ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 158 กินแสดงความเคารพ
ตอนที่ 158 กินแสดงความเคารพ
ให้กินข้าวกับคนกินจุสองคนที่หอสุรา?
เขาคงเสียสติไปแล้วหากทำเช่นนี้จริงๆ
หลินเถิงเห็นสายตาที่ลุกวาวของลูกน้องทั้งสองห่อเหี่ยวลง เขาไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
เขาเองก็อยากใจอ่อน แต่จะทำอย่างไรได้กระเป๋าเงินของเขาไม่อนุญาตให้เขาทำเช่นนี้
“เช่นนั้นคุณชายใหญ่หลินเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ” ลั่วเซิงเดินส่งหลินเถิงจนถึงประตู เมื่อหันหลังกลับ รอยยิ้มของนางก็เยือกเย็นลง
นางชื่นชมการทำงานที่รับผิดชอบหน้าที่ของหลินเถิง แต่ชื่นชมก็ส่วนของชื่นชม ถึงอย่างไรก็ต้องโมโหอยู่ดี
ลั่วเซิงเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะ นิ้วประสานกันเคาะโต๊ะที่สะอาดสะอ้านเบาๆ
ธนูกลายเป็นงูเขียว เรื่องนี้น่าสนใจจริงๆ
มีคนพบธนูในโพรงต้นไม้โดยบังเอิญหรือว่ารู้แผนการของนางตั้งแต่แรก
หากเป็นอย่างแรกก็ไม่ต้องกังวล
เพราะธนูคันนั้นนางเป็นคนเลือกเอง มันเป็นธนูธรรมดาๆ ไร้ความพิเศษใดๆ ถึงแม้จะตกอยู่ในมือของคุณชายใหญ่หลินลูกน้องที่เสนาบดีจ้าวเชื่อถือที่สุดก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะรู้ว่าเป็นนางเพียงเพราะธนูคันนั้น
แต่หากเป็นอย่างหลัง… ลั่วเซิงเม้มปาก แววตาเคร่งเครียด
หากเป็นอย่างหลัง เกรงว่าจะมีปัญหา
หากเป็นอย่างหลังแล้ว คนๆ นั้นนำธนูไปก่อนจะจับงูเขียวใส่ลงไป หรือว่างูเขียวบังเอิญเข้าไปอาศัยร่มเงานะ
หากงูเขียวเข้าไปโดยบังเอิญก็ไม่มีอะไรต้องพูด แต่หากมีคนจงใจใส่เข้าไป เช่นนั้นเขาพุ่งเป้าไปที่นางหรือเป็นคนที่กำลังตามหา ‘ผู้ร้าย’ นะ
มีความเป็นไปได้ทั้งหมด
หากคนๆ นั้นคือฝ่ายผิงหนานอ๋อง ก็คงไม่ต้องพูดถึงจุดประสงค์ในการจับงูเขียวใส่เข้าไป พวกเขาเพียงแค่รอนางซึ่งเป็น ‘ฆาตกร’ เผยพิรุธเมื่อนางไปเอาอาวุธสังหาร
หากเป็นฝ่ายที่ไม่ข้องเกี่ยวกับผิงหนานอ๋อง การใส่งูเขียวเข้าไปอาจจะเป็นเพียงการหยอกเล่น
ผู้ดูแลหญิงเห็นลั่วเซิงเหม่อลอยตลอดเวลา อดถามไม่ได้ว่า “เถ้าแก่ ท่านอารมณ์ไม่ดีหรือเจ้าคะ”
ลั่วเซิงล้มเลิกความคิด มองผู้ดูแลหญิงอย่างสงบ “เหตุใดผู้ดูแลจึงคิดเช่นนั้นเล่า”
ผู้ดูแลหญิงรินน้ำชาให้จอกหนึ่งและยื่นให้ลั่วเซิง ถอนหายใจพูดว่า “เมื่อคืนเกิดเรื่องแบบนี้ นอกจากจะอยู่ใกล้หอสุราของเราแล้ว ยังเกิดเรื่องหลังจากออกจากหอสุราด้วย เถ้าแก่กังวลว่าจะกระทบกับธุรกิจของหอสุราใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ถึงเวลาเปิดหอสุราแล้ว หากเป็นยามปกติแล้วแม้จะยังไม่มีคนเต็มร้านแต่ก็มีแขกหลายโต๊ะแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีแขกสักคนเดียว
เดิมทีมีโต๊ะหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าคุณชายใหญ่หลินอยากจะทานอาหารในหอสุรา เถ้าแก่ดันอยู่กับความเป็นจริงเกินไป เพียงประโยคเดียวของเถ้าแก่ก็ทำให้คุณชายหลินคิดได้ว่าเขาเลี้ยงลูกน้องไม่ไหว
หากเป็นนางน่ะหรือ เลี้ยงไม่ไหวแล้วอย่างไร คุณชายใหญ่หลินเป็นถึงหลานชายคนโตของผู้อาวุโสหลิน ค้างไว้ก่อนก็ได้นี่
เถ้าแก่ใจดีเกินไปจริงๆ
เมื่อเห็นผู้ดูแลหญิงถอนหายใจ ลั่วเซิงยิ้มๆ “เพิ่งเกิดเรื่อง ทุกคนปกป้องตนเอง กิจการหอสุราจะกระทบกระเทือนบ้างก็เป็นเรื่องปกติมาก ผู้ดูแลอย่ากังวลมากเลย”
ผู้ดูแลหญิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ลองเสนอว่า “เถ้าแก่ หรือไม่… เราลดราคาอาหารลงเล็กน้อย?”
“ลดราคา?” เสียงของหงโต้วที่เพิ่งนั่งลงและกำลังแทะเมล็ดแตงโมดังขึ้น มองผู้ดูแลหญิงอย่างเหลือเชื่อ “ลดทำไม ตัวเองกินยังไม่พอเลย ทำไมต้องลดราคา”
ผู้ดูแลหญิงกระตุกมุมปากอย่างรุนแรง
ถึงอย่างไรก็เป็นหอสุราที่เปิดไว้บริการ ไม่มีจิตสำนึกสักเล็กน้อยเลยหรือ
โค่วเอ๋อร์คายเปลือกเมล็ดทานตะวันออกมาอย่างคล่องแคล่ว เช็ดมุมปากเบาๆ พูดคลายสถานการณ์ว่า “หงโต้วเจ้ารีบหุบปาก คิดแต่เรื่องกินของตัวเองได้อย่างไร แต่ว่าจะลดราคาก็ไม่ได้หรอกนะ หากลดแล้วคนมาเยอะเกิน จะทำให้คุณหนูและอาซิ่วเหนื่อย… ผู้ดูแลร้านคิดว่าใช่หรือไม่”
ผู้ดูแลหญิงไม่ตอบ ดื่มชาคำหนึ่งเงียบๆ
ผ่านไปสองเค่อ ยังคงไม่เห็นแขกสักคน คุณชายสามเซิ่งประชิดตัวเข้ามาอย่างหน้าด้านๆ “น้องลั่ว วันนี้เปิดมานานขนาดนี้แล้วยังไม่มีแขกมาเลย หรือว่าเรากินข้าวกันก่อน…”
คำพูดที่เหลือชะงักลงทันทีที่เห็นร่างในชุดสีเขียวเดินเข้ามาในหอสุรา
ผิงหนานอ๋องเพิ่งเกิดเรื่อง ไคหยางอ๋องไม่กลัวตายหรือ เหตุใดจึงมาอีกแล้วนะ!
คุณชายสามเซิ่งมองสือเยี่ยนอย่างแค้นใจ
สือเยี่ยนส่งสายตานัยว่า ‘เจ้าคิดมากไปแล้ว’ ให้เขา และรีบเดินเข้าไปต้อนรับ
นายท่านของเขากลัวอะไรกัน คิดว่านายท่านถูกคุณหนูลั่วกลั่นแกล้งมากจนกลายเป็นคนอ่อนแอไปแล้วหรือ
“นายท่าน ท่านมาแล้วหรือ”
เว่ยหานมองไปรอบๆ ไม่มีแขกแม้แต่โต๊ะเดียว… วันนี้อาจจะกินได้ไม่จำกัด?
ในขณะที่คิดเช่นนี้ เขาก็พยักหน้าทักทายลั่วเซิง
ลั่วเซิงพยักหน้าตอบ มองสือเยี่ยนพาเว่ยหานไปที่โต๊ะด้วยสายตาเยือกเย็น ตกอยู่ในความคิด
เมื่อคืนนางยิงธนูสังหารผิงหนานอ๋องและกลับหอสุรา มีเพียงไคหยางอ๋องที่ยังอยู่ในห้องโถง
เขาช่วยนางจัดดอกไม้ประดับมุกให้ตรง… เมื่อคิดถึงอาการผิดปกติของเว่ยหาน ลั่วเซิงก็อดกังวลไม่ได้
คนที่เอาธนูในโพรงต้นไม้คันนั้นไป เป็นไปได้หรือไม่ว่าคือไคหยางอ๋อง
เว่ยหานนั่งลง เหลือบมองทางโต๊ะคิดเงิน
ตั้งแต่ที่เขาเปลี่ยนมาใส่ชุดสีเขียวเหมือนกับว่าคุณหนูลั่วจะมองเขานานขึ้นกว่าเมื่อก่อน
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง คงจะหมายถึงเช่นนี้สินะ
“นายท่าน ท่านรับอะไรดีขอรับ”
เว่ยหานข่มความคิดไร้สาระทั้งหมด ถามว่า “วันนี้มีรายการอาหารใหม่หรือไม่”
ลือเยี่ยนยิ้มพูดว่า “ท่านมาได้ประจวบเหมาะ วันนี้มีอาหารใหม่พอดีขอรับ!”
หงโต้วที่อยู่ข้างๆ กลอกตา
ประจวบเหมาะอะไรกัน ไคหยางอ๋องมารายงานตัวที่นี่ทุกวันชัดๆ วันไหนไม่มาถึงเรียกว่าประจวบเหมาะต่างหาก
สือเยี่ยนไม่สนใจสาวใช้ตัวน้อยๆ ที่กลอกตา เขารีบแนะนำให้นายท่านของตนว่า “รายการอาหารใหม่ที่ทางร้านของเราเปิดตัววันนี้คือกล่องเต้าหู้ ท่านต้องลองชิมขอรับ”
ต้องรับใช้เจ้านายของตนให้ดี จะได้ไม่ต้องเอาแต่คิดว่าจะไล่เขากลับไปขัดถังส้วม
เว่ยหานฟังองครักษ์น้อยแนะนำก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
ร้านของเรา? เห็นทีเจ้าหมอนี่คงลืมว่าตนเองเป็นใครแล้ว
“เช่นนั้นเอากล่องเต้าหู้หนึ่งจาน เนื้อตุ๋นสองจาน…” เว่ยหานสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว นั่งดื่มชาเงียบๆ
ลั่วเซิงยกถาดเล็กๆ เดินเข้ามา
หน่อไม้น้ำมันแดงหนึ่งจาน เมล็ดหุยเซียงทอดกรอบหนึ่งจาน มันม่วงเหลียงเฟิ่นหนึ่งจาน กุ้งแช่บ๊วยหนึ่งจาน
ซึ่งคือเครื่องเคียงขึ้นชื่อของมีหอสุรา
ให้เป็นของขวัญไม่ขาย ไม่รู้ลูกค้าจอมตะกละกัดฟันไปกี่คนแล้ว
เว่ยหานมองลั่วเซิงวางอาหารเหล่านั้นลงตรงหน้าเขาทีละจานก็รู้สึกงงงัน
เมื่อสงบอารมณ์ลงได้ก็เอ่ยปาก “คุณหนูลั่ว นี่คือ…”
“อาหารอภินันทนาการเจ้าค่ะ”
เว่ยหานเม้มปากเล็กน้อย
เขาย่อมรู้ว่านี่คืออาหารอภินันทนาการ ถึงอย่างไรทุกครั้งที่เห็นคุณชายหลินมากินก็จะมี แต่เขาไม่มี เขาจำได้แม่นอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่เขาอยากถามคือเหตุใดวันนี้เขาจึงมีอาหารอภินันทนาการ
ขณะที่คิดเช่นนี้ เว่ยหานก็หลุบตามองชุดสีเขียวที่ตนเองสวม
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วยังทำให้มีผลเช่นนี้ด้วย
ลั่วเซิงนั่งลงตรงข้ามเว่ยหาน อมยิ้มพูดว่า “ท่านอ๋องไม่ชิมหรือเจ้าคะ”
เว่ยหานหยิบตะเกียบ ชิมทุกจาน
“อร่อยหรือไม่เจ้าคะ”
เว่ยหานมองลั่วเซิง พยักหน้าเบาๆ
น่าจะไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าหรอก
สายตาของเขาเลื่อนขึ้นไป หยุดอยู่ที่ผมของเด็กสาว
ผมดำงดงามถูกมัดอย่างไว้อย่างลวกๆ มีดอกไม้ประดับมุกสีอ่อนประดับอยู่บนนั้น
เขาอดคิดถึงดอกไม้ประดับมุกสีชมพูอ่อนที่ถูกเด็กสาวโยนลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจไม่ได้
นางบอกว่าดอกไม้ประดับมุกเบี้ยวแล้วก็จะทิ้ง
สิ่งที่นางไม่ชอบหาใช่ดอกไม้ประดับมุกที่เบี้ยว แต่คือคนที่แตะต้องมันต่างหาก
เว่ยหานหลุบตาลงมองอาหารสี่จานที่วางอยู่บนโต๊ะ ตัดสินใจว่าจะไม่ถามอะไรทั้งนั้น
กินให้เสร็จก่อนค่อยว่ากัน