กน้อยเท่านั้น”
“เคล ขี้โกงอีกแล้ว ฉันเองก็อยากจะสนินกับท่านมีเรียเหมือนกันนะ!! ฉันไม่สนใจเคลด้วยแล้ว เชอะ!!”
“ทะ..ท่านหญิงครับ”
เคลรีบเข้าไปง้อวาเนสซ่าที่กำลังงอนแก้มป่อง ให้ตายสิเด็ก 10 ขวบจริงๆด้วยแหะ แถมท่าทางวาเนสซ่าเองก็ไม่รู้ตัวสินะ ว่าตัวเองโดนหลอกมาปล่อยน่าสกสารจริงๆ
ผมเองก็เผลอเอามีดไปขู่เด็ก10ขวบซะได้เรานี้มันบ้าจริงๆ ดีแล้วละที่เธอไม่ร้องไห้ออกถือว่าใจแข็งพอสมควรเลยละ ยอมทำขนาดนั้นเพื่อพ่อ ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ
“ไม่เป็นไรหรอกน่าวาเนสซ่ายกโทษให้เคลเถอะ เดี๋ยวเรามาโดนจับมือไปที่รถม้าแล้วไปรักษาคุณพ่อของเธอกันดีกว่าเนอะ”
“เอ๋!!! พูดจริงเหรอดีใจจังเลยคะ!!”
“แอ้กกก!!”
วาเนสซ่าวิ่งเข้ามากอดมีเรียด้วยความดีใจด้วยแรงและส่วนสูงที่ต่างกันของพวกเธอนั้นทำให้ทั้ง 2 ล้มลงไป ส่วนมีเรียโดนโชคร้ายท้ายทอยไปกระแทกกับรากไม้ในป่าเข้าอย่างจัง ทำให้ตอนนี้หมดสติทันที