ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 166 : ก็ทำตามใจแบบนี้แหละ
ทั้งลั่วหลิงและเข่อหลานต่างก็มองตาและรู้ใจโดยไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เจอจิงเฉินที่โรงเรียนเลย เข่อหลานกลัวโดนตีตูด แต่ลั่วหลิงมีเป้าหมายบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้
ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เรื่องทุกอย่างยังไม่ได้กระจ่างขึ้น และอีกอย่างสินสอดต่างๆที่เขาเตรียมให้หม่ามี๊ของตัวเองก็ยังไม่มากพอ ถ้าตอนนี้แต่งเข้าบ้านจิงเฉินจริงๆ คงจะโดนเรียกว่าเกาะเขากิน มันไม่สามารถเป็นอย่างงี้ได้ ลั่วหลิงหวังว่าถ้าหม่ามี๊ของตัวเองจะแต่งกับจิงเฉินได้นั้น หม่ามี๊ของเขาจะต้องมีความเหมาะสมกับจิงเฉินทุกอย่าง ในส่วนของทรัพย์สินก็ต้องเหมาะสมกันด้วย
หลังจากที่ลั่วหลิงและเข่อหลานเบี้ยวนัดจิงเฉิน เขาก็ไม่ได้อยากเดินวนอยู่ในโรงเรียนอีกแล้ว จึงจากไป
สำหรับเรื่องที่หาแฮกเกอร์คนนั้นก็เหมือนจะไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นแล้ว
งานกิจกรรมตอนบ่ายที่ทางโรงเรียนจัดเป็นงานที่เป็นครอบครัว
นี่เป็นการสร้างเสริมความรักความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูกๆ เพราะเด็กสมัยนี้แทบจะไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อแม่นักหรือมีเวลาใช้ร่วมกัน จึงเป็นเหตุทำให้เด็กสมัยนี้ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว บางครั้งคนเป็นพ่อแม่ก็แค่ใช้เงินในการเลี้ยงดูเท่านั้น
ทางโรงเรียนจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางผู้ปกครองจะนึกถึงสภาพจิตใจของเด็ก ไม่ใช่แค่ให้แค่กินอิ่มนอนอุ่นหลับสบายแค่นั้น แต่จะต้องแคร์ถึงสภาพจิตใจของเด็กด้วย
ลั่วหลิงและเข่อหลานมีเพียงสามแม่ลูก พวกเขาไม่มีพ่อ
ถึงตอนที่การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้น ลั่วหลิงอยู่ในสถานการณ์แข่งขันแบบนี้จึงคิดได้ว่าพวกเขาไม่มีพ่อ
“หม่ามี๊ เราขาดไปหนึ่งคน” เข่อหลานเบะปากออกข้างๆและทำหน้าไม่ค่อยพอใจ
“เออ……” ซินเหยาจับไปที่จมูกของตัวเอง รู้สึกไปไม่ถูกจึงพูดว่า : “เออ…..ป๊ะป๋าของหนูอยู่ในที่ไกลแสนไกล วันนี้จึงกลับมาไม่ได้ เขาอาจกำลังรับผิดชอบกับภารกิจความปลอดภัยของคนทั่วโลกอยู่ ทำไมถึงเป็นเพราะงานกีฬาสีวันนี้จึงต้องทำแต่ตามใจตัวเองล่ะ ถ้าเกิดไม่มีป๊ะป๋าคอยดูแลโลก มนุษย์ต่างดาวก็ต้องบุกโลกนี้แน่ ยังมีน้องน้องอีกหลายหลายคนที่จะไม่สามารถมีความสุขได้อีกต่อไป
เธอแต่งเรื่องจนแทบจะอ้วกออกมาแล้ว
แต่เธอรู้สึกว่าป๊ะป๋านั้นเยี่ยมมาก ทำเพื่อคนอื่นโดยการสละเวลาของตนเอง มันยิ่งใหญ่เอามากจริงๆ เธอแทบจะร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว
ถ้าเกิดนำพล็อตเรื่องที่เธอพูดแต่งขึ้นนี้ทำเป็นซีรี่ย์หล่ะก็ คงจะดังน่าดู
“สรุปว่า ขาดไปคนเดียวก็ยังสามารถทำให้เราเข้าร่วมการแข่งขันได้นี่นา” ยังดีนะที่นี่มันไม่ใช่เป็นการเล่นไพ่นกกระจอกที่จะขาดคนหนึ่งไปก็เล่นไม่ได้แล้ว
เวอร์ชั่นที่ซวี่เจ๋อได้ยินนั้นคือป๊ะป๋าตายไปแล้ว
เพราะงั้นเห็นซินเหยาดูแลลูกอย่างยากลำบากแบบนี้ ตอนนี้ก็ยังทำเป็นฝืนยิ้ม (ไม่ใช่) ในการปลอบลูก ในใจของเขาจึงรู้สึกสงสารเธอเป็นอย่างมาก ผู้หญิงแบบนี้เขาอยากจะดึงเข้ามาปกป้องไว้ในอ้อมกอดของตัวเองจริงๆ ปกป้องและดูแลเธอไปตลอดชีวิต ไม่ให้รอยยิ้มอันสวยงามของเธอต้องแปดเปื้อนกับความเจ็บปวด
“เล่นเกมวิ่งสามขาหรอ? ผมก็ไม่ได้เล่นมานานแล้วเหมือนกัน ไม่งั้นก็ลองให้ผมเล่นด้วยคนสิ” ซวี่เจ๋อปรากฏตัวขึ้น สามารถช่วยซินเหยาแก้ปัญหาครั้งนี้ได้จริงๆ
“ดีเลยค่ะๆ” ใบหน้าของเข่อหลานเต็มไปด้วยความยินดีพอใจ
ในเมื่อป๊าป๋าตีปีศาจร้ายอยู่ที่อวกาศและกำลังป้องกันโลกอยู่ งั้นเธอก็ไม่สามารถทำตามใจตัวเองโดยการเรียกป๊าป๋ากลับมาเข้าร่วมกิจกรรมได้หรอกใช่ไหม
เธอมองไปที่ซวี่เจ๋อแว๊บหนึ่ง คิดในใจว่า : ท่านประธานฟาง นี่คุณมาหาเรื่องคึกคักอยู่งั้นหรอ?
เธออุตส่าห์พูดกล่อมลูกได้แล้ว และพวกเขาก็สามารถเล่นด้วยกันสามคนแม่ลูกได้แล้วด้วยเขาจึงพูดอย่างอบอุ่นออกมาว่า : “คุณวางใจได้ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่จะไม่เป็นคนที่คอยดึงห่างพวกคุณแน่นอน พวกเราต้องชนะแน่ๆ”
ซินเหยาถอนหายใจออกมา นี่มันไม่ใช่ประเด็นหรือเปล่า?
แต่ว่าซวี่เจ๋อก็หวังดี เธอก็ไม่สามารถไปทำลายความหวังดีของเขาได้
“งั้นขอบคุณคุณด้วยนะคะ” ซินเหนาพูดออกมาพร้อมหัวเราะ
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ซี่เจ๋อก็จริงใจกับเธอเอามาก เธอไม่อยากที่จะเหยียบย่ำไปบนความจริงใจนี้ของเขาแล้ว เพราะงั้นคำขอบคุณที่เธอเปล่งออกมาเมื่อกี้มันออกมาจากใจเธอจริงๆ
เพราะงั้นคงต้องเปลี่ยนแผนการเล่นเกมครั้งนี้กับลูกของเธออีกครั้ง
มีซวี่เจ๋อเข้ามาแทรก ทำให้การเล่นเกมของพวกเขากลับสู่โหมดปกติเหมือนกับครอบครัวทั่วไป
เด็กทั้งสองคนมีพละกำลังในการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก อีกอย่างพวกเขายังฉลาดเป็นกรดอีก เรื่องพวกนี้คงไม่มีปัญหาแน่แนอน และในส่งนของซินเหยา เธอก็เป็นคนเลี้ยงพวกเขามาเองกับมือ เธอก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน ทั้งสามร่วมมือกันแข่งขันได้อย่างไม่มีที่ติ
แต่เป็นเพราะซวี่เจ๋อที่แทรกเข้ามา ทำให้การวิ่งมันสะดุดในตอนแรกสักหน่อย แต่ว่าพอวิ่งผ่านไปประมาณเศษหนึ่งส่วนหกของระยะทางแล้วททั้งสี่คนก็เข้ากันได้เป็นอย่างมาก พวกเขาทำเวลาในการวิ่งได้เป็นอย่างดีเยี่ยม
ซวี่เจ๋อและซินเหยายืนอยู่ซ้ายขวาชิดขอบ ส่วนลูกทั้งสองยืนอยู่ตรงกลาง
ซวี่เจ๋อจับไว้ลั่วหลิง ซินเหยาจับไปเข่อหลาน และตรงกลางก็เป็นลั่วหลิงและเข่อหลานที่จับมือกัน
ทั้งสี่คนวิ่งได้อย่างเร็วมาก
พอวิ่งไปได้ระยะทางประมาณเศษสี่ส่วนหก พวกเขานำหน้าครอบครัวอื่นไปไกลมาก พวกเขาตีห่างลำดับที่สองที่ตามมาอย่างห่างเป็นที่สุด
สุดท้ายก็เป็นทีมของพวกเขาที่ได้รับรางวัลชนะเลิศไป
ตอนที่ขึ้นไปรับรางวัลนั้น ทั้งสี่คนขึ้นไปพร้อมกัน ดูแล้วมันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันมาก
ซวี่เจ๋อและซินเหยายังได้กล่าวความในใจจากการแข่งขันนี้อีก และได้ถ่ายรูปรวมด้วยกันเยอะมากเวอร์
เมื่องานกีฬาจบลง ซินเหยาก็ถอนหายใจออกมาดังดังอย่างสบายใจ
มื้อค่ำแน่นอนว่าเป็นซินเหนาที่เลี้ยงซวี่เจ๋อ เพื่อเป็นการตอบแทนที่เขามาช่วยในวันนี้
แต่ตอนที่เธออยู่ในร้านอาหารและกำลังไถมือถือดูข่าวไปอยู่นั้น เห็นข่าวหนึ่งโผล่ขึ้นมาว่าระบบความปลอดภัยของเยี่ยหวงถูกแฮก เอกสารลับต่างๆต่างโดนขโมยออกไปหมด มันวุ่นวายไปมากจริงๆสถานการณ์ตอนนี้ พร้อมกับหุ้นของบริษัทก็ร่วงลงอย่างน่าแปลกใจ ตอนนี้เธอรู้สึกไปไม่ถูกจริงๆ
……
เรื่องที่เกิดขึ้นใหญ่ขนาดนี้ในเมืองBทำไมเธอถึงเพิ่งรู้เอาป่านนี้ ข่าวเธอมันไม่ได้เรื่องจริงๆเลยนะซินเหยา
“ซวี่เจ๋อ คุณเห็นข่าววันนี้หรือยัง?” ซินเหยายื่นมือถือของเธอให้เขาดูและถามด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ซวี่เจ๋อกวาดไปมองหัวข้อข่าวก็รู้แล้วว่าซินเหยากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ บริษัทเยี่ยหวงเป็นบริษัทที่ใหญ่มากอันดับต้นต้นของเมืองB และบริษัทนี้ก็ได้เซ็นสัญญาร่วมกันกับบริษัทเขาอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นสถานการณ์เล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นของเยี่ยหวงต่างก็ส่งผลกระทบต่อบริษัทอื่นและบริษัทอื่นก็จับตาดูอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเยี่ยหวงที่ใหญ่ขนาดนี้ เขาเป็นถึงCKหัวหน้าแผนกจัดการของบริษัททำไมถึงจะไม่รู้ล่ะ?
บ่ายวันนี้สายที่โทรเข้ามาในมือถือของเขา ก็เป็นเลขาของเขาเองแหละที่โทรมา
“ผมรู้แล้ว” เขาผงกหัวนิ่มนิ่มและพูดต่ออีกว่า : “เรื่องที่เกิดขึ้นใหญ่ขนาดนี้ ไม่รู้ก็คงไม่ได้”
“น่าจะไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ยคะ?” ซินเหยาเก็บมือถือกลับมาและถามเขา
“ผมก็ไม่อาจฟันธงได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ถ้าเกิดไม่แก้ไขจัดการโดยเร็ว สิ่งที่ตามมามันก็จะหนักหนาสาหัสอยู่เหมือนกัน” เขาพูดด้วยความเป็นมืออาชีพในมุมมองของตัวเองและอธิบายให้เธอฟังอย่างจริงจัง