บ่วงแค้น บ่วงรัก - ตอนที่ 15 กลับบ้านกับฉัน
เครื่องบินกำลังลอยอยู่ที่ระดับความสูง 30,000 ฟุต ดวงตาของคณินมองไปที่กองเอกสารบนโต๊ะเป็นครั้งคราว แต่ก็ละสายตาออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่ได้พลิกดูเลย
ภายในใจของเขากำลังต่อต้านหลักฐานเหล่านี้!
หมอกเหนือมองคณินดูเหมือนนิ่งสงบ พวกเขาที่เป็นคุณชายในตระกูลร่ำรวยหน่อยก็จะใช้ชีวิตที่มีเกียรติมั่งคั่งและร่ำรวย ตั้งแต่เด็กจนโต มีแต่ไม่อยากได้ ไม่มีที่อะไรที่ไม่เคยได้มา ดังนั้นพวกเขาจะไม่เคยตีโพยตีพายเพื่อเรื่องอะไรอยู่แล้ว
เฉพาะผู้ที่โกรธจัดและด้อยกว่า พยายามแล้วแต่ไม่ได้มาเท่านั้นถึงจะรู้สึกตีโพยตีพาย
แต่วันนี้สิ่งที่เห็นบนร่างของคณินไม่เคยมีอาการตีโพยตีพายปรากฏ
หมอกเหนือรู้ว่าตอนนี้เขาจะคัดค้านคณินไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาทำได้เพียงบอกสถานการณ์จริงให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงหนักใจ “พวกเราไม่สามารถคลุมท้องฟ้าด้วยมือเดียวที่นิวซีแลนด์เหมือนตอนอยู่เมืองจาซา ตอนนี้คู่ครองของชมพูแพรคือมิสเตอร์ ในทางกลับกันทางฝั่งเขามีเส้นสายมากมาย ไม่มีการยินยอมจากมิสเตอร์ ถ้าพวกเขาอยากจะนำศพของชมพูแพรกลับมา คงจะผิดกฎหมายที่ทางฝั่งโน่นกำหนด”
คณินพูดอย่างดูหมิ่น “ฉันจะพูดอีกรอบ ไม่มีพินัยกรรมหรือศพอะไรทั้งนั้น เธอยังมีชีวิตอยู่!มิสเตอร์? เหอะ เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้านนอกอย่างสุขสบาย นั่นเป็นเพราะตระกูลเมธีประสิทธิ์คอยหนุนหลัง ถ้าตระกูลเมธีประสิทธิ์ล้มละเลยล่ะ?”
หมอกเหนืออ้าปาก เขาตกใจกับคำๆนี้จนพูดไม่ออก จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าคณินไม่ได้ใช้อารมณ์ชั่ววูบ ถ้าไม่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน เขาก็คงไม่ยอมง่ายๆแน่นอน
เพื่อชมพูแพรที่หย่าและตายไปแล้ว จำเป็นต้องทำให้ทั้งสองตระกูลไม่ถูกคอกันขนาดนี้เลยเหรอ
หมอกเหนือไม่กล้าคุยอะไรกับคณินอีก กลัวว่าจะทำให้เขาโมโหจนขาดสติกว่านี้
ประมาณสิบกว่าชั่วโมง คณินไปถึงนิวซีแลนด์ก็ไม่ได้พักผ่อนเลย มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลโดยตรง
เขามีวิธีให้มิสเตอร์รอ มิสเตอร์สามารถรักชมพูแพรจนถึงขั้นที่ทิ้งธุรกิจในประเทศ แต่เขามิสเตอร์ก็ยังเป็นคนของตระกูลเมธีประสิทธิ์ คนที่ตายคือคนของตระกูลเมธีประสิทธิ์ แล้วตระกูลเมธีประสิทธิ์จะไม่สนใจได้ยังไง?
ก่อนที่คณินจะขึ้นเครื่อง ก็ได้โทรบอกตระกูลเมธีประสิทธิ์ท่านปู่ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่กลับเคล้าไปด้วยการข่มขู่ “ท่านปู่เมฆา มิสเตอร์พาภรรยาของผมไป รบกวนท่านช่วยบอกเขา ถ้าเขายอมหยุดทุกอย่าง ผมก็จะหยุดทุกอย่างเหมือนกัน ถึงแม้จะทำให้เมธีประสิทธิ์กรุ๊ปล้มละลายในระยะสั้นๆไม่ได้ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่แพ้ทั้งสองฝ่าย ก็ทำให้เมธีประสิทธิ์กรุ๊ปไม่สามารถพลิกชีวิตได้นั้นผมยังสามารถทำได้ ใครสั่งให้มิสเตอร์เอาภรรยาผมไปล่ะ ทำเอาตอนนี้ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นแล้วแน่ะ?”
มิสเตอร์ยืนอยู่นอกโรงพยาบาล ดวงตาบวมแดง สภาพของเขาเหมือนถูกจู่โจมอย่างสาหัสจนค่อยข้างตกต่ำ อดีตเพื่อร่วมชั้น วันนี้ไม่ใช่เพื่อนกันอีกแล้ว เขามองคณินด้วยสายตาที่เคล้าด้วยความเกลียดชัง แล้วกำหมัดนั้น “บริจาคอวัยวะเป็นความปรารถนาก่อนที่แพรจะสิ้นใจ กลับเพราะว่าแกมาขัดขวาง ทำให้พลาดเวลาบริจาคที่ดีที่สุดไป!”
“ความปรารถนาก่อนตายงั้นเหรอ?” คณินยกยิ้ม แล้วพูดอย่างไม่สนใจอะไร “คำพูดแบบนั้น ทางที่ดีที่สุดก็อย่าพูดเลย จริงๆเธอไม่ได้ตาย ถ้าบริจาคอวัยวะแล้ว แกก็จะบอกฉันว่าไม่เหลือเค้าเดิมแล้วน่ะสิ? คำโกหกยังไงก็ถูกเปิดโปงอยู่แล้ว เหอะ พาฉันไปเจอเธอ”
ความก้าวร้าวของคณินสะท้อนให้มิสเตอร์ที่เก็บกลั้นความโกรธได้เห็น ทั้งสองมีอารมณ์ที่ต่างกัน กลับยังคงทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด
มิสเตอร์ถูกบีบบังคับโดยแรงกดดันของตระกูลเมธีประสิทธิ์ ทำได้เพียงเผชิญหน้ากับคณิน เขาหันหลังตามเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เข้าไปในโรงพยาบาล
เดินผ่านระเบียงแต่ละที่ ยิ่งเขาเดินเข้าไปด้านใน อารมณ์ของคณินก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้น ระเบียงที่ค่อนข้างโค้งนั้นดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด มืดลงเรื่อยๆ ความมืดไม่เคยทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยเลย “ทำไมไม่ไปแผนกผู้ป่วยในล่ะM”
เขาสามารถเชื่อได้ว่าชมพูแพรอยู่ในโรงพยาบาล แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นสถานที่ที่ควรไป
มิสเตอร์หยุดฝีเท้ากะทันหัน และเมื่อเขาหยุด ก็พูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ฉันหวังว่าเธอสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าเธอ…ยังมีชีวิตอยู่”
คณินพยายามอย่างดีที่สุดที่จะเพิกเฉยต่อลมหายใจที่เศร้าหมองจนสั่นเทาของมิสเตอร์ เขาหายใจเข้าลึกๆ และติดตามมิสเตอร์และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เดินต่อไปในทิศทางที่ไม่รู้จัก และคอยเตือนตัวเองอย่างต่อเนื่องว่ามิสเตอร์มันสารเลว เขากำลังโกหกตัวเองอยู่
คนที่ชมพูแพรรักคือเขาคณิน เธอรักมาสิบกว่าปี เธอรักเขาจริงๆ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีลูกกับผู้ชายคนอื่น
การโกหกเหล่านี้ เป็นเพียงมิสเตอร์ที่พยายามทำให้เขายอมแพ้เท่านั้น
นอกห้องเก็บศพ มิสเตอร์หยุดฝีเท้าลง
ยืนอยู่นอกประตู คณินเห็นคำว่า “mortuary” ในส่วนลึกนั้นหายใจเข้าออกถี่กระชั้น”เธออยู่ไหน? ทำไมแกถึงพาฉันมาที่นี่?”
“อยู่ด้านใน” น้ำตาของมิสเตอร์ไหลพรากลงมาทันที อารมณ์ความรู้สึกที่เจ็บปวดไม่สามารถยับยั้งไว้ เขาพิงอยู่ตรงผนัง ใช้ฝ่ามือจับหน้าผากบังตาไว้อย่างแรง เพื่อปิดบังสภาพที่ย่ำแย่ของตนเอง “ถ้าแกดื้อดึงที่จะเห็นเธอให้ได้ แกถึงจะยอม! งั้นแกก็เข้าไปดูเถอะ หลังจากนี้ ฉันแค่คิดว่าชาตินี้ขอให้ไม่ได้เจอแกอีก นี่ก็คือความปรารถนาสุดท้ายของแพร!”
คณินถอยไปหนึ่งก้าว กำลังจะเดินไปที่อื่น “มิสเตอร์! แกอย่ามาไม้นี้!”
ถึงแม้สภาพร่างกายของมิสเตอร์ประคับประคองไว้ไม่อยู่ แต่ก็ยังคงรู้สึกโมโหคณินอย่างมาก! “ฉันไม่อยากให้แกเจอเธอ! เพราะว่าเธอไม่อยากเจอแก! ถ้าไม่ใช่เพราะแกเอาความมั่นคงของตระกูลเมธีประสิทธิ์มาขู่ฉัน! ฉันไม่มีทางให้แกมารบกวนความสงบสุขของเธอหรอก!”
คณินค่อยๆ หายใจถี่ขึ้นจนหายใจติดขัด เขากระชากคอเสื้อบนคอ กระชากแรงๆหนึ่งทีจนกระดุมหลุดออกไปหนึ่งเม็ด เหมือนจุกอยู่กลางอกของเขา จนทำให้เขาทรมานมาก!
“ฉันจะทำให้แกแสดงละครตบหน้าต่อไปไม่ได้อีก!” คณินแสยะยิ้ม แล้วมองประตูตรงหน้า สีหน้าสื่อให้เห็นว่ามั่นใจในชัยชนะครั้งนี้
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ให้พวกเขาสองคนสวมชุด สวมหน้ากากและหมวก ลมเย็นจากแอร์ซัดเข้ามา คณินเดินตามเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เข้าไปด้านใน
หยุดตรงหน้าเตียงศพ ผ้าขาวถูกตลบออก คณินยืนอยู่ตรงหน้าผู้หญิงที่ถูกแช่จนขาวซีด คิ้วที่คุ้นเคย ปลายคิ้วที่มีไฝเล็กๆหนึ่งอัน จมูกโด่งได้ทรง ปากที่ได้รูปนั้น ตาที่หลับอยู่อย่างสงบ จุดไหนบ้างที่ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น?
เธอหลับใหลอย่างเงียบสงบ
ทุกอย่างดูซีดเซียว แม้กระทั่งริมฝีปากแดงฉ่ำตอนปกตินั้นยังขาวซีด
คณินอยากหันหลังวิ่งออกมา ขากลับเหมือนงอกราก บังคับให้เขาสังเกตมองอย่างละเอียด ยิ่งมองยิ่งละเอียด หายใจก็ยิ่งลำบากมากขึ้น
ร่างกายของเขาเริ่มรู้สึกหนาว ยื่นนิ้วมือไปแนบชิดกับรูจมูกของผู้หญิงคนนั้น ไม่ยอมปล่อยออก
เขาพูดในใจตลอดว่าเธอแกล้งทำ เขาไม่ยอมให้เธอสำเร็จแน่นอน ครั้งนี้เขาต้องพาเธอกลับไปให้ได้!
แต่สองนาที สามนาที ก็ไม่ได้หายใจเล็กแม้แต่เฮือกเดียว คนปกติไม่มีทางอดทนไม่หายใจได้นานขนาดนั้น เขารู้สึกว่าสติของตนเองในตอนนี้ค่อยๆแตก มือของเขาจับหน้าที่เย็นเฉียบของเธอไว้ สองมืออันสั่นเทาพยุงศีรษะของผู้หญิง เขาไม่เคยตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ขนาดนี้มาก่อน ต่อให้เห็นจดหมายพวกนั้น ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บแต่ก็ยังสามารถอดทนไว้
แต่เวลานี้ น้ำตรงหางตาหลั่งลงมา หน้าของเขาแนบชิดกับหน้าของเธอ เสียงที่เปล่งออกมาเศร้ารันทดมาก!
“แพร แพร อย่าแสดงละครตบหน้าที่ลำบากขนาดนี้ให้ผมดูได้ไหม วันข้างหน้าผมจะทำดีกับคุณ ผมจะยอมคุณทุกอย่าง คุณกลับไปกับผม ที่นี่หนาวเกินไปแล้ว! หนาวเกินไปแล้ว! เดี๋ยวจะไม่สบายนะ!”