ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 309-2 จะให้ข้าคิดเช่นไร
กว่าทั้งสองคนมาถึงบ้านพัก ท้องไส้ก็ร้องโครกครากเสียแล้ว โชคดีที่กุ้ยซ่าวทำอาหารกลางวันไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล้วนเป็นสิ่งที่สรรหามาได้จากในภูเขาทั้งสิ้น เมื่อรู้ว่าเขาทั้งสองคนจะมา ผู้ดูแลที่แห่งนี้จึงเตรียมไว้ให้แต่เนิ่นๆ มีหน่อไม้ที่เพิ่งขุดออกมา ตุ๋นกับเนื้อหมัก ความหอมหวานสดใหม่นั้นเกินบรรยาย แล้วยังมีผักปีเช้าที่ทานคู่กับเต้าหู้ รสชาติเอร็ดอร่อยอย่างยิ่ง นอกจากนั้นยังมีกระต่ายป่า…มื้อกลางวันนี้หลินหลันและหลี่หมิงอวินรับประทานกันอย่างอิ่มหนำสำราญเป็นพิเศษ
ที่พักอาศัยยังคงเป็นห้องเดิมห้องนั้น หน้าเรือนเป็นดงกล้วยน้ำว้า ด้านหลังเป็นดงไห่ถาง ผลักหน้าต่างออกไปก็เห็นทิวทัศน์ที่งดงาม เมื่อปิดประตูลงความเงียบสงัดก็เข้าปกคลุม มีเสียงนกร้องล่องลอยมาเป็นครั้งคราว ยิ่งแสดงถึงความสงบเงียบท่ามกลางป่าเขาเด่นชัดยิ่งขึ้น
หลังเดินเท้ามาเป็นเวลากว่าครึ่งวัน หลินหลันมีอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อย หลี่หมิงอวินจึงงีบหลับเป็นเพื่อนนางชั่วครู่
เสมือนเขากำลังกล่อมเด็กอ่อน มือข้างหนึ่งตบแผ่นหลังนางเป็นจังหวะบางเบา ก้มลงมองคนในอ้อมแขนที่เปลือกตากำลังปิดสนิทด้วยแววตาอ่อนโยน ขนตายาวเป็นแพหนาโค้งงอนกำลังสั่นไหวเล็กน้อย ทำให้เขาอดคิดจะโน้มเข้าไปจุมพิตไม่ได้ แต่กลับเกรงว่าจะรบกวนนางที่กำลังฝันหวาน จึงทำเพียงเคลื่อนสายตาหนี แต่ดันไปจดจ้องอยู่ที่กลีบปากสีแดงระเรื่อของนาง ความชุ่มฉ่ำชวนให้หลงใหลอย่างปฏิเสธไม่ได้ เสมือนดอกไม้ตูมที่กำลังผลิบานบนกิ่งไม้ เขาถึงกับกลืนน้ำลายเบาๆ จากนั้นจึงเบนสายตาไปจดจ้องบนลำคอระหงของนาง ผิวขาวเนียนละเอียดประดุจหยก คอเสื้อเผยอเล็กน้อย เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่เด่นชัด ทันใดนั้นส่วนท้องน้อยของเขาก็รู้สึกถึงความหดเกร็ง พร้อมกับลมหายใจที่ร้อนรุ่มขึ้นอย่างหักห้ามไม่ได้
จะว่าไปพวกเขาก็แต่งงานกันมาสามปีแล้ว แม้จะไม่ถือว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่ครองคู่กันมายาวนาน แต่ก็ไม่เหมือนคู่หนุ่มสาวทั่วๆ ไปที่จะทนต่อการยั่วยวนไม่ได้ ทว่าร่างกายของเขาก็มักถูกปลุกจากการยั่วยวนได้โดยง่ายดายเช่นนี้ มันคือปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างสัตย์จริงจากความปรารถนาในก้นบึ้งจิตใจ อาจเพราะอยู่ห่างไกลจากความเร่งรีบและวุ่นวายทางโลก ห่างไกลจากความโกลาหลวุ่นวาย ณ ที่แห่งนี้ มีแต่นาง มีแค่ความรักที่เปี่ยมล้นในจิตใจ ดังนั้นถึงได้อ่อนไหวเป็นพิเศษกระมัง! เขาคิดเช่นนี้
เขาจึงเริ่มปลดเชือกบนเสื้อของนางอย่างเบามือ ระมัดระวังพร้อมด้วยความรู้สึกที่แฝงความซุกซนเอาไว้เล็กน้อย เสมือนเด็กๆ ที่กำลังแอบกินลูกกวาด จุมพิตบางเบาและนุ่มนวลค่อยๆ ไต่ลงไปเบื้องล่าง ปลายนิ้วเรียวยาวไล้ไปตามผิวพรรณเนียนนุ่ม
หลินหลันที่นอนหลับสะลึมสะลือ สัมผัสได้ถึงมือของเขาที่กำลังทำเรื่องพิเรนทร์ ตอนแรกนางหาได้แยแสไม่ โดยยังคงจมอยู่กับห้วงฝันของตนเองต่อไป ทว่าดูเหมือนเขาจะเริ่มรุกคืบเข้าไปเรื่อยๆ กระทั่งจุดประกายเพลิงทั่วทั้งเรือนร่างนาง ปลุกความปรารถนาในตัวนางให้ตื่นขึ้น
ลมหายใจที่ค่อยๆ หนักหน่วงขึ้นถูกพ่นออกมารินรดนาง
เขาหลุดยิ้มชั่ววูบ จากนั้นกล่าวด้วยเสียงระรื่นแผ่วเบา “ตื่นแล้วหรือ”
หลินหลันบ่นอุบอิบ “ให้ตายเถอะ ข้ามิใช่ท่อนไม้นะ”
เขาหัวเราะเบาๆ “เจ้าเป็นท่อนไม้สิถึงจะดี จะได้ให้ข้าทำอันใดก็ได้ที่ต้องการ”
“ชิ เจ้าต่างหากเป็นท่อนไม้” หลินหลันกัดคางของเขาอย่างมันเขี้ยว แต่กลับออกแรงอย่างนุ่มนวล เสมือนเป็นการหยอกเย้าเสียมากกว่า
เขาจับมือของนางขณะยิ้มเล็กยิ้มน้อย กดมันลงไปตำแหน่งที่นูนเด่นท่อนล่างของเขา “ท่อนไม้คงไม่อาจตอบโต้ประเภทนี้ได้หรอกกระมัง”
ดูเหมือนนางจะตระหนกตกใจต่ออุณหภูมิที่แผดเผาและความแข็งแกร่งนั่นไม่น้อยทีเดียว จึงอยากชักมือกลับ แต่กลับถูกเขาตรึงไว้แน่น อดไม่ได้ที่ใบหน้าของนางจะแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย อยากถามเสียเหลือเกินว่า…วันนี้เจ้ากินยาเร้ากําหนัดมาแล้วใช่หรือไม่ เหตุใดถึงได้เปลี่ยนไปจนน่ากลัวเพียงนี้
ในเมื่อนางตื่นแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องอดกลั้นอีกเช่นกัน ไม่ทันไรเสื้อผ้าท่อนบ่นของเขาก็ถูกปลดเปลื้อง จากนั้นซุกศีรษะเข้าหาหน้าอกของนาง ปรารถนาจะรักนางอย่างทะนุถนอม ความอวบอิ่มบริเวณนั้นพร้อมกับยอดชูชันสีชมพูประดุจสีสันของกลีบดอกท้อ ชวนให้ผู้คนอยากลิ้มรสอย่างอดไม่ได้
“หมิงอวิน เบาหน่อย…เจ็บ…” หลินหลันส่งเสียงกระซิบอ้อนวอน ตามด้วยเสียงครวญครางแผ่วเบา
เขากอบกุมมันอย่างทะนุถนอม พลางกลืนกินเสมือนไม่ต้องการเคลื่อนจากไปไหน อยากจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัวด้วยซ้ำก็ว่าได้
หลังความเจ็บปวดเล็กน้อยผ่านพ้น ก็ตามาด้วยความรู้สึกเสียวซ่านจนเกินบรรยาย เสมือนคลื่นไฟฟ้าไหลเวียน แล้วมารวมตัวกันอยู่บริเวณท้องน้อย ในร่างกายราวกับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าที่ถูกความปรารถนาอันเร่าร้อนเข้ามาเติมเต็ม
“หมิงอวิน...หมิงอวิน...” นางกำลังปรารถนาอย่างแรงกล้า ทว่าความปรารถนานี้กลับพูดไม่ออก ทำได้เพียงส่งเสียงเรียกชื่อเขาอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าอยู่นี่ หลันเอ๋อร์…” นัยน์ตาเขาฉายรอยยิ้มแฝงความนัย เขารู้ดีว่านางก็เริ่มรู้สึกเช่นเดียวกันแล้ว รู้ดีว่านางกำลังเร่งเร้า ทว่าเขาไม่คิดจะคล้อยตามนาง จึงปล่อยให้นางค้างเติ่งอย่างใจร้าย
หลินหลันรู้สึกเสมือนกำลังโดนเพลิงเผาไหม้ ใครถามเขาเสียที่ไหนกันเล่า นางเองก็ไม่ใช่คนโง่เขลา นี่เขากำลังทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงบนร่างกายนาง แน่นอนว่านางต้องรู้อยู่แล้วว่าเขาอยู่ตรงนี้ พ่อหนุ่มนี่ นับวันยิ่งร้ายกาจเข้าไปใหญ่ เช่นนั้นลองดูสิว่าใครจะร้ายกาจกว่าใคร
หลินหลันยื่นมือไปลูบยอดอกของเขา โดยเลียนแบบท่าทางที่เขาหยอกเย้านาง ด้วยการถูไถอยู่ตรงนั้น จนได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หลินหลันจึงผลักร่างเขาออกห่าง แล้วยกศีรษะขึ้นจู่โจมเขาด้วยจุมพิต เขาทำได้ แล้วนางจะทำบ้างไม่ได้หรือ ดูสิว่าใครจะแน่กว่าใคร
ลมหายใจของเขาถี่กระชั้นและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ มองดูนางด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ท่ามกลางดวงตาทั้งสองเสมือนจะมีเปลวไฟสองลุกโชติช่วง เขากัดฟันเบาๆ แล้วกล่าวเสียงพร่าเบา “หลันเอ๋อร์ เจ้าเป็นปีศาจตัวน้อย”
“อืม เช่นนั้นเจ้าก็เป็นปีศาจยักษ์ใหญ่” หลินหลันกล่าวพึมพำ ขณะใช้ปลายลิ้นละเมียดละไมบนยอดอกของเขา
เห็นได้ชัดว่านั่นคือช่วงเวลาแห่งเพลิงราคะที่กำลังลุกโชนประดุจธารน้ำหลาก แต่กลับถูกประโยคที่ว่าปีศาจยักษ์ใหญ่จากปากนางสร้างความท้อแท้เล็กน้อย หลี่หมิงอวินหัวเราะออกมาเบาๆ ทันใดนั้นก็ใช้มือรวบมือทั้งสองของนางที่กำลังซุกซนตรึงไว้เหนือศีรษะ จากนั้นโถมร่างกดลงไปอย่างเต็มแรง และแสร้งกล่าวดุดัน “ได้เลย! ตอนนี้ปีศาจยักษ์ใหญ่จะเขมือบปีศาจน้อยให้สิ้นซากเลยแล้วกัน”
หลินหลันทำหน้าทำตาระรื่น เผยรอยยิ้มขณะจ้องมองเขา “ได้สิ! ดูสิว่าใครจะกินใคร”
ดวงตาเขาเฉียบคมขึ้นชั่ววูบ สาวน้อยนี่ยังกล้าท้าทายอีกหรือ เขาใช้มือข้างหนึ่งจับสองขาเรียวของนางแยกออกจากกัน แล้วเคลื่อนไปยังต้นตอของความปรารถนานั่น ตำแหน่งนั้นให้ความรู้สึกเปียกชื้นดังคาด เขาจึงเผยรอยยิ้มอ่อนๆ “ปากแข็ง”
ความเป็นชายอันแข็งแกร่งจอค้างบริเวณความอ่อนนุ่ม ทันทีที่เอวของเขาทิ้งน้ำหนักลง ความแข่งแกร่งก็จมดิ่งสู่ใจกลางดอกไม้งาม เพียงชั่วพริบตาก็สัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นและอุ่นร้อนที่ห้อมล้อม ความคับแน่น ความผ่อนคลาย ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าเบาๆ
แม้ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือร่างกาย ทว่าวันนี้เขาแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ประดุจเหล็กกล้าที่จมดิ่งสู่ก้นบึ้งใจกลางดอกไม้งาม ทำให้นางรู้สึกเกินต้านทานเล็กน้อย จนต้องพ่นเสียงครางกระเส่าออกมา
เขาจ้องมองนางอย่างเพ่งพินิจ ปลายนิ้วมือเกลี่ยไปบนกลีบปากแดงที่เผยอออกเล็กน้อย พร้อมกับท่อนล่างที่เคลื่อนไหวอย่างเนิบช้า ถอยออกอย่างนุ่มนวล และเข้าสู่ภายในที่ลึกที่สุด
“หลันเอ๋อร์ ชอบหรือไม่…”
หลินหลันกล่าวตอบอย่างยากลำบาก “หากข้ากล่าวว่าไม่ชอบ เจ้าจะผละออกหรือไม่”
เขาเผยรอยยิ้มเล็กน้อย โดยเขาถอยออกจริงๆ และหยุดนิ่งอยู่ปากทาง
หลินหลันหงุดหงิดเบาๆ จึงกล่าวเชิงตำหนิ “เจ้าร้ายกาจเกินไปแล้ว”
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่ข้าก็แค่เชื่อฟังเจ้าเท่านั้นเองมิใช่หรือ”
หลินหลันจ้องเขม็งใส่เขา “ไอ้ที่ควรเชื่อฟังเจ้าก็ไม่เชื่อฟัง ที่ไม่ควรเชื่อฟังเจ้ากลับเชื่อฟัง”
เขาเผยรอยยิ้มที่ดูสุขสันต์ยิ่งกว่าเดิม “สามีโง่เขลานัก ขอภรรยาโปรดชี้แนะด้วย สรุปแล้วสามีควรเข้าหรือผละออกกันแน่”
หลินหลันโค้งลำตัวขึ้น เป็นฝ่ายเชื้อเชิญเขา และข่มขู่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาข้างใบหูเขา “หากเจ้าทิ้งกันกลางคัน ข้าก็จะกำจัดมันเสียเลย”
หลี่หมิงอวินหัวเราะร่า “ความหมายของฮูหยิน สามีเข้าใจแล้วขอรับ” เมื่อกล่าวจบสองเรียวขางามของนางก็ถูกยกลอยขึ้น ตามด้วยการเคลื่อนไหวที่เริ่มหนักหน่วงขึ้นมา
หลินหลันถูกเขาโจมตีจนจิตวิญญาณแทบจะถูกขุดขึ้นมาด้วย เสียงกายกระทบกายพร้อมกับลมหายใจหนักหน่วง แล้วยังมีเสียงครวญครางเบาๆ ประดุจลูกแมวเหมียวของนาง ท่ามกลางห้องที่เงียบสงัดเสียงเหล่านั้นจึงชัดเจนเป็นพิเศษ ชวนให้คนที่ได้ยินถึงกับหูหน้าตาแดง
ไม่รู้เช่นกันว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด จู่ๆ ภายในร่างกายก็รู้สึกเสมือนมีเพลิงกำลังเผาไหม้ คนทั้งคนอ่อนระทวยประดุจปุยเมฆที่ล่องลอย การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ หันในนั้นหลินหลันได้สติกลับคืนมา สองขาเกี่ยวรัดเขาไว้แนบแน่น ไม่ปล่อยให้เขาผละออก
เขาดูเหมือนทรมานต่อการอดกลั้นถึงขีดสุด จึงกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “หลันเอ๋อร์ ปล่อยเร็วเข้า ข้าอดกลั้นไม่ได้แล้ว..”
“ไม่ปล่อย ข้าไม่ปล่อย” นางกอดเขาไว้แนบแน่น ใช้แรงสุดกำลังที่พอมี
ท้ายที่สุดเขาปลดปล่อยมันออกมา ก่อนแนบกายหอบเบาๆ อยู่บนเรือนร่างนาง เนิ่นนานพอตัวกว่าเขาจะชายตาขึ้น มือข้างหนึ่งชันตัวขึ้น แล้วเอ่ยด้วยความกังวลใจเล็กน้อย “เจ้ารีบไปห้องน้ำเถอะ!”
หลินหลันเผยรอยยิ้มขณะเม้มริมฝีปาก “ข้าไม่ไป”
“เช่นนี้เจ้าจะตั้งครรภ์ได้”
“ตั้งครรภ์ก็ตั้งครรภ์สิ!” หลินหลันหาได้แยแสไม่ จากนั้นจึงชักสีหน้าเล็กน้อยขณะจ้องมองเขา “ทำไมหรือ เจ้าไม่อยากมีลูกแล้วหรือ”
แววตาของเขาเปล่งประกาย “ไม่ใช่ไม่อยาก เพียงแต่…”
“เพียงแต่อันใดหรือ” หลินหลันซักถาม
เขาลูบพวงแก้มของนางที่ยังคงแดงระเรื่ออย่างอ่อนโยน พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “หลันเอ๋อร์ เจ้ายังเด็กอยู่เลย”
หลินหลันหัวเราะบางเบา “ข้าอายุสิบแปดแล้ว ไม่เด็กแล้ว”
เขาเลียลิ้มฝีปาก แล้วเกลี้ยกล่อม “เรายังเยาว์วัย ภายภาคหน้าค่อยมีลูกก็ยังไม่สาย เด็กดี ลุกขึ้นเร็วเข้า”
หลินหลันขมวดคิ้วด้วยความไม่พึงพอใจ “หลี่หมิงอวิน เจ้าหมายความว่าอันใดหรือ เจ้าไม่อยากมีลูกกับข้าแล้วใช่หรือไม่”
หลี่หมิงอวินยิ้มเจื่อน “เหตุใดเจ้าถึงคิดอะไรเยี่ยงนี้”
หลินหลันรู้สึกเสียใจขึ้นมากะทันหัน เสียใจจนอยากร้องไห้ “เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าคิดอย่างไร เจ้าจะให้คนอื่นคิดเกี่ยวกับตัวข้าอย่างไร พวกเราแต่งงานกันมาเกือบสามปีแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเจ้าเข้าใจว่าข้ายังเยาว์วัย ทว่าตอนนี้…คนที่เขาไม่รู้เรื่องคงได้คิดว่าข้าให้กำเนิดบุตรไม่ได้!”